WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, April 17, 2010

ยกสุดท้าย นายกฯอภิสิทธิ์

ที่มา ข่าวสด


คอลัมน์ รายงานพิเศษ



เหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน 2553 ที่ผ่านมา เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์

เป็นความผิดพลาดในระดับยุทธ ศาสตร์ในระดับเดินหมากผิดตาเดียว แพ้ทั้งกระดาน

หมากตาเดียวนั้นคือ ปฏิบัติการขอพื้นที่คืนจากผู้ชุมนุม ซึ่งเป็นปฏิบัติการทางทหาร

กลายเป็นเงื่อนไขให้ปัญหาต่างๆ ที่ปะทุคุกรุ่นมาก่อนแล้ว ระเบิดออกอย่างรุนแรงบนถนนราชดำเนิน ต่อหน้าต่อตาคนทั้งประเทศ

แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือนปช. ที่ระดมคนเสื้อแดงเข้ามาชุมนุมในกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 12-14 มีนา คม และทดสอบความอดทนอดกลั้นของรัฐบาลหลายครั้งหลายหน

แม้จะมีความโน้มเอียงในการใช้ "การทหาร" แก้ปัญหาการเมือง เนื่องจากรัฐบาลได้รับการสนับสนุนจากกองทัพในยุคของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อย่างเต็มที่

แต่กระแสสังคมก็กดดันจนนายอภิสิทธิ์ ยอมเดินเข้าโต๊ะเจรจากับนปช.ก่อนจะลงเอยด้วยความล้มเหลว

สถานการณ์พัฒนาไปอีกขั้น โดย ผู้ชุมนุมขยายเวทีไปยังสี่แยกราชประสงค์ ทำให้ธุรกิจ เศรษฐกิจบริเวณนั้นเป็นอัมพาตอย่างสิ้นเชิง

ก่อนการปะทะในวันที่ 10 เมษายน รัฐบาลได้สั่งปิดสถานีโทรทัศน์พีทีวีของชาวเสื้อแดง และเว็บไซต์ของเสื้อแดงอีกกว่า 30 เว็บ

เพื่อตัดเครือข่ายการประสานงานและแจ้งข่าวสารของเสื้อแดง

และกลายเป็นชนวนปะทะ ระหว่างคนเสื้อแดงกับทหารที่รักษาการสถานีบริการภาคพื้นดินของไทยคมที่อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ในวันที่ 9 เมษายน

ทหารยอมล่าถอย หลังจากใช้น้ำฉีด ใช้แก๊ส น้ำตาแล้วไม่ได้ผล

เช้ารุ่งขึ้น 10 เมษายน จึงเกิดเหตุการณ์คนเสื้อแดงบุกกองทัพภาค 1

ตามมาด้วยปฏิบัติการขอพื้นที่ถนนราชดำเนิน และสะพานผ่านฟ้าคืน ในช่วงเที่ยงของวันที่ 10 เมษายน

ผลของคำสั่งขอพื้นที่คืนจากผู้ชุมนุม ทำให้ มีกองกำลังทหาร อาวุธครบมือ พร้อมรถเกราะ รถสายพานลำเลียง เดินทางเข้าไปที่บริเวณใกล้อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ผู้ชุมนุมที่บางตาในตอนแรก เสริมกำลังเข้ามาอย่างรวดเร็ว กลายเป็นการเผชิญหน้าในเวลาย่ำค่ำที่ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร

เป็นเงื่อนไขที่สมบูรณ์ที่สุดสำหรับความรุนแรง

อุณหภูมิของความเกลียดชังที่บ่มไว้อย่างเป็นระบบ และความขัดแย้งต่างๆ ที่สั่งสมมาจากยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร, การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และความเคียดแค้นจากเดือนเมษายน 2552 ฯลฯ ได้จังหวะระเบิดออกอย่างฉับพลัน

มีกลุ่มฉวยโอกาสออกมาใช้อาวุธสงครามยิงใส่ ทหาร จนสูญเสียนายทหารระดับพันเอก ผู้บังคับ บัญชาระดับพลตรีบาดเจ็บ และกำลังพลเสียชีวิต อีกหลายนาย

รถหุ้มเกราะ รถสายพานลำเลียง รถฮัมวี อาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากถูกทำลายและถูกยึด

เป็นอีกครั้งที่กองทัพไทยโดนฉีกหน้าเสียหายยับเยิน

โดยมีกระแสข่าวระบุว่า เบื้องหลัง เกิดความขัด แย้งและการชิงอำนาจในกองทัพ ที่แตกออกเป็นสายอำนาจปัจจุบันและสายอำนาจเก่า

ส่วนฝ่ายประชาชนเสื้อแดง เอาชีวิตมาสังเวยถนนราชดำเนินอีกร่วม 20 คน เป็นการเสียชีวิตปริศนา เพราะฝ่ายทหารยืนยันว่าไม่ได้ใช้กระสุนจริงยิงใส่ประชาชน

ขณะที่เสื้อแดงระบุว่า ฝ่ายทหารใช้สไนเปอร์ หรือพลแม่นปืนซุ่มบนตึกสูง ยิงเด็ดหัวทีละคน

จนบัดนี้ ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า ชีวิตเหล่านี้เป็นผลงานของใครกันแน่

สภาพมิคสัญญีที่เกิดใจกลางกรุงเทพฯ ใกล้แหล่งท่องเที่ยวที่มีชาวต่างชาติมาชุมนุมกัน คือถนนข้าวสาร และย่านสนามหลวง ทำให้ภาพเหตุ การณ์ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก

แต่เรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านี้

กลุ่มผู้ชุมนุมยุบเวทีผ่านฟ้า ย้ายไปรวมเป็นเวทีเดียวที่ราชประสงค์ ขยายพื้นที่ชุมนุมไปในถนนธุรกิจรอบๆ และเตรียมเคลื่อนไหวใหญ่อีกระลอก

ยิ่งสร้างผลกระทบและแรงกดดันต่อนายอภิสิทธิ์และรัฐบาล

แต่รัฐบาลยังเดินหน้าต่อ นอก จากยืนยันไม่ยุบสภา ไม่ลาออกแล้ว ยังผลักดันให้ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือศอฉ. ดำเนินการต่อผู้ชุมนุมและผู้สนับ สนุน

โดยจะเรียกนักธุรกิจ นักการเมือง ที่สนับสนุนการชุมนุมเข้าราบ 11

และยังส่งตำรวจไปจับกุมแกนนำเสื้อแดงที่โรงแรมเอสซี ปาร์ค ในเช้าวันที่ 16 เมษายน แต่คว้าน้ำเหลว

ผลจากเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน แม้รัฐบาลจะพยายามเดินหน้า

แต่เป็นการเดินหน้าที่อ่อนเปลี้ย และมีแนวโน้มว่าอาจจะไม่ได้รับ ความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่

เนื่องจากเป็นการใช้มาตรการแข็งกร้าวแบบการทหาร เข้าจัด การกับความขัดแย้งทางการเมือง

ผลจากวันที่ 10 เมษายน ทำ ให้สถานะของนายอภิสิทธิ์เปลี่ยนแปลง อย่างพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ

ประการหนึ่ง กองทัพ โดยพล.อ. อนุพงษ์ ได้กล่าวในการแถลงข่าวว่า ปัญหาการเมืองจะต้องยุติด้วยการ เมือง และอาจจะต้องมีการยุบสภา

ซึ่งเท่ากับบีบให้นายอภิสิทธิ์ยุบสภา ขณะที่ข่าวเบื้องลึกระบุว่า ฝ่ายทหารจะไม่รับนโยบายขอพื้นที่คืนอีกต่อไป

ประการหนึ่ง พรรคร่วมรัฐบาลได้เปลี่ยนท่าที ยุติการสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ โดยจะใช้การเจรจาภายใน บีบให้นายอภิสิทธิ์ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปลี่ยนตัวนายกฯ ลดการเผชิญหน้ากับเสื้อแดง

และยังมีปัจจัยสำคัญเข้ามาเกี่ยวข้องคือการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง มีมติเห็นควรยุบพรรคประชาธิปัตย์ จากความผิดในเรื่องเงินบริจาค 258 ล้านบาทและเงินอุดหนุนพรรคการ เมือง 29 ล้านบาท รอการตัดสินของศาลรัฐ ธรรมนูญต่อไป

เท่ากับลดอำนาจต่อรองของพรรคประชาธิปัตย์ลงไปอีก

ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อยู่ในสภาพโดดเดี่ยวเคว้งคว้าง

รอเวลา"ร่วง"!?