WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, April 17, 2010

เปลี่ยนกรุงเทพให้ เป็นสามจังหวัดภาคใต้ : เปลี่ยนประเทศไทยให้เป็นรวันดา

ที่มา thaifreenews



บทความโดย...ลูกชาวนาไทย


คนเสื้อแดงเขาเรียกร้องแค่ “ยุบสภา” เท่านั้น ยอมไม่ได้ถึงกลับจะก่อให้เกิดสงครามกลางเมืองเชียวหรือ กลัวเสียงประชาชนขนาดยุบสภาไม่ได้เชียวหรือ ?ถึงกลับต้องฆ่าคนกลางเมือง โชว์ชาวโลกเชียวหรือ ?

นั่นเป็นคำถามต่อภาพรวมทั้งหมด

ใครที่ดูหนังเรื่อง Hotel Rwanda หรือติดตามข่าวการเมืองในสมัยเมื่อเกือบ 20ปีที่แล้ว จะเห็นภาพการฆ่ากันของคนในประเทศเดียวกันระหว่างคนสองเผ่าพันธุ์ คือ เผ่าฮูตูและเผ่าตุ๊ดชี่ ที่ทำให้มีคนตายเกือบล้านคน ซึ่งผลของการฆ่ากันนี้ เกิดจากการสร้างความเกลียดชังกันสะสมมาเป็นเวลานาน อันที่จริงนักชาติพันธุ์วิทยา ได้พิสูจน์ว่า เผ่าตุ๊ดชี่ กับเผ่าฮูตู ไม่ได้มีความแตกต่างทางด้านชาติพันธุ์มากมายนัก แต่มีความแตกต่างกันทางเศรษฐกิจมากกว่า โดยชนเผ่าตุ๊ดชี่ มักเป็นคนชั้นสูง เป็นผู้ปกครองที่มีความได้เปรียบทางเศรษฐกิจสูง มีการเอารัดเอาเปรียบกันทางสังคม ความอยุติธรรมต่างๆ สะสม เมื่อถึงคราวระเบิด การฆ่ากันแม้แต่คนข้างบ้านที่รู้จักกันมานั้น ก็เกิดขี้นทั่วทั้งสังคม การฆ่าส่วนใหญ่ก็ใช้มีดอีโต้ยาว ที่มีความโหดร้ายมาก ที่จริงเป็นเผ่าฮูตูซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศลุกขึ้นมาฆ่าเผ่าตุ๊ดชี่ ทิ่เป็นคนส่วนน้อยที่กุมเศรษฐกิจของประเทศไว้ (เทียบได้กับคนชั้นสูงในประเทศไทยปัจจุบัน)

สื่อมวลชนต่าง ๆ เช่น วิทยุ ก็เป็นสาเหตุหนึ่งทำให้ความเคียดแค้นชิงชังกันขยายตัวไปด้วย เพราะความมีอคติของสื่อ สร้างความแตกแยกร้าวฉานไปทั่ว

ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่จุดนั้น โดยไม่เรียนรู้ประสบการณ์จากชาวโลกในประวัติศาสตร์ร่วมสมัยกันนี้

รัฐบาลที่ "หมดประตูสร้างความชอบธรรม" ของนายอภิสิทธิ์ ได้ใช้สื่อของรัฐทุกชนิด ปิดล้อมทางสื่อกับคนเสื้อแดง ปิดเว็บไซต์ข้อมูลต่างๆ เพื่อเสนอข้อมูลข่าวสารด้านเดียว เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับ "การสังหารหมู่ประชาชน" ของตน ในคืนวันที่ 10 เมษายน 2553 มีความชอบธรรม รัฐบาลอำมาตย์ได้ทำการณรงค์ทางสื่อ โปรประกันดาค่างๆ ฉายคลิปวิดิโอด้านเดียว ให้ความจริงครึ่งเดียว เพื่อสร้างภาพให้ได้ว่า "คนเสื้อแดงที่โดนล้อมปราบ" ในวันที่ 10 เมษายน นั้น "สมควรตายแล้ว" เพราะพวกเขาบังอาจตอบโต้ทหาร ที่ไปฆ่าพวกเขา จนทหารตายไปหลายศพ และบาดเจ็บหลายร้อย ที่จริงพวกเขาควรให้ทหารฆ่าอย่างเดียวเหมือนเมื่อปีที่แล้ว

ทั้งๆ ที่คนเสื้อแดงโดนทหารเหล่านั้นฆ่า และบาดเจ็บเกือบพันคน

การสร้างภาพว่ามี “ผู้ก่อการร้ายในกลุ่มผู้ชุมนุม” เพื่อสร้างความชอบธรรมในใบสั่งฆ่าของอำมาตย์เท่านั้น

ข้อเท็จจริงไม่มีผู้ก่อการร้าย แต่เป็นคนในกองทัพไทยด้วยกัน ที่ทนเห็นความอยุติธรรมไม่ได้ และไม่อาจเห็นชาวบ้านถูกสังหารโหดได้ จึงต้องลุกขึ้นมา “หยุดยั้งกลุ่มหมาบ้า” อย่างผู้นำทหารเสือพระราชินี (บูรพาพยัคฆ์) พล.ต. วลิต โรจนภักดี กับพวก ในการสังหารประชาชน หากไม่มีพวกเขาวันนั้นคงมีคนตายเป็นพัน กว่าทหารพวกนี้จะบุกกวาดไปถึงเวทีที่ผ่านฟ้าได้ ก็คงต้องเดินบนกองศพคนเสื้อแดงนับพันทีเดียว เหมือนกับที่เทียนอันเหมิน ในประเทศจีน ที่มีคนตายเป็นหมื่น

กระสุน M-79 นัดนั้น จึงเป็นกระสุนแห่งคุณธรรมโดยแท้

การสร้างข่าวด้านเดียวนี้ไม่มีประโยชน์ เพราะโลกยุคนี้ ข่าวสารข้อมูลนั้น ไม่มีใครสามารถผูกขาดเทคโนโลยีสื่อสารที่ ต่อต้านการผูกขาดสื่อได้ คนเสื้อแดงในหมู่บ้าน ที่ผมเห็น ในชนบท ได้ "ปิดโทรทัศน์" งดรับข่าวสารจากฝ่ายรัฐบาลโดยสิ้นเชิงและ "ตีตรา" ข่าวสารรัฐบาลว่าเป็นการ "หลอกลวง" สื่อข่าวเดียวและอคติ

การโปรประกันดา ของรัฐบาลจึงมีผลกับคนเสื้อเหลืองที่เป็นพวกสนับสนุนอำมาตย์อย่างเดียว ทำให้คนเสื้อเหลืองโกรธแค้นคนเสิ้อแดงมากขึ้น และคนเสื้อแดงที่ไม่เชื่อข่าวภาครัฐ ก็โกรธแค้น "อำมาตยาธิปไตย" ตั้งแต่นายถึงบ่าวมากขึ้น

ผลของการโปรประกันดาอย่างหนักของรัฐบาลอภิสิทธิ์อย่างบ้าคลั่งขณะนี้ จึงมีประโยชน์อย่างเดียวคือ ทำให้ประเทศแตกแยกและยากประสานกันได้ และจะมีการฆ่ากันตายแบบรวันดามากขึ้น

ไม่มีทางที่สื่อปัจจุบันนี้ จะสร้าง "ฉันทานุมัติ" ให้สังคมคิดไปทางเดียวกันได้แบบยุคก่อนอีกแล้ว



คนได้เลือกข้างไปหมดแล้ว ไม่มีใครฟังหรือรับสื่อจากฝากตรงข้ามอีกต่อไป สื่อของรัฐบาลอภิสิทธิ์ จึงไม่ส่งผลต่อคนเสื้อแดงแต่อย่างใด

หากมีการ "ล้อมปราบอีกครั้ง" มีฆ่าคนอีกครั้ง ประเทศไทยจะได้จำนวนศพ และคนบาดเจ็บมากขึ้น เสิ้อแดงจะไม่สลายตัวไป แต่กรุงเทพฯ จะกลายเป็น "สามจังหวัดชายแดนภาคใต้" กลายเป็นเขตสงครามกลางเมือง และรัฐบาลอภิสิทธิ์ ได้ยกสนามรบมาไว้ในกรุงเทพมหานครเรียบร้อย

ประเทศไทยจะกลายเป็น รวันดา แห่งที่สองของโลก

อย่าคิดว่า "สิ่งศักดิ์สิทธิ์" นั้น จะยัง "ศักดิ์สิทธิ์" อยู่

ช่วงกลางสงกรานนี้ ผมได้กลับหมู่บ้านเกิด และตรวจสอบความเห็นของชาวบ้าน ชาวนา พบว่า พวกเขาไปกันไกลแล้ว เขารู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว เขามีคำถามกันแล้วว่า "...อยู่ไปมีประโยชน์อย่างไร" หากล้อมฆ่าพวกเขาอีกครั้ง "สายใยเส้นสุดท้าย" จะขาดผึงลงทันที ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ ไม่ใช่พราหมณ์ ที่เมื่อถึงที่สุดแล้ว ชาวบ้านก็จะตาสว่างว่า การกราบไหว้บูชาเทวดานั้น ไม่เป็น "สรณะได้อย่างแท้จริง" ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

คนเสื้อแดงที่ตายกว่ายี่สิบคน บาดเจ็บร่วมพันคน มีพี่น้องพวกพ้องของเขาที่ไปร่วมด้วยทั่วประเทศ แต่ละคนที่บาดเจ็บหรือตาย ไม่ได้มาจากอากาศธาตุ พวกเขามีที่อยู่ มีตัวตนในสังคมของเขา มีสายใยกับกลุ่มพวกของเขาที่มา การชุมนุมของคนเสื้อแดง มีคนเข้าร่วม สี่ถึงห้าแสนคน ที่ยังไม่ได้มาแต่สนับสนุนอยู่ที่ต่างจังหวัดอีกมากมาย มันจึงเป็นกิจกรรมที่ “ประชาชนมีส่วนร่วม” หรือเข้าร่วมมากที่สุด คนเจ็บคนตาย มีสายสัมพันธ์กับคนเหล่านี้อยู่ พวกเขาเจ็บแค้น ที่พวกพร้องของเขาเจ็บ ตาย โดยคำสั่งของ “คนที่พวกเขาก็รู้” พวกเขาไม่ได้โง่ ไม่ได้เป็นชาวนาโง่ๆ แบบยุคสงครามเย็นปี 1980s อีกแล้ว แต่เป็นชาวบ้านที่ถูกถึงเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง ตั้งสามสี่ปี ตั้งแต่หลังรัฐประหารปี 2549 แล้ว พวกเขามีจิตสำนึกทางการเมือง มีเครือข่ายเชื่อมโยงทางการเมืองเรียบร้อยแล้ว การโปรประกันดาใดๆ ของอำมาตย์ ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนใจชาวบ้านเสื้อแดงอีกต่อไปแล้ว

อุดมการณ์จักรๆ วงศ์ๆ ใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ในวันนี้ พ.ศ. นี้

การกลับชนบทในช่วงสงกรานต์ โดย “ลาพักรบ” ในสนามรบราชประสงค์ และผ่านฟ้าของผม เพื่อมาเยี่ยมบ้านครั้งนี้ ผมจึงได้มีโอกาสเข้ามาตรวจสอบกระแสในหมู่บ้าน กระแสจากพี่ป้าน้าอา ที่เป็น “ชาวนา” เลือดเดียวกับผม กลับครั้งนี้ ญาติพี่น้องของผมต่างเข้ามา “ประชุมสภาใต้ถุนบ้าน” กันเพื่อวิจารณ์ทางการเมืองกับผมกันอย่างเต็มที่ แค่หมู่บ้านผม ก็มีคนเข้าร่วมในกลุ่มเสื้อแดงหลายสิบคนแล้ว เป็นเสื้อแดงกันทั้งหมู่บ้าน

อันที่จริงหมู่บ้านชนบทไทยยุคนี้ ไม่ได้ “ขาดลอยจากสังคมเมือง” เพราะลูกหลานต่างทำงานในเมือง ทำงานในโรงงาน เป็นพนักงานของบริษัท ราชการ ทหารตำรวจ ทำให้มีปฎิสัมพันธ์กันมากมาย กระแสความคิดที่ไหลเวียนในสังคมชั้นล่าง ที่ไม่ใช่ “สังคมชั้นสูง อำมาตย์” ก็ไหลเวียนอย่างเต็มที่

ตอบได้เลยว่า วันนี้ “สิ่งศักดิ์สิทธิ์” นั้น ไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไปแล้ว สายสัมพันธ์แทบขาดสะบั้น หรือ “ขาดสะบั้น” ไปแล้วกับ ชาวนาก้าวหน้าในชุมชนที่เป็นพวก “หัวหมอหรือหัวการเมือง”

วันนี้หากรัฐบาลยังโหมโปรประกันดา เพื่อให้การ “สังหารหมู่ประชาชนในวันที่ 10เมษายน” และจะสังหารกันอีกในรอบใหม่ มีความชอบธรรม

รัฐบาลอภิสิทธิ์ กำลังทำให้ “กรุงเทพฯเป็นสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และทำให้ประเทศไทยกลายเป็นรวันดา”

วันนี้ผมรู้ว่าผมหยุดฝ่ายใดไม่ได้ แต่เมื่อประเทศมันเป็นฝีเป็นหนองมานาน ก็ให้ฝีมันแตกเสียเลย ไทยยุคใหม่ จะได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างสมบูรณ์เสียที

เมื่ออยากได้สงครามกลางเมือง ก็ให้ได้สมใจคนกรุงเทพฯ และคนชั้นสูงก็แล้วกัน

ถึงอย่างไร วันนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ไม่อาจเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปได้แล้ว ในทางการเมือง “นายอภิสิทธิ์ได้ตายไปแล้ว” เหลือแต่สภาพผีดิบที่รอวันดับไปเท่านั้น

วันนี้แม้จะถูกฆ่า บาดเจ็บไปร่วมพันคน คนเสื้อแดงก็ไม่ได้เสียขวัญหรือท้อถอย แต่กลับมีพลังใจมุ่งมั่นในการต่อสู้มากกว่าเดิม หลังสงกรานต์ พวกชนบทที่กลับมาพักรบชั่วคราว จะกลับไปอีก เพื่อเสริมทัพที่ราชประสงค์ ให้เข็มแข็งยิ่งขึ้น ผมไม่เห็นแววกลัว หรือท้อถอยในหมู่คนเสื้อแดงในวันนี้

วันนี้ชาวบ้านเขาต้องการเปลี่ยนแปลงและเอาชนะให้ได้ เทวดาหน้าไหน ก็ไม่อาจหยุดการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ หากไม่ชิงปฎิวัติประชาธิปไตยก่อน ชาวบ้านเขาก็จะปฎิวัติประชาชนเอง