ที่มา ข่าวสด
"ควรจะปรึกษา นายชวน หลีกภัย และ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน"
น่าคิด
น่าคิดว่าแวดวงการหารือของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ น่าจำกัดอยู่เพียง หากมิใช่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย
หรือไม่ก็ นายศิริโชค โสภา
ยิ่งเมื่อต้องออกจากบ้านไปพำนักยาวอยู่ในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ บางเขน ยิ่งทำให้ตกอยู่ในลักษณะถูกตีกรอบ
กรอบ 1 เป็นบรรดารัฐมนตรีและคนสนิทที่ใกล้ชิด
กรอบ 1 เป็นบรรดาแม่ทัพ นายกอง ในเครื่องแบบ ไม่ว่าจะในที่ประชุมหรือกลับไปพักในบ้านรับรอง
หูตาจึงพลอยถูก "กำกัด" ให้อยู่ใน "พื้นที่" อันจำกัด
ขอให้พิจารณาข้อมูลข่าวสารจาก พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ที่ตอบคำถามที่ว่า ศอฉ.ประเมินผู้ชุมนุมเหลือเท่าไหร่
"เมื่อเช้า 08.30 น. มีไม่มาก ผ่านฟ้า 3 พัน ราชประสงค์ 2 พัน"
หากมองจากฐานข้อมูลของศูนย์อำนวยการการบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉินอันเป็นคู่ขัดแย้งกับ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ก็สามารถเข้าใจได้
เข้าใจได้ว่าจำเป็นต้อง "ดิสเครดิต" อีกฝ่าย
นั่นก็คือ จำเป็นต้องนำเสนอจำนวนประชาชนในที่ชุมนุมในเวลาอันถือว่าแย่ที่สุด คือ เวลาตอนเช้า
แทนที่จะเอาเวลาตอนค่ำหรือตอนดึกซึ่งมากด้วยความคึกคัก
กระนั้น หากเริ่มต้นจากความต้องการ "ดิสเครดิต" ต่ออีกฝ่ายอย่างเจตนาเช่นนี้แล้วโอกาสที่นำไปสู่ความผิดพลาดจากข้อมูลที่คลาดเคลื่อนก็มีความเป็นไปได้สูง
และ "ข้อมูล" ประเภทนี้เองที่แวดล้อม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อยู่
ไม่เพียงแต่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะถูกป้อนข้อมูลจากฝ่ายทหารและตำรวจที่ต้องการเอาอกเอาใจว่าสถานการณ์มิได้ย่ำแย่
หากข้อมูลจากคนสนิท ข้อมูลจากประดา "วอลเปเปอร์" ก็แทบไม่แตกต่าง
นั่นก็คือ ข้อมูลประเภท นปช.กำลังขัดแย้งแตกแยก มีปัญหาเรื่องการได้รับเงินที่ไม่เท่าเทียมและไม่สม่ำเสมอ
ข้อมูลประเภทที่ประชาชนเริ่มรู้ข้อเท็จจริงและถอนตัวออกไป
จึงมองข้ามความเป็นเอกภาพ จึงมองข้ามความแข็งแกร่ง จึงมองข้ามความสามารถในการระดมกำลังเข้ามาร่วมอย่างรวดเร็ว
ตรงนี้แหละที่ทำให้การตัดสินใจในวันที่ 10 เมษายน ผิดพลาด
ตรงนี้แหละที่เมื่อไม่สามารถสลายการชุมนุมได้ภายในเวลา 18.00 น.ตามกำหนด ยังดึงดันที่จะเดินหน้าต่อไป แม้ว่าจะค่ำมืดและมากด้วยความสับสนอย่างยิ่ง
แทนที่จะกำชัย จึงกลับเป็นความล้มเหลวและกลายเป็น "นายกฯ มือเปื้อนเลือด"
ไม่ว่า จอมพลถนอม กิตติขจร ไม่ว่า พล.อ.สุจินดา คราประยูร ล้วนอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
เป็นสถานการณ์ของบุคคลที่อยู่บนบัลลังก์แห่งอำนาจ ในอีกด้านทำให้เหินห่างจากข้อมูลและความเป็นจริง และเหินห่างจากทุกข์ของประชาชนซึ่งอยู่ภายใต้การปกครอง
เป็นความผิดพลาดที่ตกทอดจาก 2516 มาถึง 2535 และ 2553 จนได้
เพื่อไทย
Friday, April 16, 2010
หลุมพราง อำนาจ จาก ยุค ถนอม กิตติขจร ถึง ยุค "อภิสิทธิ์"
เสียงเตือนจาก นายบรรหาร ศิลปอาชา ถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ว่า