WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, April 12, 2010

อี้-แทนคุณจากหัวหอกไล่สมัครทำกับข้าวออกทีวีโดนปลด ถึงบทบาทพิธีกร'ซึนเดเระ'ช่องหอยม่วง

ที่มา Thai E-News



พิธีกรซึนเดเระ- พฤติการณ์แบบอี้-แทนคุณมีพฤติกรรมแบบ"ตีสองหน้า"เป็นที่รู้จักกันในวงการวัยรุ่นด้วยศัพท์ว่า"ซึนเดเระ"คือความจริงมีความโหดเหี้ยมดุร้ายในกมลสันดาน แต่ชอบแสดงออกว่าเขาเป็นคนเคร่งศาสนา เขาไม่ได้รู้สึกสลดใจใดๆต่อการปราบปรามเข่นฆ่าผู้เรียกร้องประชาธิปไตย หากแต่เขามองคนเหล่านี้"รู้เท่าไม่ถึงการณ์"


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
12 เมษายน 2553

*ข่าวเกี่ยวเนื่อง:บันทึกในแผ่นดิน ‘เปลว สีเงิน’ เขียนบทความให้เวลา 4วัน : ชุมนุม ‘แดง’ แยกประชาชนจากกบฏ และ ‘ฆ่า’

วันนี้โทรทัศน์ฟรีทีวีทุกช่องพร้อมกันแพร่ภาพที่ถ่ายทอดจากช่อง11 โดยรัฐบาลได้โฆษณาชวนเชื่อว่ามีผู้ก่อการร้ายแฝงเข้ามากับผู้ชุมนุมเสื้อแดงสังหารทหาร โดยมีนายแทนคุณ จิตต์อิสระ เป็นผู้ดำเนินรายการ แต่ไม่ได้กล่าวถึงว่าจากเหตุการณ์เมื่อวันเสาร์ที่ 10 เมษายนที่ผ่านมามีผู้ประท้วงถูกสังหารมากกว่า 15 ศพ ขณะที่มีทหารตายเพียง 5 ศพ

รู้จัก"อี้ แทนคุณ-จิตต์อิสระ"พิธีกรผู้ดำเนินรายการช่องหอยม่วง ที่ชงแต่ละคำถามให้ร้ายป้ายสีเสื้อแดง และเชียร์รัฐบาลเต็มสูบ แต่ชอบออกตัวว่าเขาเป็นกลางทางการเมือง ความจริงเขาเคยเคลื่อนไหวขับไล่นายสมัคร สุนทรเสวชมาก่อน

อี้-แทนคุณมักประกาศว่าเขาเป็นผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า แต่ในบทบาทของพิธีกรทางช่องหอยม่วง ก็ดูเขาไม่ได้รู้สึกสลดใจใดๆต่อการปราบปรามเข่นฆ่าผู้เรียกร้องประชาธิปไตย หากแต่เขามองคนเหล่านี้มาร่วมประท้วงเพราะ"รู้เท่าไม่ถึงการณ์" และย้ำว่าไม่ได้พูดเพื่อให้คนไทยเกลียดชังคนเสื้อแดงผู้ประท้วงเลย เพราะคนเหล่านี้ถูกหลอกลวงมาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์

พฤติการณ์แบบอี้-แทนคุณมีพฤติกรรมแบบ""ตีสองหน้า"เป็นที่รู้จักกันในวงการวัยรุ่นด้วยศัพท์ว่า"ซึนเดเระ"คือความจริงมีความโหดเหี้ยมดุร้ายในกมลสันดาน แต่ชอบแสดงออกว่าเขาเป็นคนเคร่งศาสนา

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2551 หลังจากที่พรรคพลังประชาชนมีมติสนับสนุนให้ “สมัคร สุนทรเวช” กลับเข้ามารับหน้าที่นายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ภายหลังศาลตัดสินว่ามีความผิดฐานทำกับข้าวออกทีวี ส่งผลให้ 84 องค์กรเครือข่ายต้านคอรัปชั่น ได้ตัดสินใจรวมตัวกันถวายฎีกาไม่เอาสมัครเป็นนายกฯ โดยมี “อี้ แทนคุณ จิตต์อิสระ” ดาราและพิธีกรชื่อดังเป็นหนึ่งในตัวแทนขององค์กรต่างๆ เข้าถวายฎีกาด้วย

ในตอนนั้น ดาราพิธีกรชื่อดังได้เปิดเผยถึงเหตุที่จะต้องถวายฎีกาว่าเป็นเพราะ นายสมัครขาดจริยธรรม ทำความผิดไม่สมควรกลับมาเป็นนายกฯ วอนให้สำนึก ลดละเลิกอยากได้ตำแหน่ง ย้ำชัดอย่าเอาคนโกงกลับมาทำชั่วในสภาอีก

“ผมเป็นตัวแทนในนาม 84 องค์กรเครือข่ายต้านคอรัปชั่นเพื่อช่วยทำให้ปัญหาคลี่คลายและยุติ โดยองค์กรของเรานั้นจะเน้นย้ำป้องกันไม่ให้เกิดการคอรัปชั่น สร้างมาตรฐานคุณธรรมต่อสังคม คนคดโกงไม่ควรได้รับสิทธิพิเศษในการอยู่รอด ไม่งั้นก็จะเป็นต้นแบบไม่ดีกับเยาวชน คนที่ทุจริตประพฤติไม่ดีไม่เหมาะสม กลับมาเป็นผู้นำประเทศอีก บางคนอาจจะไม่กลัวเพราะมีสิทธิมีอำนาจ และพร้อมจะกลับมาทำชั่วในสภาได้อีก”

“โดยส่วนตัวเราไม่ได้มีเรื่องกับใคร ไม่ได้มีอะไรกับคุณสมัคร วันนี้ไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็นใครเราก็จะทำแบบนี้ ต้องทำให้เป็นต้นแบบต่อไป ผมเองทำงานเพื่อภาคประชาสังคมประมาณ 7 - 8 ปีแล้ว และเป็นประธานกลุ่มธรรมะเยาวชน เน้นความพอเพียง เสียสละ ซื่อสัตย์ เราทำงานเยาวชนมาเยอะ ถ้าพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่งคนเขาจะไม่เชื่อถือ มันไม่ได้สำคัญที่ตัวเรา สำคัญที่ต้นแบบคนที่เป็นตัวอย่าง ถ้าต้นแบบสร้างมาไม่ดีประเทศชาติก็จะพังพินาศ เราสอนให้เขาซื่อสัตย์อย่าโกง แต่ถ้าสิ่งที่สอนกับสิ่งที่ทำขัดแย้งกันสิ้นเชิง แล้วองค์กรเราจะไปสอนเยาวชนได้อย่างไร”

“นักการเมืองยุคนี้เราเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ไปสร้างเด็กรุ่นใหม่ดีกว่า ไม่งั้นเกิดเด็กไปเห็นตัวอย่างที่ไม่ดี และยึดเอาไปปฏิบัติตามจะทำให้ประเทศชาติพินาศกว่าเดิม”

“นายกไม่ใช่บุคคลธรรมดา เป็นคนสาธารณะ เรามีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องถ้าเห็นว่ามันไม่ถูกไม่ควร ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องที่เกลียดใครมาก ชอบใครมาก หรือแค้นใครมาก แต่เป็นการทำหน้าที่ตามระบอบประชาธิปไตย การมีส่วนร่วมบนความถูกต้อง เพื่อที่เขาจะได้ไม่ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องเราต้องทำให้เป็นมาตรฐานของนักการเมือง ไม่ใช่มีอำนาจก็สามารถซื้อได้ทุกอย่าง”

“เด็กในวันนี้วันหนึ่งก็ต้องโตเป็นผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ซักวันหนึ่งก็ต้องแก่เฒ่า จะได้อยู่อย่างสงบสุข ท่านเองก็สูงอายุขึ้นทุกวัน น่าจะได้อยู่อย่างภาคภูมิใจมีศักดิ์ศรีที่ไม่ทำผิดไม่ละอายว่าเคยทำอะไรลงไป ขอให้มีความละอายในการทำชั่วกลัวบาป คนเราไม่ทำชั่วก็เพราะกลัวบาปกรรม เมื่อกลัวแล้วจะได้ทำบาปน้อยลง ทุกวันนี้มีอำนาจเยอะ แต่อย่าลืมว่าอำนาจนั้นมาจากประชาชน ถ้าสำนึกจริยธรรมไม่มีก็ต้องให้โอกาสเขาปรับตัว ทำดีคนก็ชื่นชมศรัทธา แต่ถ้าทำชั่วก็ต้องเชิญออก”

“ขอยืนยันว่าเราไม่ได้รักใครชอบใคร แต่ที่ต้องออกมาทำตรงนี้เพราะปัญหามันจะไม่มีที่สิ้นสุดไล่ไปก็มาใหม่ ฉะนั้นเราต้องแก้ที่ต้นเหตุ และที่เลือกวันพรุ่งนี้เพราะอาจมีการปะทะกัน ถ้าไม่ทำอะไรมัวแต่หลบอยู่เฉยๆ ดีกว่า เดี๋ยวก็แก้ปัญหาเองได้มันไม่ได้ ต้องช่วยกันอย่าผลักภาระแล้วอยู่เฉยๆ ไม่เจ็บตัวไม่ถูกใครว่า แล้วถ้าเราไม่ทำใครจะทำผลักไปเรื่อยๆ”

“ที่ผ่านมาทางองค์กรได้ติดตามมาสถานการณ์มาตลอด และคิดว่าคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจะจบ น่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดี แต่ไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็จะเสนอชื่อเข้ามาอีก มันชัดเจนแล้วว่าพึ่งนักการเมืองไม่ได้ พึ่งระบบเดิมๆ ไม่ได้ การเมืองใหม่ที่เราอยากเห็นคือคนไทยมีส่วนร่วมมากที่สุด ใครก็ได้ที่จะทำอะไรเพื่อเรียกร้องให้เกิดความถูกต้องไม่ทุจริตคอรัปชั่นก็ทำเถอะครับ”

“การที่เขาไม่อยากจะสำนึก ก็อยากให้เห็นแก่ส่วนรวมว่า ตำแหน่งบางตำแหน่งไม่เหมาะสมก็ขอให้ละเลิกความอยากนั้นเสีย ถ้าเลิกไม่ได้มันไม่สง่างาม ในเมื่อศาลก็ตัดสินออกมาแล้วว่าคนนี้มีความผิดจริง ถึงแม้จะเป็นความผิดเล็กๆ แต่มีผลต่อภาพลักษณ์”

“ท่านก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ผมไม่ได้ก้าวร้าวอะไร แต่มันเป็นการทำงานที่ใหญ่หลายองค์กร ผมเป็นประชาสัมพันธ์อบรมเด็กเยาวชน ได้รับความอนุเคราะห์จากผู้ใหญ่อบรมบ่มสอน พวกเราสำนึกมาตลอดว่า ถ้าเราไม่ร่วมเด็กเยาวชนทำเฉย พอชาติพังก็รับแต่ซากปรักหักพัง ถูกโกงกินจนหมดแล้วจะไปเรียกร้องอะไร ตอนนี้ประชาธิปไตยก้าวหน้าไปมาก เราต้องลุกออกมาแสดงออกสิ่งที่ถูกต้อง ไม่เอาคนโกงไม่เอาคนทุจริต”

แม้ว่าการเลือก “สมัคร” กลับมาอีกครั้งจะเป็นไปได้ตามหลักกฏหมาย แต่มันผิดหลักจริยธรรม

“จริยธรรมสำคัญกว่านะ กฏหมายมีช่องโหว่โดนแบบนี้กลับมาได้อีก การที่ศาลตัดสินแบบนี้คือการลงโทษที่สุดแล้วสำหรับผู้นำประเทศ ไม่ควรจะกลับมาอีก ควรจะคิดได้เองเลยไม่ได้มีการเขียนบทลงโทษ แบบนี้ถือว่ารุนแรงแล้วควรที่จะรู้ตัวเองแล้ว บางตำแหน่งให้คนอื่นทำดีกว่าเหอะ ถ้ามีมลทินแล้วให้คนอื่นทำ ถ้าเอาผลประโยชน์ตัวเองเป็นที่ตั้งอย่างเดียวก็ออกไปเถอะ”

เผยการเมืองมาถึงทางตัน ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลยังเลือกสมัครเป็นนายกฯ ประชาชนจะหมดศรัทธา

“ถ้าพรรคร่วมยังจะเลือกเขาเป็นนายกฯ ก็คงจะแล้วแต่จิตสำนึกนะครับ มันถึงทางตันแล้ว วันที่ 25 ที่จะถึงนี้ก็จะมีการตัดสินคดีเกิดขึ้นอีก คำตอบก็มีอยู่แล้ว ความศรัทธาของพรรคต่างๆ ก็จะก็ลดลงไปด้วย ประชาชนกับพรรคการเมืองต้องพึ่งพาอาศัยกัน นักการเมืองไม่มีอุดมการณ์ประชาชนก็ไม่ศรัทธา เมื่อไม่ศรัทธาก็จะไม่ได้รับความเชื่อถือ คิดว่าอนาคตอันใกล้คนไทยคงได้เห็นนิสัยจริงๆ ของนักการเมืองแต่ละคนแต่ละพวก ว่าควรค่าที่เชื่อใจหรือไม่”

“การที่นักการเมืองออกมาวิพากษ์วิจารณ์ศาลก็เหมือนกัน ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควร เราควรจะเคารพศาลคนที่ไม่เคารพศาลไม่เคารพกฏหมายก็อยู่ร่วมกันไม่ได้ ก็ไม่รู้วาเบื้องหลังมีใคร มีกฏหมายเตือนไว้อย่าละเมิดอำนาจศาล ถ้าละเมิดก็จะแย่ด้วยตัวเราเอง”

“วันนี้ประเทศชาติมันแย่แล้ว เราออกมาทำตรงนี้ไม่ได้คิดว่าโหนกระแส ไม่ได้รอจังหวะ ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง พรุ่งนี้คาดการณ์ว่าจะเกิดการแตกหักปะทะกัน ถ้าการกระทำบางอย่างช่วยลดความเปลี่ยนแปลงตึงเครียดก็ต้องทำ ถ้าการกระทำด้วยวิธีใดๆ สามารถช่วยเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์รุนแรงได้ถือเป็นบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่มาก”

“ฉะนั้นเราต้องหาวิธีทางที่ทำให้เขาเชื่อ ซึ่งการถวายฎีกาน่าจะเป็นทางรอดทางเดียวในสังคมปัจจุบันที่กำลังหาที่พึ่ง”

โดยในวันดังกล่าวในเวลา 13.00 น. มีการนัดรวมตัว 84 องค์กรต่อต้านคอรัปชั่นที่บริเวณวัดพระแก้ว เพื่อทำพิธีสวดมนต์ และจะเดินทางไปถวายฎีกาที่สำนักราชเลขาธิการเวลา 13.30 น.