ที่มา บางกอกทูเดย์
ถ้าไม่มีอะไรพลิกผัน..หลังเที่ยงคืนวันที่ 3 กรกฎาคม..ปีนี้..การเมืองประเทศไทย จะก้าวไปสู่อีกหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์..
เพราะนับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นต้นมา..มีแต่การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงข้างหน้า..ที่ไม่เหมือนการเลือกตั้งครั้งใดๆ ในอดีต
เป็นการเลือกตั้ง..ที่แปลกแหวกแนว..เพราะหัวหน้าพรรคของพรรคที่ได้รับการคาด หมายว่าจะเป็นพรรคที่ชนะเป็นอันดับหนึ่ง..คือพรรคที่ถูกปฏิวัติรัฐประหารไป เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 และจากวันนั้นจนบัดนี้..พรรคที่ถูกปฏิวัติ..ก็คือพรรคที่ได้รับการขานรับจาก ประชาชนมากที่สุด
ขานรับทั้งๆ ที่รู้ว่า..หัวหน้าพรรคตัวจริงนั้น..อยู่ต่างประเทศในฐานะผู้ต้องคดี..เป็น ผู้ต้องหาหลบหนีคำพิพากษา..อันเป็นโทษจำคุก..2 ปี
ประชาชนส่วนใหญ่..ให้การสนับสนุนผู้ต้องคำพิพากษา..คู่ต่อสู้ทางการเมือง เรียกเขาว่า "นักโทษชาย"..แต่..ประชาชนส่วนใหญ่เลือกพรรคที่มี.."นักโทษชาย" ให้มาเป็นอันดับหนึ่งในการเลือกตั้ง..
นักโทษชายผู้นี้..แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 2 คน..และกำลังจะแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนที่ 3 หากว่าพรรคของเขาได้รับการชัยชนะในการเลือกตั้ง
ทำไม..ประชาชนส่วนใหญ่..จึงประพฤติปฏิบัติเช่นนั้น..
เพราะเขาผู้นั้น นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง..และฐานะนักโทษชายของเขานั้น..เป็นคำ กล่าวหาและคำพิพากษาที่มิได้มาจากกระบวนการยุติธรรมอันเป็นปรกติ
และ..พฤติกรรมแห่งความผิดของเขา..ก็คือการเอาเงินจากครอบครัวของเขาไปซื้อ ที่ดินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยนำออกมาประมูลขาย..ในราคาที่แพงกว่าที่ดินที่ ได้ถูกประมูลขายไปแล้วก่อนหน้า..และกฎหมายระบุไว้อย่างแจ่มแจ้งว่า..
ธนาคารแห่งประเทศไทยนั้นสามารถบริหารและดำเนินการไปเป็นอิสระและปลอดภัยจากการบังคับบัญชาของฝ่ายการเมือง
และที่สำคัญที่สุด..บัดนี้การซื้อขายนั้นได้รับการยืนยันจากกระบวนการ ยุติธรรมอันเป็นสากลว่า..ไม่ผิดและไม่ขัดต่อกฎหมาย..แถมยังให้จ่ายเงินคืน พร้อมดอกเบี้ยให้กับผู้ซื้อและเอาที่ดินกลับไปเป็นของธนาคารชาติ
เรื่องนี้ยังไม่จบ..