ที่มา ประชาไท
เหมือนสมัยชู “สม ชาย” เป็นนายกฯ ดังนั้นอาจต้องเปลี่ยนแคนดิเดตเป็นบุคคลอื่น ด้าน “มาร์ค” ไม่ห่วง “กรุงเทพโพลล์” ให้ “เพื่อไทย” นำ เพราะสำรวจทีไรก็ให้ตนสอบตก ด้านทีมหาเสียงพรรคเพื่อไทยแจ้งความหลังถูกคุณหญิงตบระหว่างหาเสียง เจ้าตัวเผยตบเพราะรำคาญเครื่องขยายเสียง
คุณหญิงตบทีมหาเสียงพรรคเพื่อไทยระหว่างหาเสียงย่าน ถ.จันทน์ กทม.
ข่าวสดออนไลน์ รายงานเมื่อเช้าวันนี้ (25 พ.ค.) ว่า นางอุดมลักษณ์ จันทร์มา อายุ 49 ปี ทีมงานหาเสียงของนายพงษ์พิสุทธิ์ จินตโสภณ ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขต พรรคเพื่อไทย เขต 3 ยานนาวา-บางคอแหลม พา น.ส.ญาณี โมฮำมัสอีสสมาอีล อายุ 24 ปี เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.กฤษณะ จันทร์ประเสริฐ พงส.(สบ 2) สน.วัดพระยาไกร เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ว่าถูกคุณหญิงพวงทอง เกตุอังกูร วัย 62 ปี ใช้ฝ่ามือตบหน้า ขณะกำลังแจกใบปลิวช่วยนายพงษ์ พิสุทธิ์หาเสียง บริเวณตลาดสดกิ่งจันทร์ ถนนจันทน์ แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กทม.
เบื้อง ต้นเจ้าหน้าที่เชิญคู่กรณี รวมทั้งพยานมาสอบปากคำ พร้อมทั้งไกล่เกลี่ยเพื่อให้เรื่องยุติลงด้วยความดี โดยทาง คุณหญิงพวงทอง ผู้ถูกกล่าวหา กล่าวว่าเป็นผู้ลงมือกระทำการดังกล่าวจริง เนื่องจากทนเสียงของเครื่องขยายเสียงไม่ไหว ทำให้เกิดความรำคาญ และตัวเองก็ไม่ได้เป็นพวกใครหรือชื่นชอบพรรคใดเป็นพิเศษ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ให้ น.ส.ญาณี ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเจริญกรุง และให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
มาร์คไม่ห่วง “กรุงเทพโพลล์” ให้ “เพื่อไทย” นำ เพราะสำรวจทีไรก็ให้ตนสอบตก
ด้านเอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าววันนี้ (25 พ.ค.) ถึงการทำผลสำรวจความคิดเห็นของกรุงเทพโพลล์ ที่ระบุว่าพรรคเพื่อไทยนำพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ กทม. ว่า ไม่มีอะไรน่าห่วง เพราะคนเกือบครึ่งหนึ่งยังไม่ได้ตัดสินใจ เมื่อถามว่า กระแสของโพลล์จะมีส่วนโน้มน้าวเรื่องการเลือกตั้งของประชาชนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่หรอก ตนไม่คิดว่าประชาชนจะไปเลือกตามโพลล์ โพลล์ต้องเป็นตัววัด สิ่งที่เป็นความคิดเห็นของประชาชน เพราะแต่ละคนก็มีดุลพินิจ และในช่วงสุดท้ายตามกฎหมายก็ไม่ให้ต้องเผยแพร่อยู่แล้ว
ต่อข้อถามว่า อยากให้นายกรัฐมนตรี บอกข้อแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างตนเองกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครบัญชีรายชื่ออันดับ 1 พรรคเพื่อไทย เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังมีเวลาอีก 10 วัน เมื่อถามว่า จุดอะไรที่ทำให้ผลสำรวจความเห็นที่ออกมาทุกครั้ง พรรคเพื่อไทยมีคะแนนนิยมมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า ตลอดอย่างไร เอแบคโพลล์ก็บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์นำ ตนคิดว่าไม่หรอกครับ สลับไปสลับมา
ผู้ สื่อข่าวถามว่า มีจุดอะไรที่ทำให้ตามกันตลอด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันตลอดอย่างไรในเมื่อนำมีอยู่หลายโพลล์ กับ ดุสิตโพล และ เอแบคโพลล์ ซึ่งเวลาก็ใกล้เคียงกัน และเวลานำกันก็เพียงแค่ 4-5% ก็มีปัญหาในเรื่องของนัยยะสถิติ ซึ่งได้พูดแล้ว แล้วก็ตรงกับข้อมูลที่ตนเห็นมาจากทุกสำนัก ก็มีเพียงแต่โพลล์ของพรรคเพื่อไทยมีบอกว่าได้เกินครึ่ง และถามว่า มีโพลอื่นๆ ไหมที่ยืนยันว่าเขาได้เกินครึ่ง
“อย่างกรุง เทพโพลล์ ให้ไปดูตัวเลขว่ามันยังบอกอะไรไม่ได้เลย เพราะคะแนนคนหนึ่งได้ 20 กว่า คนหนึ่งได้ 10 กว่า มันยังไม่ได้บอกอะไรเลย ยังมีคนที่บอกว่ายังไม่ได้ตัดสินใจ 40-50% และจริงๆ กรุงเทพโพลล์ ผมก็สอบตกมาตลอด 2 ปี” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เนวินเชื่อแม้เพื่อไทยชนะเลือกตั้ง “ยิ่งลักษณ์” ก็เป็นนายกฯ ไม่ได้ เพราะจะทำให้สังคมแตกแยก
เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ รายงานด้วยว่า นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เมื่อดูจากผลการสำรวจของสำนักต่างๆ พบว่า พรรคเพื่อไทยจะมีคะแนนนำพรรคประชาธิปัตย์ โดยพรรคประชาธิปัตย์จะได้จำนวน ส.ส.ประมาณ 160 คน ส่วนพรรคเพื่อไทยจะได้ประมาณ 200 กว่าที่นั่ง แต่คิดว่าพรรคเพื่อไทยจะได้เสียงไม่ถึงครึ่ง เพราะยังมีกลุ่มพลังเงียบที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใครมากถึง 50% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์หากย้อนกลับไปดูในการเลือก ตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา ดังนั้น ก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้ง ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์จะต้องหาวิธีการเพื่อช่วงชิงคะแนนเสียง จากคนกลุ่มนี้มาให้ได้
“หากเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง จริง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 คงไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะไม่สามารถฝืนกระแสสังคมได้ เพราะจะทำให้เกิดความแตกแยกได้เหมือนเมื่อครั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ชูนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อครั้งที่ผ่านมา ดังนั้น ผมคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณอาจตัดสินใจเปลี่ยนตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ น้องสาว เป็นบุคคลอื่น อย่างไรก็ตาม การที่ พ.ต.ท.ทักษิณชู น.ส.ยิ่งลักษณ์ขึ้นมาในตอนนี้ เพราะต้องการทำให้กระแสรวมทั้งคะแนนของพรรคเพิ่มขึ้นเพื่อสร้างอำนาจต่อรอง”
นาย เนวินกล่าวว่า ขณะที่เมื่อพรรคประชาธิปัตย์แพ้การเลือกตั้ง ตนเชื่อว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 จะต้องแสดงสปิริตออกซฟอร์ดด้วยการลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพราะนายอภิสิทธิ์ไม่มีวันยอมนั่งอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าพรรคต่อไปอย่างแน่นอน