ที่มา ข่าวสด
นักการเมืองเดินหน้าหาเสียงเลือกตั้งมาแล้วครึ่งทาง
นับถอยหลังเหลืออีก 3 สัปดาห์ให้บรรดาคอการเมืองได้ลุ้นระทึก
ถึงนาทีนี้เป็นพรรคเพื่อไทยที่ยังครองกระแสเหนียวแน่น โพลสำรวจออกมากี่ครั้งก็ยังเป็นฝ่ายนำพรรคคู่แข่ง
ทั้ง ยังมีแนวโน้มว่าถ้าการเมืองเล่นกันตามกฎกติกาแบบแฟร์ๆ ไม่มี "มือพิเศษ" เข้ามากระตุกแข้งกระตุกขา พรรคเพื่อไทยก็ยังมีโอกาสทำแต้มทิ้งห่างออกไปอีกในช่วงระยะเวลาที่เหลือ
อย่างไรก็ตาม ถึงโพลที่ออกมาจะเป็นตัวปลุกขวัญบรรดาผู้ที่อยู่ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังพรรคเพื่อไทยให้เกิดความฮึกเหิม
ล่าสุดถึงกับปล่อยตัวเลขเป้าหมายใหม่ จากเดิมตั้งไว้เกินครึ่ง 250 เสียง มาอยู่ที่ 270 เสียง และพร้อมปั๊มยอดให้ไปถึง 300 เสียง
นอกจากเผื่อไว้สำหรับการแจกใบเหลือง-ใบแดงของคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. สูงสุดที่ 25 ใบ
การได้เสียงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นการตัดปัญหาถูกแย่งชิงจัดตั้งรัฐบาลโดยพรรคอันดับ 2 ได้เด็ดขาดมากเท่านั้น
กระนั้น ก็ยังเป็น "มวยหลัก" อย่างน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แม่ทัพหญิงพรรคเพื่อไทย ที่ไม่หลงระเริงไปกับกระแสว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย
ยังคงออกเดินสายช่วยผู้สมัครของพรรคหาเสียงอย่างหนัก โดยไม่สนใจกับผลโพลที่นอนมา
เพราะโพลถึงอย่างไรก็ยังเป็นโพล จะโค้งแรกหรือโค้งหลัง สุดท้ายต้องไปตัดสินกันวันที่ 3 กรกฎาคม
ตรงนั้นถึงจะเป็นของจริง
เป็น อย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้แต่แรก "ยิ่งลักษณ์ฟีเวอร์" มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเจอกระบวนการแรงเสียดทานจากฝ่ายตรงข้ามที่กุมอำนาจรัฐในมือมากเท่า นั้น ไม่ว่าจะมาในรูปแบบเสียงกระแหนะกระแหนว่าใช้มารยาหญิงบีบน้ำตา ออดอ้อนขอคะแนนเสียง
บ้างก็มาในรูปแบบวาจากระโชกโฮกฮาก คำก็ว่าล้มเจ้า สองคำก็ว่าเป็นพวกเผาบ้านเผาเมือง สามคำก็ว่าเตรียมเข้ามานิรโทษกรรมทักษิณ
แต่เมื่อไม่ได้ผลเพราะคนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย เพราะอยากเห็นการต่อสู้กันด้วยนโยบายมากกว่าการเอาชนะกันด้วยฝีปาก
เมื่อ สถานการณ์พลิกผันอย่างนี้ หนักเข้าคู่แข่งพรรคเพื่อไทยก็เลยต้องหันกลับไปหา "ตัวช่วย" เดิมๆ อย่างกองทัพ และแนวร่วมเสื้อหลากสี เป็นต้น
ส่วนการเข้ามาร่วมวงการเมืองของสองตัวช่วยดังกล่าว
จะ มีผลทำให้สถานการณ์ของพรรคแกนนำรัฐบาลกระเตื้องขึ้นได้จริงหรือไม่ หรือจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมให้พรรคย่ำแย่หนักเข้าไปใหญ่ ยังเป็นที่น่าสงสัย
ปรากฏเป็นภาพข่าวรายวัน แหล่งชุมชนย่านตลาดสดกลายเป็นสถานที่ไม่ปลอดภัยของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในการเดินพบปะหาเสียงกับชาวบ้าน
เสี่ยงต่อการเจอคนเสื้อแดงดักจู่โจมประชิดตัว
ไล่ ต้อนทวงถามความคืบหน้ากรณี 91 ศพเดือนเมษาฯ-พฤษภาฯ 53 บ้างก็ชูป้ายข้อความแสลงใจ "ดีแต่พูด" ปะปนกับเสียงตะโกนต่อว่าปัญหาข้าวยากหมากแพง สลับกับเรื่องไข่ชั่งกิโล
ระหว่างที่พรรคประชาธิปัตย์ตกอยู่ในสภาพทุลักทุเลนี้เอง
เป็นจังหวะเดียวกับที่น.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำเสื้อหลากสี จับมือกับนายแก้วสรร อติโพธิ อดีต คตส. ออกมาแสดงบท บาทเคลื่อนไหว
กล่าวหาน.ส.ยิ่งลักษณ์ เบิกความเท็จต่อศาลในคดีซุกหุ้นของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พร้อมกับยื่นให้กรรมาธิการของวุฒิสภาตรวจสอบ
ท่าม กลางข้อกังขาของสังคมส่วนหนึ่งว่าอาจมีเบื้องหลังแอบแฝง เนื่องจากเรื่องจบไปนานแล้วแต่กลับมีการรื้อฟื้นขึ้นมาในช่วงพรรคประชา ธิปัตย์กำลังเพลี่ยงพล้ำ
สำหรับหมอตุลย์นั้นไม่เท่าไหร่ เพราะรู้จุดยืนดีอยู่แล้ว
แต่ในส่วนของนายแก้วสรร เคยพูดไว้เองก่อนหน้าไม่กี่วันว่าการขุดเรื่องดังกล่าวขึ้นมาเล่นงานในช่วงเลือกตั้ง นักเลงเขาไม่ทำกัน
การจับมือกับหมอตุลย์ จึงเป็นการเปลี่ยนท่าทีแบบปุบปับและน่าสงสัย
ในทางการเมือง พรรคเพื่อไทยได้ร้องต่อ กกต. พร้อมเข้าแจ้งความต่อกองปราบฯ เป็นการตอบโต้
ขณะ ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตั้งรับเรื่องนี้อย่างสุขุม โดยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อ มวลชนว่าพร้อมยอมรับการตรวจสอบของสาธารณชนที่อยู่บนกติกาของความเป็นธรรม และจะอดทนทำหน้าที่ชี้แจง
อย่างไรก็ตาม การปัดฝุ่นเรื่องนี้ขึ้นมาใหม่
ถูก มองเป็นเกมหวังผลระยะยาวของฝ่ายตรงข้ามว่าถ้าหากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เป็นนายกฯ จริงก็อาจอยู่ในตำแหน่งได้ไม่นาน ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนตัว จนกลายเป็นช่องว่างให้เกิดการพลิกขั้ว
ซ้ำรอยการเมืองช่วง "รัฐบาลสมชาย" หลุดจากอำนาจ
แต่ ที่หวังผลแบบปัจจุบันทันด่วนเลยก็คือ การที่กองทัพกระโดดลงมาเป็นคู่กรณีขัดแย้งกับนักการเมืองพรรคเพื่อไทยเสีย เอง เรื่องการตั้งหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามยาเสพติด 315 จนมีการแจ้งความกันนัวเนีย
จับตาไปที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. อยู่ในอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
แรกๆ ก็บอกว่ายอมรับได้ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล แต่ต่อมาก็บอกให้ระวังจะถูกแย่งอำนาจกลับคืน เมื่อวานชื่นชมกันอยู่ดีๆ รุ่งขึ้นอีกวันกลับออกมาว้ากแหลก
ขณะที่สื่อต่างชาติจับจังหวะวิเคราะห์การเมืองไทยไปในทำนองเดียวกัน
เชื่อ ว่าทั้งกรณีหมอตุลย์-แก้วสรร และท่าทีของผู้นำกองทัพ คือสัญญาณบ่งชี้ความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นหากพรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายชนะเลือก ตั้ง
เพราะพลังพิเศษบางอย่างที่นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ใช้คำว่า "พลังที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้" ซึ่งเคยอยู่เบื้องหลัง "บีบ" ให้พรรคขนาดกลางและเล็กเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลเมื่อ 2 ปีก่อน
ครั้งนี้คงไม่ยอมผ่อนปรนอีกเช่นกัน