ที่มา Thai E-News
โดย วิศวกรเจอน้ำท่วมซ้ำซ้อน
ปรากฏการณ์ทักษิณ: ความร้าวฉานของคนไทยแห่งทศวรรษ
ได้ติดตามข่าวสารเรื่องของคุณทักษิณ การมาของคุณสนธิ รัฐประหารปี ๒๕๔๙ การจับกลุ่มเป็นเสื้อเหลือง เสื้อแดง และการวิพากษณ์สถาบัน จนมาถึงภัยน้ำท่วม กองเชียร์ฝ่ายรัฐบาล กับฝ่ายค้าน ก็ยังกระทบกระทั่งกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดเป็นเรื่องปรากฏการณ์ไม่ปกติธรรมดา
ผู้เขียนมีความคิดเห็นถึงสาเหตุของเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งเริ่มสงสัยมาตั้งแต่รัฐบาลทักษิณยังบริหารงานอยู่ ตอนนั้นคุณเจิมศักดิ์ออกหนังสือ"รู้ทันทักษิณ"มาวิพากษ์ จนกระทั่งมาชัดเจนในวันรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ แต่ก็ยังไม่เห็นสื่อใดกล่าวถึงประเด็นนี้มาก่อน
จึงใคร่ขอนำเสนอแนวทางที่อาจจะเป็นไปได้ของสาเหตุแห่งเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งตอบปริศนาได้ค่อนข้างครบถ้วน ทั้งความสัมพันธ์ของกลุ่มผู้ก่อการร้ายภาคใต้ กลุ่มเสื้อเหลือง แดงหัวรุนแรง ตลอดจนการดึงสถาบันลงมาเล่นเกม
ผมกำลังกล่าวถึง ทฤษฎีสมคบคิด หรือ Conspiracy Theory ซึ่งทฤษฎีนี้ มีทั้งที่เป็นเรื่องจริง และเรื่องเท็จ เช่นเรื่องมนุษย์ต่างดาว เรื่องสึนามิ
ก่อนอื่นต้องขออนุญาตเล่าถึงภูมิหลังบางประการ เนื่องจากเท่าที่ผู้เขียนประสบมา เวลาคุยกับเพื่อนชาวตะวันออกกลาง เขาเข้าใจทันทีในเรื่องทฤษฎีสมคบคิดที่ว่านี้
แต่เวลาคุยกับเพื่อนคนไทย แทบทุกคนจะสับสนแล้วก็ต่อต้านทฤษฎีนี้ เนื่องจากคนไทยยังขาดภูมิหลังในเรื่องนี้อยู่มาก ทั้งการเมืองระหว่างประเทศ, อาวุธทางจิต (Psychology Weapon), สงครามสมัยใหม่ ที่ต้องการเพียงเงิน ผลประโยชน์ แต่ไม่ต้องการรับภาระผู้คน ดินแดน
แต่สำหรับผู้ที่มีความรู้เหล่านี้อยู่แล้ว ท่านสามารถใช้ความรู้เหล่านี้ พิจารณาประกอบกับข้อเท็จจริงที่ว่าวันก่อรัฐประหารคือวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ ถ้าตอบได้ว่าทำไมต้องเป็นวันนี้ ท่านก็จะเข้าใจสาเหตุทั้งหมดทันที
บทความนี้ อยากให้ท่านผู้อ่านใช้ใจที่เป็นกลาง ค่อยๆพิจารณาประเด็นต่างๆที่ละเปลาะ อย่าพึ่งกล่าวโทษฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ศัตรูของเราไม่ใช่คุณทักษิณ ไม่ใช่คุณสนธิ ไม่ใช่พรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง ไม่ใช่สถาบัน ไม่ใช่ประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เป็นองค์กรที่ใหญ่และมีอิทธิพลมหาศาล มีสมาชิกเป็นผู้นำ และอดีตผู้นำสูงสุด ในหลายๆประเทศ
วัตถุประสงค์คือให้เราเข้าใจข้อเท็จจริง แล้วหันหน้ามาสามัคคีกัน เพราะศัตรูเรานั้นยิ่งใหญ่มหาศาล ผู้เขียนไม่คิดว่ าเราจะไปเรียกร้องกล่าวโทษหรือต่อสู้ศัตรูผู้นี้ได้ แต่อย่างน้อยเราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ในโลกร่วมกับศัตรูผู้นี้อย่างสันติ
รัฐประหารอิหร่าน ปี คศ. 1953
เรื่องสงครามจิตวิทยา หรือการใช้อาวุธทางจิต ไม่ใช่เป็นเรื่องใหม่ สมัยโบราณตั้งแต่จีน กรีก โรมัน มีการใช้ได้ผลมานานแล้ว คนไทยทั่วไปเพียงแต่เข้าใจว่าเป็นนิยาย หรือภาพยนตร์ แต่ในสถานการณ์จริง มีการใช้มาตลอด
ในประเทศไทย มีปฏิบัติการมวลชนบ้างเล็กๆน้อยๆ แต่ไม่ถึงกับบริหารจัดการกลไกอย่างเป็นระบบ รวมทั้งประเทศไทยที่ผ่านมาโชคดีที่เป็นประเทศเล็กๆ ไม่มีผลประโยชน์ดึงดูดให้ต้องโดนสงครามแบบนี้
จึงขอยกตัวอย่างประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งมีผลประโยชน์มหาศาลในช่วงกลางศตวรรษที่ ๒๐ คือ น้ำมัน ขอย้อนไปเมื่อเกือบ ๖๐ ปีที่แล้ว อ้างอิงถึงบทสัมภาษณ์ของนายสตีเวน คินเซอร์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์นิวยอร์คไทม์
http://www.democracynow.org/2004/3/5/how_to_overthrow_a_government_pt
ปี 1951 นายกรัฐมนตรี ดร. โมซาเดค ประกาศนโยบายขายตรงน้ำมันโดยไม่ผ่านบริษัทของอังกฤษ ซึ่งสหรัฐมีผลประโยชน์ร่วมด้วย ทาง CIA ได้ส่งนายเคอร์มิท รูสเวลล์ พร้อมเงินอีกจำนวนหนึ่ง นายรูสเวลล์เพียงคนเดียว ใช้เวลาเพียงไม่ถึงปีดำเนินกิจกรรมดังต่อไปนี้
-ติดสินบน สส. และผู้นำพรรคร่วมรัฐบาล
-สร้างความแตกแยกในรัฐบาลผสมของโมซาเดค
-ติดสินบนนักข่าว บรรณาธิการ เจ้าของ หนังสือพิมพ์ 80% ของหนังสือพิมพ์ในเตหรานรับเงินจากรูสเวลล์
-ติดสินบนผู้นำศาสนา
-ติดสินบนตำรวจ และทหาร
-จ้างผู้นำกลุ่มนักเลงข้างถนน (Leaders of a bunch of street gangs) ออกก่อกวนขว้างปาเรือนชานร้านค้าทั่วนครหลวงเตหะราน ยิงปืนถล่มมัสยิด แล้วก็ตะโกนว่า"เรารักโมซาเดคและคอมมูนิสต์"
-จ้างม็อบชนม็อบ
- แทรกซึมยุยงพระเจ้าชาห์ให้เกลียดชังนายกฯโมซาเดค
ในวันรัฐประหาร ๑๕ สิงหาคม พศ. ๒๔๙๖ ทหารที่บุกเข้าบ้านพักโมซาเด็ค มีเอกสารลงพระปรมาภิไธยของพระเจ้าชาห์โดยตรงสั่งปลดนายกรัฐมนตรีโมซาเด็ค เมื่อไม่สามารถจับตัวโมซาเด็คได้ CIA รีบพาพระเจ้าชาห์หลบหนีไปโรมทันที
CIA สั่งให้รูสเวลล์ถอนตัว แต่เขายังไม่หยุด ๔ วันต่อมาเขาระดมทุนก่อการจลาจลขนาดใหญ่ จนสามารถบุกเข้าไปเผาบ้านนายกฯโมซาเด็คได้สำเร็จ และสามารถจับกุมตัวอดีตนายกฯได้ในเวลาต่อมา
พระเจ้าชาห์กลับคืนมาอิหร่าน แต่ตกอยู่ภายในอิทธิพลของสหรัฐฯ ตลอดมาจนกระทั่งการปฏิวัติอิสลามในเวลาต่อมาของโคไมนี
จะเห็นว่ามีการแทรกซึม และปฏิบัติการในหลายด้าน หลักๆ คือ ราชสำนัก ทหาร ตำรวจ นักการเมือง สื่อสารมวลชน นักเลงกลุ่มม็อบ
เรื่องนี้เป็นเรื่องเก่า หลายท่านอาจจะทราบดีอยู่แล้ว และไม่คิดว่าจะนำมาหลอกคนในปัจจุบันได้อีก แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อเกือบ ๖๐ ปี ที่แล้ว และมีการใช้สูตรนี้หากินมาตลอดไม่หยุดหย่อน
มีการพัฒนาให้แนบเนียนขึ้นเรื่อยๆ และมีการลอกเลียนแบบ โดยกลุ่มผู้หวังผลทางการเมืองอีกหลากหลายกลุ่มนอกเหนือไปจาก CIA เช่น กัวเตมาลา ปีคศ. 1954 ปานามา ปี 1981 เวเนซุเอลา ปี 2002 และอิรัก ในปี 2003
ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยนั้น ให้สังเกตดูว่าสมัยรัฐบาลทักษิณสามารถชำระหนี้กองทุนระหว่างประเทศ(IMF)ของไทยหมดก่อนกำหนดในปลายปี ๒๕๔๖ ทำให้เริ่มมีการจับตาจากฝ่ายตรงข้าม ซึ่งใช้ IMF เป็นเครื่องมือในการแทรกแซงนโยบายของประเทศลูกหนี้อีกหลายประเทศ
เริ่มต้น มีการซ่องสุมกำลังทางภาคใต้ เดือนมกราคม ๒๕๔๗ มีการปล้นปืนที่ อ.เจาะไอร้อง
เดือนมีนาคม ๒๕๔๗ อ. เจิมศักดิ์ ปิ่นทองออกหนังสือ "รู้ทันทักษิณ"
ปี ๒๕๔๘ คุณธีรยุทธปรากฏตัวเล่นงานรัฐบาล แต่ไม่ค่อยได้ผล
ปี ๒๕๔๙ เปลี่ยนเอาคุณสนธิ เริ่มใช้รายการเมืองไทยรายสัปดาห์อภิปรายโจมตรีคุณทักษิณอย่างหนัก
ส่วนวัตถุประสงค์ในการก่อรัฐประหารวันที่ ๑๙ เนื่องจากวันที่ ๒๐ จะเป็นการหยั่งผลเลือกตั้งเลขา UN ซึ่งผลการหยั่งเสียงถ้าคุณสุรเกียรติ์ได้คะแนนมาก จะมีผลทันที เพราะการลงมติเลือกเลขา UN ต้องใช้มติเอกฉันท์ของคณะมนตรีความมั่นคง ๑๕ ประเทศ
ที่จริงตำแหน่งนี้สำหรับคนไทยไม่ค่อยมีค่าเท่าไรนัก แต่ในแง่ของฝรั่งแล้วมีผลประโยชน์มากเสียยิ่งกว่าน้ำมันอิหร่านทั้งประเทศ อีกครับ ซึ่งเขาเตรียมคนของเขาไว้แล้วคือนายบันคีมูน (รมว. ต่างประเทศ เกาหลี ซึ่งส่งทหารไปช่วยรบในสงครามอิรัก)
ที่จริงนายบันจะหมดสมัยวันที่ ๓๑ ธันวาคม ปีนี้ แต่ผลการลงคะแนนเมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา ไม่มีใครกล้าลงแข่งเลยได้เป็นต่อไปถึงปี 2016
หลังจากเหตุการณ์นี้สร้างความสับสนให้กับประชาชนจำนวนมาก หลายฝ่ายมีความเชื่อผิดๆ และประพฤติปฏิบัติไปตามความเชื่อนั้น หลายฝ่ายไม่ได้เกี่ยวข้องแต่แรก แต่อาศัยสถานการณ์หากินไปตามน้ำ
ที่น่ากลัวคือผมได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ทางฝ่ายแดงบางท่าน ก็ยังมีความคิดว่า(เซ็นเซอร์)อยู่เบื้องหลังการรัฐประหารปี ๔๙ ซึ่งมีผลมาจากการ(เซ็นเซอร์) งานศพฝ่ายพันธมิตร และมีหน่วยแทรกซึมไปยุยงคุณทักษิณโดยตรงผ่านทางที่ปรึกษาใกล้ชิดอีกทาง
คำถามใหญ่ยังมีอีก ๒ ข้อ คือพวกนี้เป็นใคร และมาทำอย่างนี้กับประเทศของเราทำไม หลายท่านอ่านมาถึงตรงนี้ คงจะตอบได้แล้วจากเงื่อนเวลาวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙
ก่อนหน้าวันที่จะเลือกเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติวันเดียว