ที่มา มติชน
จากเหตุการณ์ปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ซึ่งเจ้าทุกข์ระบุว่าเงินที่หายไปเป็นเงินสด 5 ล้านบาท และเงินซองช่วยงานแต่งลูกสาวอีกจำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ตามตำรวจติดตามจับกุมผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้ได้จำนวนมาก สอบพบว่าคดีนี้มีนายวีระศักดิ์ หรือนายโก้ เชื่อลี อายุ 36 ปี เป็นหัวหน้าทีมพาลูกน้องรวม 6 คนเข้าไปก่อเหตุ ต่อมาเจ้าหน้าที่จับกุมทีมปล้นได้ 3 คน ประกอบด้วย นายสิงห์ทอง หรือไก่ ใจชื่นชม นายเสาร์แก้ว หรือแก้ว นามวงค์ และนายสมบูรณ์ หรือบูรณ์ ริยะเทน ยึดเงินสดของกลางได้หลายล้านบาท โดยทีมปล้นอ้างว่าได้เงินจากบ้านนายสุพจน์ราว 200 ล้านบาท และมีเงินอีกจำนวนมากที่ขนออกมาไม่ได้
รวมทั้งมีบุคคลที่เกี่ยวข้องอาทิ นายบุญสืบ หรือสืบ โจมกัน กับพวกที่รู้เห็นหรือรับฝากเงินคนร้าย เข้ามอบตัวพร้อมนำเงินสดมาคืนให้รวมเป็นเงินประมาณ 16 ล้านบาท ล่าสุดนายชยธัช หรือเอก จันนะชัย อายุ 33 ปี พร้อมด้วยนางชุติมา จันทร์ผ่อง มารดา ซึ่งเป็นอดีตเลขานุการส่วนตัวของนายสุพจน์ เข้ามอบตัวปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับการปล้น ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 21 พ.ย. พล.ต.ท. วินัย ทองสอง ผบช.น. กล่าวว่า ขณะนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว 8 คน แบ่งเป็นผู้ที่ลงมือปล้น 3 คน ที่เหลือเป็นผู้ที่มีส่วนรู้เห็นรับฝากเงินไว้ และเข้ามามีส่วนในการช่วยกันคิดวางแผนปล้น ส่วนจำนวนเงินที่โดนปล้นขณะนี้ยังไม่ทราบแน่นอนเพราะผู้เสียหายบอกว่า 5 ล้านบาท แต่ชุดสืบสวนบช.น.ยึดเงินมาได้แล้วประมาณ 16 ล้านบาท ฉะนั้นเงินที่โดนปล้นไปจริงๆ จึงยังไม่ทราบเพราะว่าผู้เสียหายบอกไว้แค่นั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าต้องเรียกนายสุพจน์ มาสอบปากคำหรือขอข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่
พล.ต.ท. วินัย กล่าวว่า ยังก่อนเพราะขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามคนร้ายที่เหลือ และเงินที่ได้จากการปล้นไป ตอนนี้เหลือผู้ต้องหาอีก 4 คน คือคนที่เข้าไปปล้น 3 คนคือนายวีระศักดิ์ หรือโก้, นายพงษ์ศักดิ์ หรือเจี๊ยบ นามวงค์ และนายคำนวน หรือนวน เมฆน้อย อีกคนเป็นผู้รับฝากเงินจากนายโก้คือนายประพันธ์ เรืองเครือ ส่วนนายเอก เข้ามอบตัวให้การปฏิเสธ แต่รับว่านำเรื่องเงินในบ้านนายสุพจน์ มาพูดคุยให้นายบุญสืบ ฟัง จนนำไปสู่การปล้น ส่วนแม่ของนายเอก ยังไม่มีพยานและหลักฐานยืนยันว่าเข้ามามีส่วนร่วม
ถามว่าคนร้ายให้การว่าเงินที่ปล้นนำใส่กระเป๋าใบใหญ่บรรจุใส่กระสอบมี จำนวนเท่าใด พล.ต.ท.วินัย กล่าวว่า จากการสอบสวนได้ความว่า คนร้ายได้กรีดกระเป๋าเล็กแล้วนำเงินใส่ถุงกระสอบมีน้ำหนักมากคนเดียวยกไม่ ไหว แสดงว่ามีน้ำหนักมากคาดว่าต้องหนักเกิน 50 กิโลกรัม แต่ไม่ได้เชื่อคำให้การของคนร้ายที่ว่ามีเงินเป็นพันล้านอยู่ในบ้าน แต่หลังจากรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ แล้ว เชื่อว่าในบ้านมีเงินเป็นจำนวนมากเกินกว่า 100 ล้านบาทขึ้นไป
ที่บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.อิทธิพล กิจสุวรรณ ผอ.ศูนย์เทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. เพื่อประสานข้อมูลกับตำรวจ มีพล.ต.ต.อิทธิพล ภิริยะภิญโญ พล.ต.ต.เอื้อพงศ์ โกมารกุล ณ นคร รอง ผบช.น. เข้าร่วมหารือ โดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง
พ.ต.อ.อิทธิพล กล่าวว่า วันนี้มาประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติม เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงทางคดี รวมทั้งดูจำนวนเงินของกลางที่ยึดคืนมาได้ว่าตรงหรือไม่ จากนั้นก็จะนำข้อมูลทั้งหมดไปเสนอผู้บังคับบัญชาต่อไป ทั้งนี้หากมีการจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีกก็จะมีการประสานขอข้อมูลเพิ่ม เติมจากตำรวจอีกครั้ง
พล.ต.ต.รณศิลป์ เปิดเผยว่า สำหรับผู้ต้องหาคนล่าสุดที่เข้ามอบตัวคือนายชยธัช หรือเอก ยอมรับว่าเป็นคนบอกข้อมูลเกี่ยวกับบ้านของนายสุพจน์จริง แต่ไม่ได้เป็นคนสั่งการให้เข้าไปปล้น เพียงแต่ก่อนหน้านี้ได้ยินแม่ซึ่งเป็นอดีตเลขาหน้าห้องของนายสุพจน์ พูดถึงบ้านของนายสุพจน์ให้ได้ยิน เลยทำให้รู้ว่านายสุพจน์ มีเงินจำนวนมาก พอแม่ถูกบีบให้พ้นจากตำแหน่งจนต้องเออร์ลี่รีไทร์ออกจากงาน เลยรู้สึกอัดอั้นกับเรื่องที่เกิดขึ้น จึงไปพูดกับนายบุญสืบ เกี่ยวกับบ้านของนายสุพจน์ว่ามีเงินจำนวนมาก จนทำให้นายบุญสืบ และพรรคพวกวางแผนปล้น โดยนายเอก ปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องแต่อย่างใด
"ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้รับการติดต่อจากนายประพันธ์ ผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่ว่าจะขอเข้ามอบตัวด้วย โดยนายประพันธ์ ระบุว่าได้เงินไปจำนวน 9 ล้านบาท แต่ยังไม่ระบุแน่ชัดว่าจะเข้ามอบตัววันไหน ต้องรอให้นายประพันธ์ติดต่อกลับมาอีกครั้ง ส่วนผู้ต้องหาคนอื่นๆ ขณะนี้ได้ส่งชุดติดตามไล่ล่าแล้ว โดยเฉพาะนายวีระศักดิ์ หรือโก้ หัวหน้าแก๊ง ที่หลบหนีไปประเทศลาว ซึ่งจากข้อมูลที่ได้รับนั้นมีการยืนยันแล้วว่านายวีระศักดิ์ได้หลบหนีข้ามไป ที่ประเทศลาวจริงในวันที่ 14 หรือ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา"
ต่อมาพ.ต.อ.ธวัช วงศ์สง่า ผกก.สน.วัง ทองหลาง พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.วัง ทองหลาง เดินทางมาที่ บก.สส.บช.น. เพื่อประสานขออายัดเงินของกลางในคดีดังกล่าวเป็นเงินสดกว่า 16 ล้านบาท นำไปเก็บรักษาไว้ที่ สน.วังทองหลาง จนกว่าคดีจะถึงที่สิ้นสุด
รายงานข่าวแจ้งว่านอกจากการติดตามจับกุม คนร้ายและหาเงินของกลางที่คนร้ายได้ไปแล้ว ตำรวจประสานกับธนาคารเพื่อตรวจสอบข้อมูลของเงินจำนวนดังกล่าว เพราะพบว่าเงินของกลางที่ยึดคืนจากคนร้ายกว่า 16 ล้านบาทนั้น มีเงินหลายมัดที่มีสายมัดประทับตราธนาคารทหารไทย ลงวันที่ 22 พ.ย. 2552 เพื่อหาที่มาของเงินดังกล่าวว่าเบิกไปเมื่อใด และใครเป็นผู้เบิกเงินด้วย
นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงการตรวจสอบทรัพย์สินของนายสุพจน์ ว่าจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่ในวันที่ 22 พ.ย.นี้ โดยมอบให้เลขาธิการป.ป.ช. ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งตำรวจ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เกี่ยวกับรายละเอียดของจำนวนทรัพย์สิน และหากมีมูลจะตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน เรื่องนี้ยังเป็นเพียงข้อสงสัยซึ่งต้องให้นายสุพจน์ มาชี้แจงด้วย เพื่อให้เกิดความโปร่งใส
ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ร.ต.ท.ดุสิต ลาวัลย์ พนักงานสอบสวนสน.วังทองหลาง นำตัวนายสมบูรณ์ หรือบูรณ์ ริยะเทน อายุ 40 ปี, นายบุญสืบ หรือสืบ โจมกัน อายุ 43 ปี, นายวุฒิชัย หรือวุฒิ พันธวารี อายุ 33 ปี และนายวณัญกฤต หรือจ่อย บุตรกันหา อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาคดีร่วมกันปล้นทรัพย์บ้านนายสุพจน์ มาขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย.-2 ธ.ค. นี้ ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้
วันเดียวกัน พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งให้นายศิลปชัย จารุเกษมรัตนะ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เข้าดำรงตำแหน่ง รักษาการปลัดกระทรวงคมนาคม แทนนายสุพจน์ ที่ถูกย้ายไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี
(ข่าวสด 22 พ.ย.2554)