WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, November 22, 2011

สุขุมพันธ์ สุกำพล เล่นอะไรอยู่?

ที่มา thaifreenews

โดย bozo



รัฐบาล”ยิ่งลักษณ์”ถูกด่าฟรี
เพราะเสนาบดี”เป็ดง่อย”!!

กลไกใดๆ จะสามารถทำงานได้เป็นอย่างดี
เฟืองทุกเฟืองจะต้องช่วยกันทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ
หากมีเฟืองตัวใดตัวหนึ่ง ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ยอมหมุน
หรือมีฟันเฟืองที่บิดเบี้ยว เฉเก ไม่เข้ากับเฟืองตัวอื่นๆ
ไม่เพียงแต่จะทำให้การทำงานในภาพรวมมีปัญหา แต่ยังทำให้เฟืองตัวอื่นๆเหนื่อยไปด้วย
สุดท้ายระบบการทำงานก็จะพัง และกลายเป็นถูกตำหนิว่าไร้ประสิทธิภาพ
หรือถ้าหากเป็นกรณีความเสียหายที่รุนแรง ก็จะถูกก่นด่าไปเลย
สภาพเช่นนี้คงต้องตั้งคำถามไปยัง ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ว่าใช่หรือไม่
ที่ยังมีเฟืองบางเฟืองไม่ยอมทำงาน หรือทำงานแบบไม่เต็มประสิทธิภาพ
กรณีที่เกิดขึ้นกับประชาชน
ชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมขังเกิน 1 เดือน ไม่ว่าจะเป็นบริเวณพื้นที่รังสิต
หรือคนในจังหวัดนนทบุรี ไม่ว่าจะเป็น บางบัวทอง บางใหญ่ บางกรวย ไทรน้อย
ที่ออกมารวมตัวกันเรียกร้องให้มีการแก้ไขน้ำท่วมขัง
เป็นความพยายามของผู้เดือดร้อน ที่ต้องการสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาในการทำงาน
ซึ่ง ศปภ. โดย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ในฐานะผู้อำนวยการ ศปภ. จะต้องเร่งตรวจสอบว่า กลไกตรงไหนมีปัญหา
จึงทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง ว่าไม่ได้รับการช่วยเหลือบ้างเลย
ถึงต้องออกมากดดันเช่นนั้น
ทั้งๆที่การทำลายคันกั้น หรือการปิดถนนรัตนาธิเบศร์
จริงๆแล้วไม่ใช่การทำให้หายน้ำท่วมขังได้ แต่ชาวบ้านเหล่านั้นมองว่า
นั่นคือการทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องหันมามองดูบ้าง
ไม่ใช่เงียบหายเหมือนกับที่ผ่านมา ราวกับไม่มีคนสนใจที่จะรับรู้ความเดือดร้อนของคนกลุ่มนี้
ซึ่งหากดูข้อเรียกร้องของคนทั้ง 2 กลุ่ม ไม่ได้สุดโต่งว่าต้องการให้น้ำแห้ง
แต่ต้องการให้น้ำทะยอยลดลงมาบ้าง
อย่างน้อยถ้าลดลงวันละแค่ 2-3 เซนติเมตร 10 วัน ครึ่งเดือนน้ำก็ยังพอจะลดลงได้เป็นฟุต
อย่างน้อยก็จะได้ไม่ต้องเจอสภาพน้ำท่วมอกท่วมเอวอีกต่อไป
แต่ที่สำคัญก็คือ ประชาชนเหล่านี้ไม่เข้าใจว่า
ทำไมในเมื่อคลองในพื้นที่ กทม. น้ำลดลงไปแล้ว
เหตุใด ผู้ว่าฯกทม. ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร จึงไม่สั่งการ
ให้มีการทะยอยผันน้ำมาผ่านระบบคลองใน กทม.บ้างเลย
อย่างถนนวิภาวดีรังสิต คลองระบายน้ำเลียบถนน
ระดับน้ำก็ได้ลดลงมามากระดับ 60-80 เซนติเมตรแล้ว
ทำไมทาง กทม.ไม่ใช้เป็นทางในการระบายน้ำออกมาบ้าง
เช่นเดียวกันกับคนในพื้นที่จังหวัดนนทบุรีทั้งหลายที่ไม่เข้าใจว่า
ในเมื่อระดับน้ำในคลองทวีวัฒนาลดลงอย่างมาก
ต่ำกว่าระดับคันคลองร่วมเมตรแล้ว
ทำไมกทม.จึงไม่ใช้ช่วยระบายน้ำจากบางใหญ่ บางบัวทองบ้าง
ผู้ว่าฯกทม.คิดอะไรอยู่???
หรือคิดอย่างที่เคยพูดเอาไว้จริงๆ ว่า
น้ำท่วมในกทม.ควรจะต้องเป็นน้ำใน กทม.เท่านั้น
ไม่ควรจะเป็นน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดอื่นๆทะลักเข้ามาใน กทม.
ทั้งๆที่หาก ผู้ว่าฯจะคิดสักนิดว่า
การช่วยสูบน้ำในพื้นที่ท่วมขังบริเวณแนวตะเข็บปริมณฑลของพื้นที่ กทม.
เข้ามาสู่คลองใน กทม. จะสามารถควบคุมได้ทั้งปริมาณน้ำ
และทิศทางการไหลของน้ำ.. กทม. ก็จะเป็นพระเอกได้
แต่หากเป็นกรณีการทำลายคันกั้นน้ำ
ไม่ว่าปริมาณน้ำหรือทิศทางการไหลของน้ำจะควบคุมไม่ได้เลย
หากปล่อยให้เกิดขึ้น กทม.จะเป็นผู้ร้ายในทันที... คิดกันเป็นบ้างหรือไม่
นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่กำลังเกิดขึ้น
และคนนนทบุรีก็กำลังรวมพลเพื่อทวงคำตอบอยู่ แน่นอนว่าผู้ทีรับบทหนักก็คือ
ศปภ. ทั้งๆที่เป็นผลมาจากการทำงานและวิธีคิดของ กทม.
ภายใต้สไตล์ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร นั่นเอง
เป็นตัวอย่างแรกที่สะท้อนให้เห็นว่า
สุดท้ายแล้วทำไม ศปภ.ถูกด่า ทำไมรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกด่า
และทำไม พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ถูกเล่นหนักทางการเมืองอยู่ในขณะนี้
ขณะที่อีกตัวอย่างหนึ่ง ที่มีลักษณะไม่แตกต่างกัน คือ
ฟันเฟืองไม่ยอมทำงาน จนทำให้รัฐบาลถูกด่าเละ
นั่นคือฟันเฟืองของกระทรวงคมนาคม
ที่มี พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต นั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการอยู่ในขณะนี้
ซึ่งบรรดาประชาชนที่ต้องเดินทางไปภาคเหนือและภาคอีสาน ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่??
กระทรวงคมนาคม และ พล.อ.อ.สุกำพล ไม่รู้เลยหรือว่า
ในภาวะน้ำท่วมใหญ่ ในขณะที่ กทม.โดนน้ำท่วมล้อมรอบไปหมดเช่นนี้
เส้นทางคมนาคมถือเป็นความจำเป็นหลักของประชาชน
โดยเฉพาะเส้นทางที่จะเดินทางไปภาคเหนือและภาคอีสาน
ถ้าเส้นทางถูกตัดขาดสัญจรไม่ได้ หรือมีปัญหา ก็เท่ากับประเทศชาติจะเป็นอัมพาตไปโดยปริยาย
ดังนั้นยุทธศาสตร์หลักของกระทรวงคมนาคม ในภาวะวิกฤตน้ำท่วมเช่นนี้
ก็คือการปกป้องเส้นทางหรือถนนสายหลักๆเอาไว้อย่างเต็มความสามารถ
พล.อ.อ.สุกำพล เป็นนายทหารที่ควรจะต้องเข้าใจยุทธศาสตร์
ในการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินได้เป็นอย่างดี
แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ที่ทำให้ประชาชนก่นด่าตำหนิรัฐบาลอยู่ในเวลานี้ก็คือ
กลายเป็นว่าเส้นทางถนนหลักอย่างเช่นถนนพหลโยธิน
ควรที่จะต้องได้รับการดูแลรักษาให้ดีตลอดเส้นทาง
เพื่ออำนวยความสะดวกให้เกิดความคล่องตัวในการสัญจรให้มากที่สุด
ซึ่งถือเป็นหน้าที่หลักของกระทรวงคมนาคมอยู่แล้วด้วยซ้ำ
แต่ พล.อ.อ.สุกำพลรู้หรือไม่ว่า หลายช่วงบนถนนพหลโยธิน
ซึ่งเป็นเส้นทางสายหลัก กลับถูกปล่อยปละละเลยให้เจอปัญหาอย่างไม่น่าเชื่อ
แล้วให้ชาวบ้านที่ต้องใช้เส้นทางไปหาทางช่วยตัวเองกันไปตามยะถากรรม
อย่างตัวอย่างที่ชัดเจนที่สะท้อนประสิทธิภาพในการทำงานในการบริหารงานก็คือ
ช่วงบริเวณหน้าโรงกษาปณ์ ซึ่งเป็นเส้นทางที่จะผ่านไปอยุธยา สระบุรี เพื่อขึ้นเหนือ
หรือเพื่อที่จะแยกไปภาคอีสาน ซึ่งเป็นระยะทางที่ไม่ได้ยาวมากจนถึงขนาดที่จะกู้
หรือที่จะป้องกันไม่ได้
แต่ปรากฏว่ากระทรวงคมนาคม กลับปล่อยให้น้ำท่วมขังอยู่อย่างนั้น
เหมือนกับว่าไม่รู้ว่านี่เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการเดินทาง
ปล่อยให้ผู้จำเป็นต้องใช้เส้นทางหาทางที่จะลุยกันไปเอง จะลำบากหรือจะเดือดร้อนกันแค่ไหน
ก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้
เมื่อฟันเฟืองที่ควรจะทำหน้าที่ กลับไม่ได้ทำหน้าที่
เสียงด่าว่าจากประชาชนที่เดือดร้อนก็ย่อมที่จะเกิดขึ้นมาเซ็งแซ่อย่างช่วยไม่ได้
ทั้งๆที่ด้วยระยะทางไม่มาก หากจะทำคันกั้นเพื่อกู้ถนนให้รถสามารถที่จะสัญจรได้สะดวก
จะได้ทำให้เศรษฐกิจของชาติเดินไปได้โดยไม่สะดุด แต่กลับไม่ทำ
คำถามจึงมีว่ากรมทางหลวงซึ่งต้องรับผิดชอบดูแลนั้นทำอะไรอยู่
และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมทำไมจึงไม่สั่งการ!!!
ที่ต้องเตือนกันตรงๆ ก็เพราะไม่ใช่แค่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับถนนพหลโยธินเส้นทางหลักเท่านั้น
แต่แม้กระทั่งเส้นทางรอง
ซึ่งเป็นทางเลี่ยงที่ประชาชนจะใช้สัญจรไปยังภาคเหนือภาคอีสานได้
ในยามที่เส้นทางหลักมีปัญหา
ก็กลับเจอปัญหาตลกร้ายขึ้นมาประจานประสิทธิภาพกระทรวงคมนาคมเสียอีก
โดยเส้นทางรองที่ว่า ก็คือเส้นทางไปฉะเชิงเทรา พนมสารคาม ที่จะไปออกปราจีนบุรี
เพื่อที่จะแยกไปขึ้นเหนือก็ได้ หรือไปภาคอีสานก็ได้
จุดปัญหาอยู่ในช่วงทางออกมอเตอร์เวย์ที่จะเลี้ยวขึ้นไปฉะเชิงเทรา
ระยะทางจุดนั้นไม่น่าที่จะเกิน 400 เมตรเท่านั้นเอง
ปัญหาคือจุดดังกล่าวมีการซ่อมแซมบูรณะทางอยู่ตั้งแต่ก่อนที่จะน้ำท่วมด้วยซ้ำ
แต่จนขณะนี้ก็ยังซ่อมไม่เสร็จเสียที
ทั้งๆที่เวลานี้เส้นทางนี้คือตัวช่วยที่สำคัญในการเดินทางไปเหนือไปอีสานในสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้
กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม รัฐมนตรีว่าการ ไม่รู้เลยหรือว่านี่คือ
เส้นทางรองที่จำเป็นอย่างมากในภาวะน้ำท่วมเช่นขณะนี้
ทำไมจึงไม่มีการเร่งซ่อมแซมอย่างเร่งด่วนที่สุด
รถราจะได้ไม่ต้องติดวินาศสันตะโร จนทำให้รัฐบาลถูกด่าว่าเช่นที่เกิดขึ้นในขณะนี้
พล.อ.อ.สุกำพล ในวันนี้คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ภาพของรัฐบาลที่เกิดขึ้นไม่ว่าบวกหรือลบ
ก็ย่อมมีส่วนที่จะต้องรับผิดชอบด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ยิ่งในสถานการณ์ที่ผ่านมา ได้เกิดเสียงเรียกร้องให้มีการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี
โดยเอารัฐมนตรีที่ไม่มีผลงาน หรือทำงานไม่ได้
รวมทั้งบรรดารัฐมนตรีที่โลกลืมที่ชาวบ้านไม่รู้จักออกไปให้หมด
เชื่อว่า พล.อ.อ.สุกำพล ก็ย่อมรู้ดีว่า เสียงที่มีต่อตนเองนั้นมีหรือไม่ และบวกหรือลบ!!!
ดังนั้นเรื่องการสร้างผลงาน การสะท้อนความคิดความสามารถในการทำงาน
ในการบริหารมีเท่าไรต้องรับงัดออกมาโชว์
ไม่ใช่อย่างกรณีที่เกิดการปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม
คนร้ายได้เงินไปมากกว่าปกติที่คนเราโดยทั่วๆไปจะเก็บเงินสดเอาไว้ในบ้าน
รวมทั้งเกิดกระแสข่าวกระฉ่อนไปหมดว่าในบ้านน่าจะมีเงินสดระดับเป็นพันล้านบาท
แต่เมื่อถูกถามในฐานะเจ้ากระทรวง พล.อ.อ.สุกำพล กลับบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัว!!!
ทั้งๆที่ พล.อ.อ.สุกำพล เป็นข้าราชการมาตลอด
น่าจะรู้ว่าเงินหลายสิบหลายร้อยล้านบาทเป็นเรื่องปกติเช่นนั้นหรือที่ข้าราชการจะพึงมี
แม้แต่กระทั่งว่าเป็นเรื่องของสินสอดของลูกก็ตาม ใครกันที่ทุ่มเทให้สินสอดในระดับนี้ได้
เรื่องเช่นนี้หรือที่รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่กระทรวงจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวตรวจสอบ
แถมยังคิดว่าเป็นการแสดงสปิริตในการที่จะไม่ดำเนินการใดๆ ด้วยการอ้างว่าไม้ล้มไม่ควรข้าม
เรื่องนี้สะท้อนวิธีคิดที่มีปัญหาอะไรหรือไม่ในฐานะรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง
อย่างน้อยที่สุดด้วยการที่รับราชการจนถึงระดับนี้
ย่อมจะต้องรู้ดีว่าลำพังเงินเดือนข้าราชการนั้นสักเท่าไรกัน เก็บออมชั่วชีวิตจะได้สักแค่ไหน
อย่างน้อยก็ควรแสดงบทบาทเจ้ากระทรวงว่าจะสอบที่มาที่ไปของเงินจำนวนนี้ให้กระจ่างชัด
ถ้าไม่มีอะไรจริงๆก็เท่ากับช่วยฟอกให้นายสุพจน์ไปด้วย หรือถ้ามีปัญหาก็จะได้เร่งจัดการเสียแต่เนิ่นๆ
เพราะชาวบ้านทั่วไปยังอดตั้งคำถามไม่ได้เลยว่า เงินเยอะมากมายขนาดนี้มีที่มาจากไหน
เกี่ยวข้องกับนักการเมืองชื่อ น. กับชื่อ ส. จริงๆหรือไม่!!!
และนายพล ส. ที่ว่านั้นเป็นใครกัน???
พล.อ.อ.สุกำพล ควรเล่นบทตรวจสอบอย่างเข้มข้น ไม่ใช่แค่อ้างหน้าตาเฉยว่าเรื่องส่วนตัว
และไม่อยากข้ามคนล้ม...
จนกลายเป็นว่ารัฐบาลต้องเข้ามาสั่งย้ายด่วนเสียเอง
เพราะกระทรวงไม่ทำอะไร... นี่คือจุดอ่อนหรือไม่??
ขณะเดียวกันรัฐบาล และ ศปภ. จากข้อมูลเหล่านี้ก็คงได้รับรู้แล้วว่า
ทำไมจึงยังมีเสียงบ่นด่าในเรื่องโน่นนี่นั่นอยู่ตลอดเวลา
ก็เพราะการทำงานของเฟืองบางตัวมีปัญหานั่นเอง
เปลี่ยนเฟืองบางตัวเซ่นน้ำท่วมใหญ่ก็ดีนะ!!


http://www.bangkok-today.com/node/11169