ที่มา ประชาไท
หลังการเผยแพร่ ‘จดหมายจากทักษิณ’ ฉบับล่าสุด ‘ประชาไท’ เป็นตัวกลางนำเสนอ ‘จดหมายถึงทักษิณ’ ที่เขียนขึ้นก่อนหน้านี้โดยผู้ต้องขังเสื้อแดงที่โดนคดีตั้งแต่ปีที่แล้ว และยังอยู่ในเรือนจำจนปัจจุบัน ‘คำหล้า ชมชื่น’
หมายเหตุ กองบรรณาธิการได้รับจดหมายชุดนี้มาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2554 โดยในการนำเผยแพร่ได้คงตัวหนังสือไว้ตามต้นฉบับจริง แต่จัดย่อหน้าใหม่เพื่อความสะดวกในการอ่าน
คดีของนายคำหล้า ชมชื่น ศาลนัดสืบพยานจำเลยอีกครั้งในวันที่ 28 พ.ย.นี้ ที่ห้อง 811 ศาลอาญา ถนนรัชดา โดยในคำฟ้องในเว็บไซต์ศาลอาญาระบุว่า เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2553 เวลากลางวัน จำเลยกับพวกอีก 3 คน ร่วมกันปล้นทรัพย์ อาวุธปืนเล็กกล (M16) ขนาด .223 (5.56 มม.) 2 กระบอก ราคากระบอกละ 16,031 บาท ซองกระสุน 6 ซอง ราคา 2,280 บาท และกระสุนปืนขนาด 5.56 มม. 100 นัด ราคา 950 บาทของกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ผู้เสียหายซึ่งอยู่ในความครอบครองของ จ.ส.อ.สอน แก่นทน, จ.ส.อ.ทวี ภูดินดาน และ ส.ต.วิรัตน์ ศรีหาสารไปโดยทุจริต โดยจำเลยกับพวกได้ร่วมกันใช้กำลังประทุษร้าย จนเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บเป็นอันตรายแก่กายเหตุเกิดที่แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340,ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาอาวุธปืน, ซองกระสุน และกระสุนปืน 19,261 บาท แก่ผู้เสียหายด้วย
เรื่อง ขอความเมตตาและความเป็นธรรมเพื่อพี่น้องเสื้อแดงที่ถูกคุมขัง
เรียน พณฯ ท่านนายก ทักษิณ ชินวัตรน์
ข้าพเจ้า ซื่อ นาย คำหล้า ชมชื่น เลขหมาย 2278/53 คดีปล้นปืนทหาร อายุ 37 ปี XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX (ประชาไทขอปิดที่อยู่ผู้เขียนจดหมาย) ประ วัตโดยก่อนเขาร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง ข้าพเจ้าทำงานสำนักงานการระบายน้ำของ ก.ท.ท. เป็นลูกจ้างประจำ พอหมดเวลาราชการ กระผมก็ได้ใช้เวลาว่างขับรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างเพื่อหาลายได้เสิรมเพื่อช่วย เหลือครอบครัวอีกด้านหนึ่ง
และมีอยู่วันหนึ่งผมได้ขับรถไปส่งผู้โดยสารได้เห็นกลุ่มคนเสื้อแดงของ สถานีวิทยุชุมชนคนแท็กซี่ที่ถนนวิภาวดีซอย 3 ผมจึงได้จอดรถถามผู้ชุมนุมว่าเกิดอะไรขึ้น เขาบอกว่า มีกลุ่มพันธมิตรจะมาปิดสถานีวิทยุ ผมจึงมาช่วยอีกแรงหนึ่ง เพราะเห็นการกระทำที่ผ่านมาไม่ถูกต้อง ผมจึงต้องออกมาชุมนุมกับคนเสื้อแดงด้วย เพราะได้เห็นเหตุการ ในวันที่ผมเขาร่วมชุมนุมมีกลุ่มพันธมิตรได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่คนเสื้อแดง แล้วผมก็ร่วมชุมนุมมาโดยตลอดมาจนเกิดเหตุ เมื่อปี 2552 เดือนเมษายนและปี 2553 เมษายนและพฤษภาคมปี 2553
ก่อนที่ผมจะถูกจับกุมเมื่อเดือนพฤษภาคม วันที่ 14 พฤษภาคมผมไปรวมชุมนุมกับคนเสื้อแดงที่แยกสามเหลี่ยมดินแดง พอมาถึงได้สักพักใหญ่ๆ ก็มีรถทหารวิ่งผ่านมาทางสามเหลี่ยมดินแดง มีทหารอยู่บนด้วยกันสามคน แต่มีอยู่คนหนึ่งอยู่หลังรถและมีอาวุประจำกายปืนเอ็มสิบหกหนึ่งกระบอก และได้ยกปืนใส่ผมตอนที่ผมเดินไปดูหลังท้ายรถ ผมจึงเดินไปอยู่ด้านข้างรถของทหาร และมีคนเสื้อแดงที่เดินตามผมมาแล้วทหารก็ได้ยกปืนใส่คนเสื้อแดงกลุ่มคนที่ เดินตาผมมาเขาจึงได้ขึ้นไปยื้อแย่งอาวุธปืนของทหารออกจากทหาร เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อผู้ชุมนุม หลังจากนั้น ผมก็ได้กลับไปที่สถานีวิทยุชุมชนคนแท็กซี่ที่อาจารชินวัตรน์ หาบุญพาด จัดรายการอยู่ กับกลุ่มอาจารชินวัตรน์ แต่หลังจากวันที่ 14 ถึงวันที่ 19 จนใด้มีเสียงแกนนำประกาศบนเวทีผมได้กับมาที่สถานีและแยกย้ายกันไปแล้วไปทำ งานตามปกติ โดยที่ตัวผมไม่รู้ตัวว่ามีรูปภาพ
พอทำงานมาจนถึงวันที่ 27 พฤษภาคมตอนบ่ายๆ ตัวผมรับประทานอาหารอยู่ข้างทางได้มีเจ้าหน้าที่เรียกชื้อผมๆ ก็หันไปมอง เขาก็ได้แสดงหมายจับแต่ไม่มี แล้วได้นำตัวผมไปที่ บ.ช.น. ที่สี่แยกพญาไท แล้วถามผมว่าใช่ผมหรือเปล่า ผมบอกว่าไม่ใช่ แล้วเขาก็เอากลุ่มคนเสื้อแดงให้ผมดูแล้วถามผมว่าเคยรู้จักหรือไม่ ผมบอกว่าไม่รู้จักเขาก็บังคับให้รู้จัก แต่ผมก็ยังยืนยันว่าไม่รู้จักเหมือนเดิม แล้วเขาก็พูดขอความร่วมมือหน่อย ถ้าไม่ให้ความร่วมมือก็จะพาไปส่งให้ทหาร ถ้าไปหาทหารก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นนะ ในเวลาที่พูดคุยขอความร่วมมือเขาก็บันทึกข้อความไปด้วย พอบันทึกเสร็จแล้วก็เอาบันทึกมาให้ผมพร้อมกับโยนประกาให้ผมแล้วผมก็จะเปิด บันทึกดู เขาก็ไม่ให้ดู แล้วตะคอกผมว่า เอ้าเซ็น มึงรับเซ็น ผมก็ตกใจเขาก็บังคับให้ผมเซ็น ตอนนั้นผมอยู่คนเดียวแล้วก็บอกกับเขาว่าขอติดต่อญาติ เขาก็ไม่ให้ติดต่อ แล้วเขาก็บอกมึงเซ็นเร็วๆ ผมก็เลยเซ็น พอเซ็นเสร็จก็พาผมไปแถลงข่าว
พอแถลงข่าวเสร็จก็พาผมไปส่งที่ สน ดินแดง พอถึง สน ผมก็บอกเจ้าหน้าที่ติดต่อญาติ เขาก็ติดต่อญาติให้ผมแล้วพอเขาไปอยู่ในห้องขังประมาณสักพักหนึ่ง ญาติผมก็มา ตอนนั้นผมกับญาติติดคิดอะไรไม่ออก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเขาได้แนะนำให้ผมและ ญาติไปติดต่อที่พรรคเพื่อไทยให้เขาช่วย ญาติผมก็ไป พอไปถึงพรรคเขาก็หาทนายให้ แล้วญาติผมเขากับมาบอกผมที่ สน ดินแดงว่า พรรคเขาหาทนายให้แล้วนะ พอตกกลางคืน ไม่ทราบเวลา ก็มีเจ้าหน้าที่มาสอบผมอีกโดยที่เขาบอกผมว่าจะช้วยให้เบาลง แล้วผมก็ไม่ได้พูดอะไรเลย วันต่อมาเขาก็ส่งตัวผมฝากขังที่ศาล และก็ส่งตัวมาที่เรือนจำเลย
ในช่วงที่ผมอยู่ในเรือนจำประมาสองเดือนก็มีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอกับเจ้า หน้าที่ทหารมาชี้ตัวผมถึงสองครั้งก็ไม่ใช้ตัวเลย แล้วในเวลานั้นที่ผมอยู่ที่แดนหนึ่งได้สองอาทิตย์ก็จะจำแนกไปที่แดนแปดก็จะ ถูกเก็บยอดแน่ เพราะเขารอเก็บยอดในคดีปล้นปืนทหาร เพราะว่ามีใบสั่งมาจาก ผ.บ แดน8 เพราะว่าคนในนี้เขาบอกผมๆ ผมจึงรู้ แล้วเขาได้สั่งให้เสมียนให้ผมปั่นถ้วยยอดเต็มห้าโลครึ่งหรือเกลือบหกโล โดยที่ว่าหลังผมก็ไม่ดี เพราะผมปวดหลังแต่ผมก็ไม่กล้าไปหาหมอ กลัวทำยอดงานเสร็จ ถ้าไม่เสร็จก็โดนตรี แต่ว่าตัวผมก็อยากไป แต่ไม่มีนมจ้างงานออก พอเวลาญาติผมมาเยี่ยมที ผมก็ได้แต่ถามว่ามีเงินมาหรือเปล่าที่ผมญาติ เพราะญาติผมไม่ค้อยมีเงินมา ผมก็เลยญาติผมเอารถผมไปขายเพื่อจะได้มีเงินมาเยี่ยมผมแล้วผมญาติติดต่อทาง ทนายให้มาเยี่ยม ผมจะถามเรื่องการประกันตัวผมว่าได้หรือไม่ได้ ที่ผมให้ติดต่อทนายเพราะเห็นว่าญาติผมบอกว่าเขายื่นเรื่องประกันให้แล้ว พอทนายเขามาเขาก็บอกว่าไม่ผ่านนะ แล้วเขาก็หายไปเลย ผมถึงคิดว่าได้รับการช้วยเหลือเต็มที่ จนอยู่มาได้ครึ่งปีกว่าๆ อิมพีเรียลยื่นมือช่วยเหลือครั้งหนึ่งด้วยวงเงิน 5,000 บาทแล้วก็ได้ออกเรียกร้องให้แกนนำและพวกผม แต่ก็เป็นเหมือนชวยพวกผมแค่คำพูด แต่การกระทำไม่มี พวกผมรู้สึกน้อยใจและต้องการความช่วยเหลือย่างจริงๆ จังๆ
สิ่งที่ผมต้องการให้ช่วยเหลือก็คือของใช้และดูแลความเป็นอยู่ในนี้บ้าง เพราะว่าครอบครัวของยากจน จึงไม่ค่อยมีเงินมาเยี่ยมผม แต่ก็ยังมีกลุ่มคนเสื้อแดงอยู่กลุ่มหนึ่งคือ กลุ่มของคุณนกแดงอยู่กลุ่มเดียวที่คอยช่วยเหลือผมและพวกมาโดยตลอด และคอยช่วยให้กำลังใจพวกผมมาโดยตลอดและเขาคอยติดตามเรื่องการประกันตัวผมและ คอยให้คะแนะนำกับแฟนผม แต่สิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดก็คือเรื่องการประกันตัวผมมากๆ เลยครับ เพราะผมอยากออกไปช่วยเหลือครอบครัว เพราะว่าแฟนผมต้องรับภาระอยู่คนเดียวและลูกผมต้องเรียนหนังสือด้วย ผมจึงอยากจะประกันตัวไปช้วยแฟนแบ่งเบาภาระครอบครัวมากเลยครับ
(อยากให้ช้วยเรื่องประกันตัว)
เรียน พณฯ ท่านนายก ทักษิณ ชินวัตน์ รักและเคารบอย่างสูง
คำหล้า ชมชื่น
แดน 8 2278/53