บทความโดย...ลูกชาวนาไทย
วันนี้ คือวันที่ 8 เมษายน 2552 ผมได้มีโอกาสไปร่วมกับขบวนการคนเสื้อแดงในการชุมนุมเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยและขับไล่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ให้ลาออกจากตำแหน่งองค์มนตรี
ผมไปร่วมตอน 5 โมงเย็นแล้วครับ โดยไปทางถนนพิษณุโลกถึงเลยแยกนางเลิ้งไป ก็ต้องลงเดินเข้าไปที่หน้าทำเนียบ ปรากฎว่าคนแน่นมากตั้งแต่ถนนหน้า รร.ราชวินิจไปเลยทีเดียว ไปไปให้ๆ กับบริเวณเวทีที่ตั้งอยู่ตีนสะพานชมัยมยุรเซษฐ์ ก็แทบหมดแรงเดินแล้วครับ เพราะคนแน่นมาก ผมไปรอเพื่อนที่เต้นพยาบาลของ FARED ปรากฎเพื่อนคือ คุณขุนอินแห่งเว็บประชาไท ยังเดินมาไม่ถึง ผมก็เลยถือโอกาสเดินอ้อมสำรวจคนเสื้อแดงตั้งแต่ถนนรอบๆ ทำเนียบไป
ถนนหน้าทำเนียบไม่ต้องพูดถึงแน่นจนเดินไม่ได้ ถนนรอบทั้งสี่ด้านคนเต็นไปหมด ผมเดินไปที่ลานพระรูปที่ยังคงมีเต้นท์ของงานกาชาด ก็มีการตั้งเวทีที่ลานพระรูปเวทีหนึ่ง คนเต็มไปหมดเช่นกัน ถนนราชดำเนินนอกข้างกระทรวงศึกษาธิการ คนก็เต็มไปหมดเช่นกัน
จุดประสงค์ของผมคือเดินไปที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ รังใหญ่ของมหาอำมาตย์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่มีข่าวว่าออกไปปฎิบัติภารกิจตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา (ก็คือหนีคนเสื้อแดงนั่นแหละครับ พูดรักษาหน้าหน่อย) ถนนหน้าบ้านเปรม ตั้งแต่ลานพระรูปไป ผ่านหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล คนเต็มไปหมดเช่นกัน ยิ่งหน้าบ้านสี่เสาคนเสื้อแดงแน่นมากแทบเดินไม่ได้เลยทีเดียว ผมอ้อมมาที่ถนนเทเวศร์ ก็มีคนเเสื้อแดงเดินเต็มถนนเช่นกัน ผมสรุปว่า เขตเทเวศร์ตั้งแต่บริเวณทำเนียบรัฐบาลไป โดนคนเสื้อแดงยึดไว้หมดแล้ว
ผมใช้โปรแกรมกรูเกิ้ลเอิร์ทและ Fugawi คำนวณพื้นที่ผิวถนนทั้งหมดได้ 185,000 ตร.ม. หากคิดเฉลี่ย ตารางเมตรละ 2 คน จำนวนคนที่มาร่วมการขับไล่ พล.อ.เปรมครั้งนี้กว่า 300,000 คนขึ้นไป มีเพื่อนผมเขาบอกว่า เพื่อนของเขาใช้เครื่องวัดระยะด้วยแสงเลเซอร์ ยิงคำนวณพื้นที่แบ่งซอยตามความหนาแน่นคำนวณคนได้ถึง 400,000 คนต้นๆ ซึ่งเขาบอกว่ามีความถูกต้องถึง 80% ซึ่งเราพอประเมินได้ว่า 350,000-450,000 คน เป็นตัวเลขกลมๆ (ดูภาพข้างล่าง บริเวณสีแดงคือ พื้นที่ที่คนเสื้อแดงอยู่)
สำหรับผมแล้วนี่เป็นการชุมนุมทางการเมืองครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เท่าที่ตั้งประเทศไทยกันมากว่า 700 ปี ไม่มีครั้งใดในประวัติศาสตร์ที่คนมามากเท่านี้ หลายคนบอกว่ามากกว่าเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 มากนัก
พล.อ.เปรม ในทางการเมือง ผมถือว่าได้ตายไปแล้ว การใช้กำลังทหารหรือการสลายม็อบนั้นไม่อาจทำได้ แม้แต่การสลายม็อบหน้าบ้านสี่เสาก็ทำไม่ได้ ต้องใช้ทหารกี่กองพล ไล่ยิงคนเสื้อแดงจึงจะหมด การใช้กำลังขับไล่ม็อบให้กระจายไปนั้นทำไม่ได้ เพราะคนแน่นมากทั้งถนน
ผลสะเทือนทางการเมืองนั้นมีแน่ เพราะคนเสื้อแดงที่มานี้ ส่วนใหญ่จะรวมตัวกันเป็นองค์กรหรือกลุ่มย่อยๆ กันแล้ว เช่น เสื้อแดงนนนท์ เสื้อแดงประจวบฯ และเสื้อแดงจังหวัดต่างๆ หรือตั้งชื่อตามกลุ่มของตน ซึ่งคนเหล่านี้ไม่ได้จัดตั้งโดยกลุ่ม "รายการความจริงวันนี้" แต่เขารวมตัวกันขึ้นมาเอง จากความไม่ยุติธรรมทางการเมือง ตอนนี้ แกนนำกลุ่มย่อยเหล่านี้ได้พบปะกันแล้ว (ไม่ใช่นักการเมือง) และกลายเป็น "สมัชชาแกนนำเสื้อแดง" โดยอัตโนมัติ
ประเทศไทยไม่มีทางกลับไปเหมือนเดิมอีกแล้ว คนเสื้อแดงที่ไปขับไล่อำมาตย์วันนี้ ได้ประกาศตนไม่เป็นไพร่อีกต่อไปแล้ว พวกเขาตาสว่างกันหมดแล้ว ยากที่จะกลับไปเป็นไพร่ได้อีก
สื่อบางฉบับบอกว่ามีคนไม่ถึง 20,000 คน คนเสื้อเหลืองบางคนในที่ทำงานผม ยังพูดว่าพวกนี้ถูกจ้างมา ซึ่งอยากเชื่ออย่างนั้นก็ตามใจ คงไม่มีใครอยากไปอธิบายอีกแล้ว เหมือนกับนกกระจอกเทศที่เอาหัวมุดเข้าไปอยู่ในทรายเพื่อจะได้ไม่ต้องรับรู้อะไรที่มันบาดใจ ตอนนี้คนเสื้อแดงเขาไม่แคร์อะไรอีกแล้ว มีการพยายามดึงเสื้อแดงไปชนกับสถาบัน กล่าวหาว่าคนเสื้อแดงต้องการล้มล้างฯ หรือให้เนวินออกมาบีบน้ำตาแสดงละคอน แต่ก็ยังมีคนไปชุมนุมกว่าสี่แสนคน ความหมายมันชัดเจนอยู่แล้วว่า “ไม่มีใครแคร์อะไรอีกแล้ว”
สำหรับสื่อกระแสหลักนั้น ผมคิดว่าได้ทำลายตัวเองจนหมดอิทธิพลไปแล้ว คนเสื้อแดงไม่ได้สนใจสื่อกระแสหลักมากนัก อยากรายงาน อยากบิดเบือนอะไรก็ทำไป เพราะว่าไม่มีใครอ่านหรือแม้จะอ่านก็ไม่ได้เชื่ออยู่แล้ว การออกมากล่อม บิดเบือนตอนนี้ไร้ผลโดยสิ้นเชิงแล้ว
จุดสุดท้ายคือ “กติกาของสังคมนี้ต้องเป็นธรรม” อำมาตย์ต้องออกไปจากการแทรกแซงอำนาจและการตัดสินใจของประชาชน