ที่มา ไทยรัฐ
ดีเดย์วันนี้แล้วที่กลุ่มคนเสื้อแดง ที่นำขบวนโดยกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กำหนดให้วันที่ 8 เม.ย. เป็นวันเคลื่อนพลจากทำเนียบรัฐบาลบุกไปล้อมบ้านสี่เสาเทเวศร์ บ้านพักของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เพื่อกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง และบีบให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุบสภา จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ และนำรัฐธรรมนูญปี 2540 กลับมาใช้ ด้วยข้อกล่าว หาสมรู้ร่วมคิดกันล้มล้างระบอบประชาธิปไตย ด้วยการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 แต่ก่อนที่ความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงหน้าทำเนียบฯ จะเข้มข้น คนเสื้อแดงพัทยาก็ชิงลงมือรุมทุบขบวนรถของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ย้ายไปประชุม ครม. ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี
ระดม ตร. 5 พันนายอารักขา ครม.
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากโรงแรมรอยัล คลิฟบีช รีสอร์ท พัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุม ครม. นอกสถานที่ว่า ตั้งแต่เช้าวันที่ 7 เม.ย. มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก จ.ชลบุรี สระแก้ว ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอง กว่า 5,000 นาย มารักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบโรงแรม พร้อมตั้งด่านสกัดกลุ่มคนเสื้อแดง บริเวณทางขึ้นโรงแรมทั้งสองทางที่อยู่บริเวณเชิงเขา รวมทั้งมีการนำรถขนผู้ต้องหาเคลื่อนที่มาจอดขวางทางขึ้นโรงแรมด้านละ 4 คัน ขณะเดียวกัน บริเวณริมทะเลซึ่งติดกับโรงแรม ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำคอยรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ขณะที่อาคารพัทยาเอ็กซิบิชั่นแอนด์คอมมิวเคชั่นฮอลล์ ซึ่งเป็นห้องประชุม ครม. มีการติดตั้งเครื่องตรวจสแกนวัตถุระเบิด ตรวจสอบบุคคลเข้าออกภายในอาคารอย่างเข้มงวด พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร มายืนประจำการทางเข้าออกเพื่อดูแลความปลอดภัย
คนเสื้อแดงปิดทางเข้าออกโรงแรม
กระทั่งเวลา 09.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ได้นั่งรถกอล์ฟมาร่วมประชุม ครม. ขณะที่บริเวณเชิงเขาด้านล่างทางขึ้นลงโรงแรมรอยัล คลิฟบีช ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงหลายร้อยคน นำโดยนางจุลีพร สินธุไพร แกนนำชมรมคนรักประชาธิปไตยพัทยา ได้เริ่มตั้งขบวนจากถนนเพ็ชรตระกูล ย่านพัทยาเหนือ ก่อนจะเคลื่อนขบวนมาปิดล้อมบริเวณหน้าโรงแรมที่จัดการประชุม โดยมีการใช้รถแห่และมีการกล่าวโจมตีรัฐบาล ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ โดยมีตำรวจและทหารกว่า 1,000 นาย มาคอยรักษาความสงบ ทั้งนี้ นางจุลีพรกล่าวว่า กลุ่มคนเสื้อแดงจากหลากหลายพื้นที่มาร่วมแสดงพลังกันที่หน้าโรงแรมที่จัดการประชุม ครม. เพื่อเป็นการแสดงพลังประชาธิปไตย เพื่อเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ลาออกจากตำแหน่ง หลังจากนั้นจะยกขบวนไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดงที่ กทม.
“สุเทพ” หาทางให้ ครม.หลบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้นนายสุเทพได้เดินออกจากห้องประชุม ครม. เพื่อมารับทราบสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ที่มาปิดทางเข้าออกประตูด้านหน้าโรงแรมจาก พล.ต.ท.ประยูร อมฤต ผู้ช่วย ผบ.ตร. จากนั้นทั้ง 2 คนได้เดินขึ้นไปยังชั้น 3 อาคารที่ประชุม ครม. ซึ่งเป็นบริเวณโถงกระจก เพื่อสังเกตการณ์การชุมนุมของกลุ่มผู้ชุมนุม โดยนายสุเทพสอบถาม พล.ต.ท.ประยูรว่า ผู้ชุมนุมมีจำนวนมากน้อยเพียงใด และรถยนต์ส่วนตัวของบรรดาคณะรัฐมนตรีนั้นจอดอยู่ที่ใด เพื่อเป็นการประเมินสถานการณ์เบื้องต้น และหาทางหนีทีไล่ไว้ให้กับคณะรัฐมนตรีได้เดินทางออกจากโรงแรมได้ ระหว่างนั้นกลุ่มเสื้อแดงเมื่อได้มองเห็นนายสุเทพอยู่บนตึก ก็พร้อมใจตะโกนโห่ร้องขับไล่ ด้วยท่าทีที่เกรี้ยวกราดพร้อมรัวตีนตบ โดยนายสุเทพได้ยืนสังเกตการณ์อยู่สักพัก ก่อนที่จะเดินทางไปประชุม ครม.ต่อไป
กระทบทันทีแขก รร.ถูกกักไปด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการที่กลุ่มเสื้อแดงได้ใช้รถยนต์และรถกระบะมาปิดเส้นทางเข้าออกโรงแรม ทำให้แขกที่พักอาศัยอยู่ภายในไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ แม้กระทั่งจะเดินทางไปขึ้นเครื่องบินเพื่อเดิน ทางกลับประเทศก็ตาม
ครม.หนีเสื้อแดงออกประตูส่งของ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากกลุ่มเสื้อแดงได้ปิดทางเข้าออกโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช เพื่อไม่ให้นายกฯและ ครม.ออกจากโรงแรมได้ ต่อมาเมื่อเวลา 12.00 น. ครม.บางส่วนได้ทยอยเดินทางออกจากโรงแรม อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ นายไพฑูรย์ แก้วทอง รมว. แรงงาน คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมว.วิทยาศาสตร์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ ได้หลบ กลุ่มเสื้อแดงที่ชุมนุมอยู่หน้าทางเข้าโรงแรม โดยเดินไปขึ้นรถที่ลานจอดรถใต้ถุนอาคารประชุม ครม. ก่อนที่จะให้รถวิ่งออกไปทางประตูส่งสินค้าที่อยู่ด้านหลังของโรงแรม แล้วใช้เส้นทางถนนเลียบชายหาดหนีกลุ่มผู้ชุมนุม โดยรถขบวนนายกฯมุ่งหน้าไปทางปลายแหลมบาลีไฮ ตามที่ทางเจ้าหน้าที่วางเส้นทางเดินรถไว้ แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ เกิดเปลี่ยนแปลงเส้นทางกะทันหัน เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดการปะทะกับกลุ่มเสื้อแดง ที่ดักรออยู่ที่ด้านหน้าแล้ว โดยเปลี่ยนจากรถเก๋งบีเอ็มฯซีรีส์ 7ไปขึ้นรถโตโยต้า พราโด หมายเลขทะเบียน ษห 9210 กรุงเทพมหานคร สีบรอนซ์ ของเจ้าหน้าที่ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) เพื่อหลอกกลุ่มเสื้อแดง โดยใช้ เส้นทางสายพระตำหนัก เพื่อตัดออกถนนพัทยาสาย 3
รถนายกฯ เจอแดงทุบกระจก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปรากฏว่าขบวนรถของนายกฯได้มาติดไฟแดง ที่สี่แยกถนนพัทยาสาย 3 ก่อนจะเลี้ยวขวาไปออกถนนพัทยาใต้ มุ่งหน้าสู่ถนนสุขุมวิท ในขณะนั้นได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 10 คนนั่งรถ ซาเล้ง ขับมาปาดหน้ารถของนายกฯ จากนั้นกลุ่มคนเสื้อแดงได้กรูเข้าไปใช้ขวดและหมวกกันน็อกทุบรถโตโยต้าพราโดที่นายกฯ นั่งอยู่จนกระจกหลังแตก โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นายลงมาจากรถอีกคัน เข้ามาห้ามปรามกันกลุ่มเสื้อแดงออก จากนั้นคนขับจึงรีบบึ่งรถออกไปอย่างรวดเร็ว โดยที่นายกฯไม่ได้ลงมาแต่อย่างใด
“สุเทพ” สั่ง ตร.ล่าตัวคนทุบรถนายกฯ
ที่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช จ.ชลบุรี บรรดา ครม. โดยเฉพาะ ครม.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ทราบข่าวว่ารถของนายกฯถูกกลุ่มเสื้อแดงรุมทุบ ได้วิ่งวุ่นเช็กข่าวกันจ้าละหวั่น โดยเฉพาะนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต. ประจำสำนักนายกฯ ได้สอบถามเหตุการณ์จากผู้สื่อข่าว ก่อนที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง จะเรียกนายสาทิตย์และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่มาหารือเครียด พร้อมสั่งให้คนติดตามโทรศัพท์เช็กรายละเอียดจากคณะติดตามนายกฯ จากนั้นนายสุเทพกล่าวว่า ได้รับรายงานว่ารถของนายกฯถูกกลุ่มผู้ชุมนุมขับมอเตอร์ไซค์ เข้าไปทุบรถขณะติดไฟแดง จน ศรภ.ต้องนำตัวนายกฯ มาขึ้นรถของทีม รปภ. ทำให้รถของ รปภ.ถูกทุบกระจกแตก ส่วนมอเตอร์ไซค์ของคนที่เข้าไปทุบรถนายกฯนั้น ตำรวจยึดไว้ได้กำลังติดตามหาตัวเจ้าของรถอยู่ และกำชับตำรวจว่าให้ดำเนินการจับกุมตัวมาลงโทษให้ได้ เพราะเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย เมื่อถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำ ให้ผู้ชุมนุมยิ่งได้ใจ โดยเฉพาะการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 8 เม.ย.หรือไม่ นายสุเทพตอบว่า ยืนยันใครทำผิดกฎหมายต้องถูกลงโทษ แต่จะดูว่าเจ้าหน้าที่จับคนร้ายได้หรือไม่ โดยไม่มีการขีดเส้นให้จับตัวภายในกี่วัน แต่สั่งให้ดำเนินการในทันที
ชิงแจ้งความถูกรถนายกฯชนก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากขบวนรถนายกฯ เคลื่อนต่อไปได้แล้ว ในเวลา 15.30 น. นายวันเฉลิม กุลเสน อายุ 22 ปี ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.พลกฤต ขำเสถียร พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ว่า รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า คลิก สีแดง-ดำ ทะเบียน งนจ 957 ชลบุรี ของตน ถูกรถขบวนนายกฯ ชนได้รับความเสียหาย นอกจากนั้น นางสำรวย แสงประภา อายุ 43 ปี และนางจิดาภา ธนหัตถชัย อายุ 48 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ว่า ถูก รปภ.ของนายกฯรุมทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน ก่อนให้ผู้เสียหายไปตรวจร่างกายที่ รพ.บางละมุง เพื่อจะได้สอบสวนต่อไป
“ถาวร” ฉุนไล่ “ทักษิณ” ไปลงนรก
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เกิดเหตุดังกล่าวกับรถขบวนนายกฯ ทำให้มีการสั่งการดำเนินการอย่างเข้มงวดตามมา โดยนายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย กล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ ถ้าเหิมเกริมแบบนี้ประเทศชาติอยู่ไม่ได้ การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้ความรุนแรงมาดำเนินการแบบนี้ ขอให้กลับไปลงนรกซะ และขอให้ มีการเพิ่มค่าหัว พ.ต.ท.ทักษิณให้มากกว่า 1 ล้านบาทด้วย ทั้งนี้จะไม่มีการประนีประนอมกับผู้ทำผิด คนที่มาทำแบบนี้ ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองส่วนตัวกับนายกฯมาก่อน ต้องมีการสั่งการ ดังนั้นต้องหาคนสั่งการมาลงโทษให้ โดย พ.ต.ท.ทักษิณต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะการที่คนเสื้อแดงมาชุมนุมกันมากๆ เกิดจากการยุยงของ พ.ต.ท.ทักษิณ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวดมากขึ้น มั่นใจว่าจะจับกุมตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้แน่ อย่างไรก็ตามยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เป็นการส่งสัญญาณการใช้ความรุนแรงที่จะเกิดมากขึ้นอย่างแน่นอน ถ้าหน่วยรักษาความปลอดภัยไม่สามารถเอาตัวนายกฯ ออกมาได้ นายกฯต้องบาดเจ็บแน่
นายกฯสั่งทุกกระทรวงระวังวินาศภัย
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวว่า เชื่อว่าการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 8 เม.ย. ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง และไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น เพราะมั่นใจว่า เป็นคนไทยด้วยกันคงจะเข้าใจกัน นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงผลการประชุม ครม.ว่า นายกฯได้กล่าวกับที่ประชุม ครม.ถึงเรื่องการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง โดยขอให้ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบกฎหมาย ไม่ให้เกิดการ เผชิญหน้ากัน โดยเฉพาะกำชับให้รัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยงานต่างๆ ช่วยกันระวังป้องกันไม่ให้เกิดการวินาศภัย ในกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ เพื่อเป็นการเตรียม พร้อมรับสถานการณ์ไว้ ไม่ได้หมายความว่ามีเหตุการณ์ อะไรน่าวิตก แต่เป็นความกังวลของประชาชนที่เกรงว่า การชุมนุมแต่ละครั้งอาจมีเหตุไม่พึงประสงค์ หรือมีกลุ่มไม่หวังดีต่อประเทศฉวยโอกาสก่อความรุนแรงหลายรูปแบบ จึงต้องเฝ้าระวังเหตุการณ์ไว้ก่อน แต่ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง นอกจากนี้ นายกฯยังย้ำว่า จะไม่มีการใช้กฎหมายพิเศษมาควบคุมการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง เพราะไม่เกิดผลดี และมีผลกระทบต่อประชาชน ถ้าไม่มีความจำเป็นหรือเกิดเหตุการณ์ที่รับไม่ได้จริงๆ การทำงานของเจ้าหน้าที่จะเป็นไปตามปกติ
แฉเสื้อแดงเตรียมก่อความรุนแรง
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า คิดว่าการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงในวันที่ 8 เม.ย.นี้ ไม่น่าจะมีเหตุการณ์บานปลายเกิดขึ้น นายกฯประกาศชัดเจนว่าจะไม่ยอมให้มีการทำปฏิวัติโดยประชาชน และทำอะไรนอกกฎหมาย ยืนยันว่ารัฐบาลจะดำเนินการทุกอย่างภายใต้กฎหมาย ถ้าจะมีการสร้างสถานการณ์ใดเกิดขึ้นในช่วงค่ำวันที่ 7 เม.ย. หรือในวันที่ 8 เม.ย. ยืนยันว่าไม่ใช่การดำเนินการจากฝ่ายรัฐบาลแน่ ทราบว่ามีความพยายามที่จะสร้างสถานการณ์โดยคนบางกลุ่มอยู่ จึงกำชับให้เจ้าหน้าที่ดูแลเหตุการณ์ให้อยู่ในความสงบเรียบร้อยและเตรียมการดูแลสถานที่สำคัญ
เชื่อไร้ปัญหาเข้าทำเนียบฯได้
เมื่อถามว่า ครม.จะย้ายสถานที่ประชุมเพื่อหนีกลุ่มเสื้อแดงไปเรื่อยๆใช่หรือไม่ นายสาทิตย์ตอบว่า ไม่ นายกฯประกาศแล้วว่าหลังจากบังคับใช้กฎหมายใน วันที่ 7 เม.ย.แล้ว เมื่อการประชุมอาเซียนจบลง การทำงานจะยังคงเป็นที่ทำเนียบรัฐบาล คงไม่มีที่อื่นๆ การเข้าไปทำงานในทำเนียบฯ คงต้องบังคับตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ เชื่อว่ากลุ่มเสื้อแดงคงไม่มาก่อความวุ่นวาย การประชุมอาเซียนที่จังหวัดชลบุรี แต่หากจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมมาบ้าง ก็จะมีการจัดเตรียมสถานที่ให้ได้แสดงออก แต่ถ้ามีการก่อกวนจนกระทบการประชุมเจ้าหน้าที่ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย
“อภิสิทธิ์” ฝืนยิ้มทำงานต่อ
ต่อมาเมื่อเวลา 14.45 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาถึงอาคารรัฐสภา 2 ตึกวุฒิสภา ด้วยรถยนต์ประจำตำแหน่งยี่ห้อบีเอ็มดับบลิว ซีรีส์ 7 ทะเบียน ศอ 9201 โดยมี พล.ต.ต.ขจร สัยวัตร์ ส.ว.หนองคาย ประธานคณะกรรมาธิการแรงงานและสวัสดิการสังคม วุฒิสภา รอให้การต้อนรับ เนื่องจากนายอภิสิทธิ์มีกำหนดการที่จะปาฐกถา ในหัวข้อ “ก้าวข้ามวิกฤติ โอกาสทางธุรกิจ โอกาสแรงงานไทย” เป็นที่น่าสังเกตนายอภิสิทธิ์ก้าวลงจากรถด้วยสีหน้าฝืนยิ้ม พร้อมตอบคำถามของนักข่าวถึงเหตุการณ์ม็อบเสื้อแดงรุมทุบรถที่ จ.ชลบุรีว่า “ไม่ตกใจ ไม่เป็นอะไร ยังทำงานได้ และจะทำงานต่อไป” จากนั้นได้เดินขึ้นไปร่วมงานสัมมนาทันที
แนะเป็นบทเรียนต้องรัดกุมมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวยังคงเดินตามไปถามว่า เหตุที่เกิดขึ้นมีการประสานงานกับตำรวจท้องที่ดีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า เข้าใจว่าทางตำรวจท้องที่และส่วนกลางได้พูดคุยกับผู้ชุมนุมและบอกว่าผู้ชุมนุมได้สลายไปแล้ว และจะไปทบทวนดูเหตุการณ์ทั้งหมด แต่มีการพูดคุยกันก่อนหน้านี้และคิดว่าผู้ชุมนุมสลายไปแล้ว ตนก็ไม่ทราบเรื่องเส้นทาง เมื่อถามว่า เป็นบทเรียนให้ต้องดูแลมากกว่านี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า อยากให้รัดกุมเพราะไม่อยากจะให้มีปัญหากันระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุม แต่สำหรับตนรู้ว่าเป็นเป้าอยู่แล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะต้องทบทวนท่าทีแก้ปัญหาด้วยความอ่อนน้อมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า เท่าที่ทราบเหตุวันนี้ไม่มีใครบาดเจ็บหรือมีการปะทะกัน อย่างน้อย ที่สุดก็ผ่านตรงนั้นมา แต่เป็นเหตุที่ไม่ควรเกิดขึ้นเหตุดังกล่าวไม่รุนแรงที่สุดในชีวิต เพราะตอนที่มีการพังเวทีปราศรัยที่เชียงใหม่ก็คล้ายๆกันอย่างนั้น แต่ต้องถามว่าเจตนาว่าต้องการทำอะไร เพราะนักประชาธิปไตยต้องไม่ทำร้ายร่างกายกัน
สั่งตำรวจดูแลบ้านสี่เสาเทเวศร์เต็มที่
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงในวันที่ 8 เม.ย. ว่าไม่จำเป็นต้องสั่งให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่และพนักงานหยุดทำงาน ให้ทำงานไปตามปกติ ส่วนการดูแลสถานการณ์ได้มีการเตรียมการกัน ซึ่งการประชุมฝ่ายความมั่นคงเมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา ทุกหน่วยงานแบ่งงานแล้วว่าจะประสานงานกันอย่างไร ซึ่งคนที่มาชุมนุมคงมีหลายประเภท จึงได้พยายามย้ำให้กับคนที่อยากมาแสดงออกว่าขอให้อยู่ในความสงบ เพราะรัฐบาลเองก็ชัดเจนมาก ว่าตลอด 3-4 เดือนที่ผ่านมาไม่มีความรุนแรงจากภาครัฐเลย เพราะต้องการรักษาบรรยากาศ ไม่ต้องการให้เกิดการสูญเสียใดๆทั้งสิ้น ทุกคนต้องช่วยกันสอดส่องดูแล เพราะมีคนบางกลุ่มที่ต้องการจะใช้ความรุนแรงอยู่ เป็นหน้าที่ของทุกคนรวมทั้งคนที่มีเจตนามาชุมนุมด้วยความสงบด้วย โดยสิ่งสำคัญที่สุดในวันพรุ่งนี้คือการรักษาความสงบเรียบร้อย รักษาสถานที่ราชการและดูแลบ้านประธานองคมนตรี
วอนกลุ่มคนรักป๋าอยู่ห่างคนเสื้อแดง
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขอให้ทุกฝ่ายได้คิดถึงการที่บ้านเมืองจะเดินไปข้างหน้าตนได้ย้ำหลายครั้งว่าถ้าเป็นข้อเรียกร้องเรื่องประชาธิปไตย รัฐบาลสนองตอบอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นที่ลุกลามไปมันก็คงไม่ได้ เพราะรัฐบาลต้องรักษากฎหมายรักษาสถาบันหลักของชาติ แต่ตนเชื่อว่าคนส่วนใหญ่มาด้วยเป้าหมายประชาธิปไตยซึ่งไม่เป็นไร แต่อย่าตกเป็นเหยื่อของคนบางคน ที่ต้องการสร้างความวุ่นวาย ส่วนมวลชนอื่นอย่างกลุ่มคนรักป๋าเมื่อคืนวันที่ 6 เม.ย. ได้ขอกันไปแล้วว่าอย่ามาสร้างปัญหาที่จะทำให้เกิดการปะทะกัน และขอให้ต่างคนต่างอยู่ อย่าเข้าไปใกล้กัน อย่าไปเสี่ยงต่อการปะทะกัน เพราะมีคนบางกลุ่มที่ประกาศชัดว่าจะทำสงคราม จะทำการปฏิวัติประชาชนจะจลาจล หรือจะให้จบลงก่อนสงกรานต์ แปลว่าเขาอยากให้เกิดความรุนแรงซึ่งเราไม่ประมาทแต่รัฐบาลยืนยันว่าจะไม่ให้เกิดขึ้นแน่นอนและอยากให้ประชาชนช่วยกันคิดว่าหากเราต้องมาทำร้ายกันเอง ทำไปเพื่ออะไร และเพื่อใครมั่นใจว่าไม่จำเป็นต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะการประกาศใช้กฎหมายดังกล่าวคือการให้ทหาร กองทัพเข้ามาช่วย ซึ่งขณะนี้เขาก็มาช่วยดูแลสถานการณ์อยู่แล้ว
“ชวน” ให้กำลังใจตำรวจอดทน
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงเหตุการณ์กลุ่ม นปช.รุมทุบรถนายกรัฐมนตรีที่ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี อาจส่งผลให้การชุมนุมของวันที่ 8 เม.ย. ที่หน้าทำเนียบรัฐบาลรุนแรงขึ้นว่า รัฐบาลได้ประกาศแล้วว่าจะปฏิบัติตามกฎหมายด้วยความระมัดระวัง ไม่ให้เป็นเงื่อนไขในการสร้างปัญหาและอยากให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน เพราะต้องอยู่ท่ามกลางความลำบากใจ ที่ผ่านมาตนได้ยินเจ้าหน้าที่ปรารภว่าจะทำอะไรก็กลัวว่าจะโดนฟ้องจึงขอให้ยึดหลักความอดทนในการปฏิบัติหน้าที่ เหตุการณ์การทุบรถของนายกรัฐมนตรีจะโทษใครก็ลำบากเพราะทางโน้นเองเขาก็ประกาศไว้แล้ว และเจ้าหน้าที่ใช้ความระมัดระวังมีการป้องกันไว้ในระดับหนึ่งแล้ว แต่ต้องดูว่าเพียงพอหรือไม่สำหรับพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะมีส่วนหรือไม่อย่างไร
แนะรัฐทบทวนพื้นที่จัดประชุมอาเซียน
ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงว่าจะเกิดเหตุความวุ่นวายในช่วงการประชุมอาเซียนซัมมิต+3 และ+6 หรือไม่ นายชวนตอบว่ารัฐบาลควรจะทบทวนดูว่าจะหาพื้นที่ที่สามารถดูแลได้มากกว่าพื้นที่ที่ต้องไปเสี่ยงหรือไม่ และส่วนตัวแล้วรู้สึกเสียดายโอกาสที่บางจังหวัดที่มีความพร้อมในการจัดการประชุมเพื่อสร้างชื่อเสียงในพื้นที่ให้มีการใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ แต่กลับเกิดเหตุอย่างนี้ เพราะฉะนั้นประชาชนเจ้าของพื้นที่จะต้องช่วยกันดูแล สร้างความสงบในพื้นที่ด้วย โดยตนเชื่อว่าการกระทำที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเสียงส่วนน้อยเท่านั้น
ปชป.คาดม็อบมีแค่ 1 แสน
วันเดียวกัน คณะทำงานปฏิบัติการทางการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ (วอร์รูม) ได้มีประชุมหารือเพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 8 เม.ย.นี้ โดยที่ประชุมวอร์รูมพรรคประชาธิปัตย์สรุปว่าจะมีผู้มาร่วมชุมนุมประมาณ 1 แสนคน โดยสิ่งที่รัฐบาลต้องระมัดระวังคือ การก่อการจลาจล การปิดการจราจร และการวางเพลิง เพื่อนำไปสู่การรุนแรงโดยจะโยนความผิดให้ รัฐบาล นอกจากนี้ สถานการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น และรัฐบาลไม่สามารถควบคุมได้ที่จะลุกลามจากการชุมนุมในวันที่ 8 เม.ย.นี้ เกรงว่าจะมีม็อบชนม็อบคือ กลุ่มคนรักป๋าเปรมจะมาชุมนุมปะทะกับกลุ่มคนเสื้อแดง เจ้าหน้าที่ปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุม และการสร้างสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งนพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหลังการประชุมว่า พ.ต.ท.ทักษิณที่ยืนยันในความจงรัก ภักดี ทำไมยังยืนยันที่จะปลุกระดม เพื่อสร้างความวุ่นวายความแตกแยกโดยไม่ยอมเจรจา และพุ่งเป้าการขับไล่ไปสู่คนที่ทำงานใกล้ชิดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำไมตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณจึงเดินสายต่างประเทศโจมตีความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
เมื่อก่อนทำไมไม่ไล่อำมาตย์
นพ.บุรณัชย์กล่าวว่า ถ้าสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่าเป็นศัตรูกับระบอบประชาธิปไตย คือระบอบอำมาตยาธิปไตย ขอถามว่าช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาประเทศไทยในช่วงรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ทำไมไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับอำมาตยาธิปไตย และ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ แต่ในทางกลับกันได้ส่งคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา เข้าพบ พล.อ.เปรม และตัวเองก็พยายามที่จะพูดคุยกับ พล.อ.เปรม การที่ พ.ต.ท.ทักษิณออกมาโจมตีองคมนตรี ล่าสุดกล่าวหาว่า พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี เป็นกบฏ เป็นการส่งเสริมและยั่วยุให้มีการใช้กำลังล้มรัฐบาล เข้าข่ายการเตรียมการที่จะเป็นกบฏเสียเองหรือไม่ ส่วนเงินสนับสนุนการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงมาจากแหล่งใด ใช่เงินที่เกาะเคย์แมนอย่างที่ พล.อ.พิจิตรกล่าวไว้หรือไม่ การที่ พ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่าต้องการล้มอำมาตยาธิปไตย ทวงคืนประชาธิปไตยคืนมา ขอถามว่าประชาธิปไตยที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดถึง แตกต่างจากระบอบทักษิณในอดีตอย่างไร และการเรียกร้องของคนเสื้อแดงในวันนี้ ที่อ้างว่าทำเพื่อประโยชน์ส่วน รวม เหตุใดจึงเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณพ้นผิด พรรคพวกกลับมาสู่อำนาจ และได้ผลประโยชน์ของตัวเองคืนมา
ขอร้อง นปช.อย่ามาหน้าบ้านสี่เสาฯ
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนรัก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เตรียมจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อปกป้อง พล.อ.เปรม ว่า เกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์ม็อบชนม็อบ และเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถต้านทานแรงปะทะได้ จึงอยากขอร้องให้กลุ่ม นปช.อย่าเคลื่อนกำลังมาที่หน้าบ้าน พล.อ.เปรม ขอให้อยู่ในที่ชุมนุมที่หน้าทำเนียบฯ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของคนหมู่มาก แกนนำม็อบ นปช.อาจไม่สามารถควบคุมคนได้ ตำรวจเองก็อาจจะดูแลได้ไม่ทั่วถึง ส่วนกรณีที่ท่านผู้หญิงวิระยาชวะกุล ออกมาแสดงความชื่นชม พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ถ้าดูภูมิหลังของท่านผู้หญิงวิระยา ก็จะเห็นว่าใกล้ชิดกับพ.ต.ท.ทักษิณ จึงเป็นเรื่องปกติที่คนใกล้ชิดกันจะแสดงความชื่นชม แต่คำพูดของท่านผู้หญิงวิระยาไม่ได้เป็นข้อสรุปว่าสังคมจะต้องมองตามที่ท่านพูดและไม่สามารถวัดได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะเป็นคนดีของคนทั้งประเทศตามที่ท่านผู้หญิงวิระยาพูด ทำไมท่านไม่พูดบ้างว่า พ.ต.ท. ทักษิณเป็นคนหนีคดี ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมของศาล จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง ซึ่งเป็นความเห็นที่แตกต่างจากท่านทั้งสิ้น
ม็อบเปิดประตูทำเนียบฯ
ด้านทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.00 น. วันเดียวกัน นายจาตุรงค์ ปัญญาดิลก รองปลัดสำนักนายกฯ พร้อมด้วย ผอ.กองยึดทรัพย์ และ ผอ.กองทรัพย์สิน ตัวแทนกรมบังคับคดี เจ้าหน้าที่เทศกิจและกรมโยธาธิการ ตัวแทนกลุ่ม นปช. และคนเสื้อแดงจำนวน 8 คน นำโดย นายคารม พลทะกลาง พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ นายสุพร อัตถาวงศ์ นายพายัพ ปั้นเกตุ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ได้มาหารือเจรจาเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามคำสั่งศาลแพ่ง ที่ให้การคุ้มครองชั่วคราวให้กลุ่มคนเสื้อแดงเปิดทางเข้าออกทำเนียบฯ โดยมี พล.ต.ท. วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน ทั้งนี้ที่ประชุมได้มีการเจรจากันนาน 30 นาที ซึ่งได้ข้อยุติร่วมกันว่าจะไม่มีการบังคับคดีตามกฎหมาย เนื่องจากทางกลุ่มผู้ชุมนุมยินดีที่จะปฏิบัติตามคำสั่งศาลแพ่งอยู่แล้ว จึงเห็นร่วมกันที่ใช้การเจรจาแทนการบังคับคดี จากนั้น ทั้งหมดร่วมกันเดินตรวจพื้นที่ตามถนนลูกหลวงบริเวณประตู 6 และประตู 8 รวมทั้งเชิงสะพานอรทัย เพื่อชี้จุดและทำความตกลงในการรื้อย้ายสิ่งกีดขวาง เพื่อเปิดเส้นทางการจราจรเข้าออกทำเนียบรัฐบาล โดยกลุ่มม็อบขอตั้งด่านตรวจบัตรข้าราชการและรถยนต์เข้า-ออก ต้องมีสติกเกอร์อนุญาตที่ออกโดยสำนักนายกรัฐมนตรี ที่บริเวณเชิงสะพานอรทัย
ใช้เข้า-ออกประตู 6 และ 8
จากนั้น เวลา 10.45 น. นายจาตุรงค์ ปัญญาดิลก พร้อมด้วย พล.ต.ท.วรพงษ์และนายคารม ได้แถลงข่าวร่วมกันอีกครั้ง โดยนายจาตุรงค์กล่าวว่า จากการหารือกับกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งให้ความร่วมมืออย่างดี จึงได้ตกลงร่วมกันว่าจะดำเนินการเปิดประตู 6 เป็นประตูทางเข้า และประตู 8 เป็นประตูทางออกจากทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้การเข้าออกของข้าราชการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยจะไม่มีการบังคับคดีโดยเบื้องต้น จะมีการประสานกับทางกองสถานที่และรักษาความปลอดภัย ในการเปิด-ปิดประตูตามเวลาการปฏิบัติราชการของทำเนียบฯ คืออาจเปิดตั้งแต่ 06.00-18.00 น. หรืออาจจะเป็น 20.00 น. โดยที่ทางกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้มีเงื่อนไขเรื่องเวลาการเปิดปิดประตูทำเนียบฯแต่อย่างใด
ใครทำผิดต้องรับผิดชอบเอง
นายคารมกล่าวว่า ยืนยันว่ากลุ่มผู้ชุมนุมไม่มีเจตนาที่จะขัดขวาง ข่มขู่ ทำร้ายข้าราชการ ที่เข้ามาทำงานภายในทำเนียบฯ และขอยืนยันด้วยว่ากลุ่มคนเสื้อแดงไม่มีท่าทีก้าวร้าว การชุมนุมอาจจะมีอารมณ์บ้าง แต่ก็มีมารยาท อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ขณะนี้ความสะดวกอาจจะไม่ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่กลุ่มผู้ชุมนุมจะพยายามให้เกิดการกระทบกระทั่งน้อยที่สุด และได้จัดแบ่งพื้นที่ของการชุมนุมอย่างชัดเจน ถ้าจะมีเหตุอะไรขอให้มีการแจ้งประสานมายังแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมก่อน และหากกลุ่มผู้ชุมนุมทำอะไรที่ผิดกฎหมายถือว่าเป็นเรื่องความรับผิดชอบส่วนบุคคล แต่ยืนยันว่าทางแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมได้ประสานห้ามใช้สิ่งของขว้างปา เพราะจะทำให้เราไม่แตกต่างกับกลุ่มอื่น อย่างไรก็ตาม ถ้าจะให้การันตีเลยว่าจะไม่มีการขว้างปาสิ่งของเข้าใส่ ครม.หรือนายกฯนั้น คงการันตีไม่ได้ เพราะเราไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้น
รอมชอมลดความตึงเครียด
พล.ต.ท.วรพงษ์ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ทั้งฝ่ายสำนักงานปลัดสำนักนายกฯ (สปน.) และทางกลุ่มผู้ชุมนุม ได้ตกลงกันแล้วว่าว่าจะเปิดประตูเข้าออกบริเวณทำเนียบรัฐบาล ตามที่ศาลแพ่งได้มีคำสั่ง ถือว่าเป็นความร่วมแรงร่วมใจกันของทั้ง 2 ฝ่ายที่จะไม่ให้เกิดความรุนแรง และไม่มีการบังคับคดี ส่วนการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง สามารถทำได้ ซึ่งในการหารือกลุ่มผู้ชุมนุม รวมทั้งสิ่งของไม่ว่าจะเป็นเครื่องปั˜นไฟ หรือเต็นท์ เครื่องขยายเสียง จะอยู่บนฟุตปาทติดคลองผดุงกรุงเกษมเท่านั้น โดยจะแสดงออกในการต่อต้าน ครม.อย่างไรก็ได้ แต่ต้องไม่กระทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย ส่วนจอโปรเจกเตอร์ก็จะยกให้สูงขึ้น เพื่อให้รถยนต์สามารถสิ่งผ่านเข้าออกได้โดยสะดวก หากมีการละเมิดกฎหมายด้วยการขว้างปาสิ่งของ ถือว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่จะต้องรับผิดชอบ และนับตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย.เป็นต้นไป ครม.สามารถเดินทางกลับเข้ามาทำงานในทำเนียบรัฐบาลได้ และยอมรับว่าเจรจาช่วยทำให้การชุมนุมใหญ่ในวันที่ 8 เม.ย. ผ่อนคลาย เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมองสถานการณ์ไปอีก 3 วันข้างหน้า และเกรงว่าจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว จึงได้มาพูดคุยกัน
ตร. 23 กองร้อยรับมือม็อบแดง
พล.ต.ท.วรพงษ์กล่าวว่า สำหรับการเตรียมกำลังรักษาความปลอดภัยรับการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงในวันที่ 8 เม.ย. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้กำลังเท่าเดิมตั้งแต่ วันที่ 26 มี.ค. คือ 23 กองร้อย โดยกำลังตำรวจและทหารที่ดูแลในทำเนียบฯยังคงเท่าเดิม เพียงแต่ปรับแผนการวางกำลังใหม่ นำกำลังส่วนอื่นไปเสริมที่สี่แยกเทเวศร์และสี่แยก พล.1 เนื่องจากผู้ชุมนุมมีจำนวนมาก และในเบื้องต้น ผู้ชุมนุมจะใช้พื้นที่ตั้งแต่สะพานชมัยมรุเชฐ ถนนพิษณุโลก ถนนราชดำเนิน ตั้งแต่สี่แยกมิสกวัน จนถึงสี่แยกพระบรมรูปทรงม้า และต่อเนื่องถนนศรีอยุธยาไปจนถึงบ้านสี่เสาเทเวศร์ หากมีผู้ชุมนุมถึง 86,000 คน หางแถวจะอยู่ที่สี่เสาเทเวศร์ จึงต้องมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุมและประชาชนทั่วไป และดูแลการจราจร เนื่องจากมีผู้ชุมนุมจำนวนมาก ซึ่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมสถานการณ์ เพราะชัดเจนว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะแสดงออกทางการเมืองอย่างสงบ ไม่มีการใช้อาวุธหรือมีความรุนแรง ยืนยันว่าไม่มีการใช้กำลังสลายหรือปิดกั้นการชุมนุม
ผบช.น.ปูดมือที่สามรอบึม
“ในแง่การรักษาความปลอดภัยเราได้เตรียมแผนถึงขั้นสูงสุดทุกเรื่อง บนพื้นฐานของความไม่ประมาทในการดูแลรักษาความปลอดภัย จึงต้องเตรียมการไว้ในกรณีถ้าจะเกิดเหตุร้ายแรงที่สุด เราต้องรักษาความปลอดภัยได้ โดยจะต้องขอตรวจค้นอาวุธผู้ชุมนุมด้วย แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือมีรายงานทางการข่าวว่าจะมีบุคคลที่ไม่หวังดี หรือมือที่สามมาก่อกวนในหลายรูปแบบ เช่น การลอบวางเพลิงหรือทำให้เกิดเสียงดัง โดยใช้ประทัดยักษ์หรือระเบิดแรงดันต่ำ หรือประเภทพวกมือบอน โรคจิตก็มี เกรงว่าหากเกิดเหตุการณ์ขึ้นจะชุลมุน จึงขอความร่วมมือจากประชาชนว่า ให้ช่วยกันสังเกตบริเวณหน้าบ้าน และกระถางต้นไม้โดยทำให้โล่งเตียนเพื่อไม่ให้เป็นที่ซุกซ่อนวัตถุระเบิด ถ้าในเบื้องต้นตำรวจสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ก็จะไม่ขอกำลังสนับสนุนจากทางทหาร แต่ถ้าเกิดเหตุรุนแรงควบคุมไม่ได้ ก็จะมีการประสานงานกัน อยู่แล้ว” ผบช.น.กล่าว
วอนคนรักป๋าเปรมเลี่ยงปะทะ
พล.ต.ท.วรพงษ์กล่าวว่าต่อว่า ทั้งนี้ ในทางการข่าวและจากการแถลงของผู้ชุมนุมเอง คิดว่าคงไม่มีการบุกเข้าไปในบ้านสี่เสาเทเวศร์ แต่จะเป็นการไปใช้สิทธิแสดงความคิดเห็นอยู่บนถนนศรีอยุธยาเท่านั้น และยอม รับว่ามีรายงานข่าวว่าจะมีกลุ่มคนรักป๋าเปรมเดินทางมาชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ด้วย ซึ่งขอร้องว่าอย่าเพิ่งเดินทางมาช่วงนี้ ขอให้เลื่อนเวลาไปก่อน หรือหลังการชุมนุมของ
กลุ่มคนเสื้อแดง จะได้ไม่มีการเผชิญหน้ากัน
“ผบ.ทหารสูงสุด” เชื่อ 8 เม.ย. จะเรียบร้อย
ด้าน พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.ทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดงในวันที่ 8 เม.ย.ว่า เชื่อว่าสถานการณ์จะเรียบร้อย รัฐบาลจะดำเนินการไปตามกรอบกฎหมาย ผู้ชุมนุมจะต้องอยู่ในกรอบกติกา ทั้งนี้ ทุกคนมีความรักชาติรักแผ่นดินและอยากให้ประเทศเดินหน้าต่อไป จึงมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันบ้าง ซึ่งความคิดเห็นที่แตกต่างกันไม่ใช่ความแตกแยก ดังนั้น ควรร่วมมือกันเพื่อพัฒนาประเทศ ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปลุกมวลชนให้เข้าร่วมชุมนุมจำนวนมากๆ และการควบคุมฝูงชนอาจทำได้ลำบากนั้น คิดว่าประชาชนมีวิจารณญาณพิจารณาว่าจะเข้าร่วมชุมนุมหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการการชุมนุมจะต้องจัดระเบียบการชุมนุมให้ เหมาะสม อย่าละเมิดสิทธิของผู้อื่นและไม่ทำผิดกฎหมาย ทุกฝ่ายคงเข้าใจว่าต้องปฏิบัติในกรอบของกฎหมาย ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะโฟนอินอีก พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ทำมาหลายครั้งแล้ว ก็ฟังกันต่อไป แต่ทุกอย่าง ไม่ว่าการทำงานของรัฐบาล การดำเนินการของภาคธุรกิจและการดำเนินชีวิตของประชาชนยังคงเดินต่อไปได้ เชื่อว่าผู้ชุมนุมจะไม่บุกรุกเข้ายึดสถานที่ราชการหรือสนามบิน เพราะแกนนำเคยบอกไว้ว่าจะไม่ทำอย่างที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเคยทำ
ยืนยันทหารไม่ทำปฏิวัติ
เมื่อถามถึงกรณีที่รัฐบาลอาจไม่สามารถปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมได้ จะนำไปสู่ความรุนแรงหรือไม่ พล.อ.ทรงกิตติกล่าวว่า ไม่สามารถตอบแทนคนอื่นได้ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ได้กล่าวกับประชาชนชัดเจนแล้ว รัฐบาลก็ทำตามกรอบของรัฐบาล เช่นเดียวกับกองทัพก็ดำเนินการตามกรอบของกองทัพและสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล ถ้าทุกฝ่ายทำตามกฎหมายและเสียสละเพื่อส่วนรวม ประเทศก็จะเดินไปสู่ทางที่ดีได้ ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณเรียกร้องให้ทหารกลับเข้ากรม กอง ทหารอยู่ในกรม กองอยู่แล้ว “ผมไม่ฝากอะไรถึง พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเคยพูดไปแล้ว อย่าให้ต้องพูดซ้ำอีกเลย ว่าทุกคนเป็นผู้ใหญ่ มีวิจารณญาณ” เมื่อถามย้ำว่า หากสถานการณ์พัฒนาไปสู่ความรุนแรง กองทัพยืนยันได้หรือไม่ว่าจะไม่ปฏิวัติ พล.อ.ทรงกิตติกล่าวว่า ไม่มีใครปฏิวัติ และย้ำว่าเป็นไปไม่ได้ที่กองทัพจะตัดสินใจแบบเดียวกับ คมช.ที่ต้องตัดสินใจเพื่อหยุดความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นในบ้านเมือง และมั่นใจจะไม่มีทหารคนใดถูกซื้อตัวหรือแตกแถวออกมาปฏิวัติ “ผมมั่นใจไม่มีทหารถูกซื้อตัว” พล.อ.ทรงกิตติกล่าว
เสริมกำลังตำรวจ-ทหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับการเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารในการรักษาความปลอดภัยภายในทำเนียบฯนั้น ตั้งแต่ช่วงเวลา 13.00 น. เริ่มมีความเคลื่อนไหวสับเปลี่ยนกำลังกันอย่างคึกคักโดยไม่ใช่แค่ สับเปลี่ยนกำลังปกติ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่ามีการเสริมกำลัง มากขึ้นด้วย ทั้งในส่วนของทหารทั้ง 3 เหล่าทัพจำนวนหลายกองร้อย โดยในส่วนของกองทัพอากาศจะเป็นความรับผิดชอบของหน่วยอากาศโยธิน ซึ่งมีพื้นที่รับผิดชอบบริเวณตึกบัญชาการ กองทัพเรือจะเป็นการร่วมกันระหว่างสารวัตรทหารเรือและหน่วยนาวิกโยธิน ซึ่งมีพื้นที่รับผิดชอบ บริเวณประตู 4 และตึกสันติไมตรี ส่วนของกองทัพบกจะเป็น กำลังทหารจาก ปตอ.พัน 1 รอ.มีพื้นที่รับผิดชอบบริเวณประตู 6 และ 8 นอกจากนี้ในส่วนของตำรวจมีการเสริมหน่วย ปราบปรามจลาจล (คอมมานโด) หน่วยอรินทราชอีกจำนวน มากเช่นกัน ประเมินชุมนุมใหญ่ม็อบเสื้อแดงยืดเยื้อ
ขรก.ผวาไม่เข้าทำเนียบ
นายพงษ์ศักดิ์ ศิริวงศ์ ผอ.สำนักสถานที่และรักษาความปลอดภัยทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย.ภายหลังจากที่ทางกลุ่มผู้ชุมนุมเปิดประตูให้รถเข้าออกทำเนียบฯ ได้แล้วก็ตาม แต่ข้าราชการก็ไม่ค่อยมั่นใจ เลยมีคนเข้ามาทำงานในทำเนียบฯ น้อยมากและข้าราชการ ทำเนียบฯ ส่วนใหญ่ได้เก็บของใช้ส่วนตัวและเอกสารสำคัญเอาไว้ติดตัว หรือเก็บไว้ประจำในรถยนต์ส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว สำหรับในวันที่ 8 เม.ย.ทางทำเนียบฯ สั่ง ให้ข้าราชการยังคงต้องมาทำงานตามปกติ โดยข้าราชการสังกัดสำนักเลขาธิการนายกฯ (สลน.)ให้ไปรวมตัวกันอยู่ ที่บ้านพิษณุโลกและบ้านมนังคศิลา ไม่ต้องเข้ามาเซ็นชื่อ ในทำเนียบฯ เหมือนเดิม ยกเว้นทีมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับงานรักษาความปลอดภัย และฝ่ายช่างไฟฟ้าที่ต้องมา ปฏิบัติหน้าที่ในทำเนียบฯ เท่าที่ประเมินการชุมนุมใหญ่ ของกลุ่มคนเสื้อแดงคาดว่าจะยืดเยื้อถึงวันที่ 9 เม.ย.
40 ส.ว.โผล่จี้ลากคอ “ทักษิณ”
ส่วนที่รัฐสภา ในช่วงสาย กลุ่ม 40 ส.ว.นำโดย นายไพบูลย์ นิติตะวัน นายสมชาย แสวงการ นางตรึงใจ บูรณสมภพ ส.ว.สรรหา น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว. เพชรบุรี ร่วมกันแถลงข่าวเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการเอาตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาลงโทษ โดยนายไพบูลย์กล่าวว่า กลุ่ม 40 ส.ว. เห็นว่า การชักชวนให้ประชาชนมาชุมนุมของ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจก่อให้เกิดความรุนแรงขึ้นได้ และยังล่วงละเมิดสถาบัน ศาล และองคมนตรี อันมีผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพรักของเรา ถือว่ากระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ซึ่งไม่ใช่การใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ การใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญคือการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ จึงอาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ที่ทำให้เกิดความไม่สงบในประเทศ และมาตรา 86 ที่มีคดีค้างอยู่ แต่หลบหนีอยู่ต่างประเทศ
บี้ดีเอสไอ-ปปง.สอบที่มาเงินหนุน
นายไพบูลย์กล่าวต่อว่า ขอให้รัฐบาลเร่งรัดดำเนินการ โดยการตั้งคณะทำงานพิเศษ เพื่อติดตามนำตัว พ.ต.ท. ทักษิณกลับมารับโทษ โดยต้องจัดเตรียมบุคลากรและงบประมาณให้เพียงพอ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณใช้เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวหลบหนี จึงต้องใช้งบประมาณติดตามตัวมากเป็นพิเศษ และรัฐบาลต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับ ปปง. ตรวจสอบแหล่งเงินที่สนับสนุนการชุมนุม ซึ่งคาดว่าจะเป็นแหล่งเงินที่จะมาจากทั้งในและต่างประเทศ หากพบว่ามาจากที่ใดขอให้ดำเนินการโดยเคร่งครัด ซึ่งคล้ายการเคลื่อนไหวของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ที่ได้รับเงินสนับสนุนจากต่างประเทศ เมื่อหยุดสนับสนุนก็ขับเคลื่อนต่อไปไม่ได้ ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ประชาชนตั้งสติไตร่ตรองให้ดี ทบทวนว่าการร่วมสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นประโยชน์ต่อชาติ หรือทำลายชาติกันแน่
ใส่ไฟเสื้อแดงเมาชอบรุนแรง
น.ส.สุมลกล่าวว่า ขอตำหนิรัฐบาลที่ปล่อยให้ นักโทษมาพูดโกหก ปลุกระดมให้คนไทยแตกแยกกัน ทั้งที่รัฐบาลมีอำนาจ มีเครื่องมือทำไมไม่ดำเนินการอะไรเลย ปล่อยให้พูดเกือบทุกวัน ทำให้กลุ่มเสื้อแดงฮึกเหิม จึงขอเรียกร้องให้นายกฯทำอะไรมากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองจะไปไกล ยากที่จะให้สงบลง กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ นางตรึงใจกล่าวว่า การกล่าวพาดพิงสถาบันศาล สถาบันองคมนตรี ซึ่งเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งไม่อยากให้เกิดเหตุนองเลือดเหมือนช่วงพฤษภาทมิฬ หรือ 7 ตุลาฯ ดังนั้นรัฐบาลน่าจะทำอะไรเพื่อยับยั้งไม่ให้ มีการชุมนุม เพราะเรารู้อยู่แล้วว่ากลุ่มคนเสื้อแดงชอบความรุนแรง ดังนั้น หากมีอาการเมามานิดเดียว เกิดการกระทบกระทั่งกันอะไรก็เกิดขึ้นได้ ดังนั้นอะไรที่จะดับไฟแต่ต้นลมก็น่าจะทำ
หนุนใช้สื่อรัฐบล็อกคนกันมาชุมนุม
นายสมชาย กล่าวว่า แม้รัฐบาลพยายามปรับตัวใช้สื่อของรัฐออกมาชี้แจง แต่เสียดายที่นายกฯไม่พูดถึงการละเมิดสถาบัน และไม่ได้อธิบายว่าก่อนหน้านั้นเกิดเหตุอะไรขึ้นกับการทุจริตของ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลใช้สื่อของรัฐที่มีอยู่ทั้งช่อง 3, 5, 7, 9, เอ็นบีที ไทยพีบีเอส และสถานีวิทยุ 526 แห่ง อยู่ในมือของรัฐทั้งสิ้นในการทำความจริงให้ปรากฏ ไม่ให้มีการบิดเบือนข่าวสาร หากรัฐบาลจะใช้ก็ไม่ถือว่าเป็นการแทรกแซงแต่เป็นการใช้สื่อโดยการขอความร่วมมือ ใช้สื่อตามกฎหมาย จะทำให้ประชาชนเข้าใจสถานการณ์ ถ้ารัฐไม่ใช้สื่อที่มีอยู่ขอให้นำสื่อเหล่านี้มาคืนประชาชน ในวันที่มี กสทช. สื่อทั้งหลายจะได้เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง วันนี้ยืนยันว่าสื่อของรัฐไม่ได้ทำหน้าที่สื่อ มีแต่สิ่งบันเทิง ขอให้รัฐบาลและกองทัพเร่งดำเนินการโดยด่วน อย่างไรก็ตาม การที่นายกฯชี้แจงผ่านสื่อถือว่ามีผลทำให้ประชาชนบางส่วนไม่เข้าร่วมชุมนุมกับเสื้อแดง จึงเชื่อว่าหากได้รับข่าวสารข้อเท็จจริงจะมีผู้มาร่วมน้อย
ลั่นอย่าท้าทายจิตวิญญาณชาวไทย
พล.อ.อ.ณพฤษภ์ มัณฑะจิตร ส.ว.สรรหา ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาติดตามมาตรการการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการอื่นในการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา กล่าวว่า ไม่สบายใจที่มีกลุ่มบุคคลที่แสดงออกโดยไม่ยำเกรงต่อสถาบันเพิ่มขึ้น การชุมนุมประท้วงของกลุ่มคนเสื้อแดง และ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือว่ามีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ส่อว่าละเมิดหมิ่นแคลนสถาบัน ถึงแม้จะไม่พูดโดยตรงก็มีความพยายามที่จะพาดพิงคนของพ่อแม่ของเรา แสดงให้เห็นว่ามีเป้าหมายที่อยากจะทำให้พ่อแม่ของเราเดือดร้อน จึงอยากขอร้องให้ผู้ที่ชุมนุมและผู้ที่รักสันติให้เตือนตัวเองว่า ยังทำบาปต่อประเทศชาติไม่พอหรือ ถึงได้ขาดสติรับเอาสิ่งที่ทำให้คนทั้งประเทศฟุ้งซ่าน อยากเตือนว่าอย่าหลงเชื่อคนเพียงไม่กี่คน และอย่าได้ท้าทายต่อจิตวิญญาณของชาวไทย
“คำนูณ” ชี้เสื้อแดงสถาปนาระบอบใหม่
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ กล่าวว่า ขณะนี้มีคณะบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ต่อพระมหากษัตริย์ ได้สร้างกระแสลดทอนอำนาจ และบางคนแฝงตัวอยู่ในพรรคการเมือง บางคนเคลื่อนไหวในกลุ่มผู้ชุมนุม พยายามจะโค่นล้มระบอบอำมาตยาธิปไตย และสถาปนาระบอบการปกครองขึ้นมาใหม่ การเคลื่อนไหวให้องคมนตรีลาออก เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่า ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย การชุมนุมเป็นเสรีภาพสามารถกระทำได้ แต่ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 63 ที่ต้องชุมนุมโดยสันติ ปราศจากอาวุธ อยากให้รัฐบาลและกองทัพทำหน้าที่ของตัวเอง โดยต้องเร่งชี้แจงข้อเท็จจริงผ่านสื่อของรัฐและกองทัพบก เพราะวันที่ 8 เม.ย. จะมีการชุมนุมใหญ่ ซึ่งจะทำให้ประชาชนสับสน
“เรืองไกร” ยื่น ป.ป.ช.สอบเครื่องบินเจ็ท
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา เปิดเผยว่า ได้ยื่นเรื่องถึงประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในการแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเมื่อพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้วหนึ่งปี เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2550 ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช.มาตรา 32 ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณได้ยื่นบัญชีแสดงรายการว่ามีทรัพย์สินรวม 614,393,759.90 บาท ไม่มีหนี้สิน คู่สมรสมีทรัพย์สินรวม 8,594,784,177.01 บาท มีหนี้สินรวม 110,360,000 บาท ต่อมามีสื่อลงข่าวเกี่ยวกับทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณในต่างประเทศ ที่ทำให้เข้าใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีเครื่องบินส่วนตัว ซึ่งอาจเป็นทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศ โดยเครื่องบินส่วนตัวที่ พ.ต.ท.ทักษิณใช้เป็นพาหนะเดินทาง เป็นเครื่องบินเจ็ท รุ่น GLOBAL EXPRESS สีขาว ราคา 1,500 ล้านบาท ดังนั้น เมื่อเทียบกับรายการแสดงบัญชีทรัพย์สิน ไม่พบเครื่องบินดังกล่าวรวมอยู่ในบัญชีด้วย ทำให้เข้าใจได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณอาจมีการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ จึงขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ
จวก “กษิต” ใช้อำนาจไม่เหมาะสม
ขณะที่นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงกรณีที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ จะเชิญทูตประเทศต่างๆ มาชี้แจงข้อเท็จจริงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณที่เป็นผู้ต้องโทษหนีคดีว่า น่าเสียดายที่มีการใช้อำนาจของกระทรวงไปในด้านที่ไม่ควร ที่ผ่านมารัฐบาลตั้งนายกษิตเป็น รมว.ต่างประเทศ ถือว่าเป็นเรื่อง ที่ผิดพลาดมากอยู่แล้ว การเข้ามาทำงานก็ไม่ได้เน้นที่งาน แต่เป็นการตั้งใจมาใช้อำนาจในการนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม ไม่รู้สึกกังวลเชื่อว่านานาชาติเข้าใจดีถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะมีการบิดเบือนจากข้อเท็จจริง และขณะนี้ข้อเท็จจริงก็ปรากฏออกมาเรื่อยๆ ส่วนกรณีกลุ่มสยามสามัคคีตั้งค่าหัวนำจับ พ.ต.ท.ทักษิณ 1 ล้านบาทนั้น อยากให้ดูคนที่ออกมาเรียกร้องมีประวัติอย่างไร เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติหรือไม่
มท.1 นำ ผวจ.ปฏิญาณรักษาสถาบัน
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 7 เม.ย. ที่ลานอเนกประสงค์ กระทรวงมหาดไทย นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย เป็นประธานการกล่าวปฏิญาณตนรักษาสถาบันหลักของชาติ โดยมีนายวิชัย ศรีขวัญ รักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้นำการกล่าวปฏิญาณตน พร้อมด้วยอธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ โดยนายชวรัตน์ให้สัมภาษณ์ ว่า เป็นการนัดหมายไว้ล่วงหน้าของฝ่ายข้าราชการประจำ ตนไม่ได้สั่งการให้นัดหมายมาในวันที่ 7 เม.ย. ซึ่งเป็นวันก่อนการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง และคิดว่าการที่ ผวจ.ต้องเดินทางเข้ามาที่กระทรวง คงไม่มีปัญหาอะไรในการดูแลพื้นที่และศาลากลางจังหวัด เพราะรอง ผวจ. เองก็มีอยู่ และหลังจากเสร็จพิธีก็เดินทางกลับจังหวัดได้
“บุญจง” ชี้แกนนำวิตกจริต
นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีกลุ่มที่พยายามยุยง ปลุกระดม จาบจ้วงสถาบันหลักที่สำคัญของชาติ คือสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้นข้าราชการที่เป็นข้าราชการในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว จะต้องออกมาปกป้อง ด้วยการทำความเข้าใจกับประชาชน ด้วยการทำงานเชิงรุก สำหรับสถานการณ์การชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดง คาดว่าจะไม่ยืดเยื้อและรุนแรง เพราะรัฐบาลและตำรวจประกาศชัดเจนแล้วว่าเป็นสิทธิ จะไม่ใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชนอย่างแน่นอน และจะไม่ให้เกิดความวุ่นวาย หากมีการเผชิญหน้าฝ่ายรัฐก็ต้องใช้วิธีการคลี่คลายเพื่อให้เกิดความสงบ ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่แกนนำ นปช.ระบุว่ามีการเข้าไปคุกคามครอบครัวของแกนนำ นายบุญจงตอบว่า คงเป็นการวิตกจริตมากกว่า เพราะไม่มีการดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น อย่างไร ก็ตาม อยากให้ประชาชนทราบว่า ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อบ้านเมือง หากต้องการให้บ้านเมืองสงบก็ขอให้ประชาชนอยู่บ้าน อย่าออกไปไหน
บช.น.จับการ์ด พธม.หิ้วระเบิด
จากนั้นในเวลา 16.30 น. ที่ บช.น. พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก. น.1 แถลง ข่าวจับกุม นายอภิวัฒน์ สุนทรชื่น อายุ 19 ปี นายสุรศักดิ์ พ่วงทาสี อายุ 25 ปี น.ส.ศิรินทร ฉิมมณี อายุ 30 ปี และ น.ส.ไวรดา มีพระกิจ อายุ 40 ปี พร้อมของกลางลูกระเบิดปิงปองจำนวน 50 ลูกเศษแก้วบรรจุในกระป๋อง 1 กระป๋อง ตรวจค้นได้ที่บริเวณแยกสำราญราษฎร์ ใกล้ วัดสระเกศ แขวงสำราญราษฎร์ เขตพระนคร กทม.ซึ่ง พล.ต.ท.วรพงษ์กล่าวว่า สืบเนื่องจากทาง บช.น.ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนติดตามหาข่าวมือที่ 3 จะเข้ามาก่อกวนผู้ ชุมนุมเสื้อแดง โดยเมื่อช่วงบ่าย พ.ต.ต.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ สว.สส.สน.ชนะสงคราม พร้อมฝ่ายสืบสวนสืบทราบว่า มีกลุ่มคนมาติดต่อขอซื้อดินระเบิดที่บริเวณย่านภูเขาทอง จึงนำกำลังไม่ซุ่มพบผู้ต้องหาทั้ง 4 คน เดินสะพายเป้มาจึงเข้าตรวจค้นพบระเบิดปิงปองจำนวนมาก สอบสวนให้การปฏิเสธว่าไม่ได้นำระเบิดปิงปองไปก่อเหตุ ตำรวจจึงแจ้งข้อหามีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองจากการขยายผลทราบว่า น.ส.ศิรินทรเคยเป็นการ์ดของฝ่ายพันธมิตรฯมาก่อน
แดงเหนือมุ่งหน้าเข้ากรุงแล้ว
ส่วนการเดินทางของคนเสื้อแดงในต่างจังหวัดที่เข้ามาสมทบกับม็อบแดงเมืองกรุง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดวันมีกลุ่มเสื้อแดงทยอยเดินทางกันเข้ามาอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง โดยที่ จ.เชียงใหม่ นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำ กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 กล่าวว่า ทางกลุ่มจัดรถทัวร์ 30 คัน รถตู้และปิกอัพ อีก 60 คัน ออกเดินทางไปแล้ว เช่นเดียว กับกลุ่มเสื้อแดงนครลำปาง 52 ที่นำโดย พ.ต.ท.ดีชัย พาณิชย์ ก็ได้นำสมาชิกขึ้นรถบัสมุ่งหน้าเข้า กทม. 8 คันรถ พร้อมกับนำไข่ไก่ติดตัวมาด้วย 200 ฟอง ขณะที่มีบางรายขับรถยนต์ส่วนตัวเข้า กทม.เอง และที่ จ.พะเยา นายจีรโรจน์ กีรติศักดิ์วรกุล ประธานชมรมพะเยารักประชาธิปไตยและรองประธานคนล้านนา ได้นำคนเสื้อแดงเข้ากรุงเทพฯ มาราว 200 คน รวมถึงกลุ่มคนเสื้อแดงใน จ.เชียงราย ที่นายณรงค์ ทิพย์นวล แกนนำกลุ่ม นปช.เชียงราย 52 และน.ส.จีรนันท์ จันทวงศ์ แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ร่วมกันนำคนเสื้อแดงขึ้นรถบัสและรถตู้ มุ่งหน้ามาทำเนียบฯ ส่วนที่ไม่ได้มาก็ปักหลักตั้งเวทีปราศรัยอยู่ที่หน้าโรงแรมแสนภู
ระดม ตร.โคราชตั้งด่านสกัด
ส่วนกลุ่มเสื้อแดงโคราช ที่มี น.ส.ปภัสชนัญญ์ ฉิ่งอินทร์ เป็นแกนนำ กล่าวว่า จะนำคนเสื้อแดงจาก 32 อำเภอ จำนวน 2 พันคน เข้ากรุง โดยแบ่งเป็นสองระลอกคือหลังชุมนุมที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี มีการเผาโลงศพที่ติดภาพ พล.อ.เปรม และนายอภิสิทธิ์ แล้ว น.ส.ปภัสชนัญญ์ ฉิ่งอินทร์ แกนนำฯ ก็พาคนมา กทม.ตั้งแต่กลางดึกวันที่ 7 เม.ย. ประมาณ 40 คันรถบัส และเก็บตกที่เหลืออีก 5 คันรถบัส ในช่วงเช้าวันที่ 8 เม.ย.ส่วนที่ จ.สกลนคร แกนนำได้นำคนเสื้อแดงมากว่า 300 คน ขึ้นรถบัสเข้ามาเช่นกัน ขณะที่ทางตำรวจ โดย พล.ต.ต.ฉัตรกนก เขียวแสงส่อง ผู้บังคับการจังหวัดนครราชสีมา ได้วิทยุให้หัวหน้าสถานีตำรวจทุกโรงพัก ตั้งด่านสกัดกลุ่มคนเสื้อแดงอีสานที่ มุ่งหน้าเข้า กทม.ซึ่งได้สกัดรถบัสของคนเสื้อแดงที่นำโดย พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง 2 ส.ส.นครราชสีมา และนายสุภรณ์ อัตถาวงษ์ แต่ เมื่อค้นรถแล้วไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จึงตั้งข้อหาผิด พ.ร.บ. ขนส่งที่บรรทุกคนเกินกำหนด และเสียค่าปรับ รวมทั้งพยายามถ่วงเวลาไม่ให้เข้า กทม. จนกลุ่มคนเสื้อแดงหงุดหงิดโห่ร้องไล่ ซึ่งเมื่อตำรวจไม่สามารถหาข้อหามาสกัดได้ ก็ต้องปล่อยรถบัสให้เดินทางต่อ
ไม่มา กทม.ก็ปักหลักศาลากลาง
เช่นเดียวกับที่ จ.มุกดาหาร อุดรธานี และอุบลราชธานี ที่แกนนำเสื้อแดงทั้งสามจังหวัด นำคนเสื้อแดงนับร้อยคนเดินทางมาตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 7 เม.ย. โดยกำหนดมา กทม.แค่ 3 วัน คือวันที่ 7-10 เม.ย. ขณะที่ เสื้อแดงบางส่วนก็ปักหลักตั้งเวทีรอฟังการปราศรัยอยู่ที่ศาลากลางจังหวัด ซึ่งหากถูกทางการสกัดกั้น ก็จะย้ายไปตั้งเวทีที่สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติแทน
“คนรักป๋า” กร้าวยอมตายแทน
ขณะที่ทางกลุ่มต่อต้านกลุ่มเสื้อแดง นายยงยศ แก้วเขียว กำนันตำบลเขาพระบาท อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ในฐานะนายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กำนันผู้ใหญ่บ้านราว 3 แสนจะออกมาปกป้องสถาบันอันเป็นที่เคารพและต่อต้านผู้ที่ละเมิดอย่างเข้มข้น เช่นเดียวกัน กลุ่มคนรักป๋าเปรมเมืองคอน กว่า 200 คน ได้มารวมตัวที่ศาลาประดู่หก ถนนราชดำเนิน อ.เมืองนครศรีธรรมราช และทยอยเดินทางเข้ามายังกรุงเทพฯเช่นกัน โดยแกนนำกล่าวว่าได้รับการประสานงานมาจากกลุ่มคนรักป๋าเปรมในจังหวัดอื่นๆ ของภาคใต้ว่า จะเดินทางไปสมทบกันที่บริเวณรอบๆ บ้านพักประธานองคมนตรีที่ กทม.ในช่วงเช้าตรู่วันที่ 8 เม.ย. มีเป้าหมายที่จะไปประจำอยู่รอบบ้านท่านเพื่ออารักขา ดูแลความปลอดภัย ให้มั่นใจว่าท่านปลอดภัยแน่นอนแล้วถึงจะเดินทางกลับ พวกเรายอมตาย แต่จะไม่ยอมให้ กลุ่มคนเสื้อแดงบุกเข้าไปลบหลู่ประธานองคมนตรี
วิทยุเสื้อเหลืองผวาถูกเผา
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เชียงใหม่ กลุ่มเสื้อเหลืองเชียงใหม่ นายเทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา แกนนำกลุ่มทหารเสือพระราชา ได้ใช้วิทยุชุมชนของคนเสื้อเหลืองออกมาชี้แจงชาวเชียงใหม่ว่า คนเสื้อแดงเชียงใหม่ลงไปชุมนุมที่ กทม.มีการเกณฑ์คนพม่าและชาวเขาและนักเลงหัวไม้ลงไปก่อความวุ่นวายที่กรุงเทพฯและกลุ่มเสื้อเหลืองก็มีการระดมการ์ดจากทั่วประเทศ เพื่อเดินทางเข้าไปปกป้องสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี และบ้านพระอาทิตย์ และให้การ์ดทหารเสือมารายงานตัวที่สถานีด่วน เพราะเกรงว่าจะถูกกลุ่มเสื้อแดงมาบุกเผา
กระบี่ประกาศปกป้องสถาบัน
ที่จังหวัดกระบี่ ประชาชนและข้าราชการในพื้นที่จังหวัดกระบี่กว่า 1,000 คน ได้รวมตัวกันภายใต้ชื่อ รวมพลคนรักในหลวง เริ่มต้นที่หน้าตลาดสดมหาราช เขตเทศบาลเมืองกระบี่ จากนั้นเคลื่อนขบวนไปยังศาลากลางจังหวัดกระบี่ โดยมีรถแห่นำขบวนและมีป้ายเขียนข้อความว่า“ชาวกระบี่ ขอประกาศเจตนารมณ์ ในการปกป้องสถาบันของชาติ” จากนั้นได้มีการนำพานพุ่มดอกไม้ถวายหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยมีตัวแทนแต่ละอำเภอของจังหวัดกระบี่เป็นผู้วางพานพุ่มดอกไม้ ขณะที่ผู้เข้าร่วมงานครั้งนี้ กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ต้องการรวมพลังให้ทุกคนทราบว่า ขณะนี้ได้มีกลุ่มคนบางกลุ่มจ้องที่จะล้มล้างสถาบัน โดยมีการดึงผู้หลักผู้ใหญ่ที่เป็นที่นับถือเข้าไปยุ่งการเมือง จึงต้องการให้ทราบว่า ยังมีคนที่พร้อมจะปกป้องสถาบันหลักของชาติ
พธม.หลาย จว.เริ่มเคลื่อนไหว
เช่นเดียวกับที่ จ.พัทลุง ที่นายดอน ศรีนวลขาวแกนนำกลุ่มคนเสื้อเหลือง หรือกลุ่มพันธมิตรฯทั้ง 11 อำเภอได้ออกแถลงการณ์ ระบุความวุ่นวายเกิดขึ้นจาก พ.ต.ท. ทักษิณ กลุ่ม นปช. และกลุ่มคนเสื้อแดง แต่ขณะนี้ทางกลุ่มยังจะไม่ออกมา หากมีการใส่เสื้อเหลืองออกมาเคลื่อนไหวไม่ถือว่าเป็นพันธมิตรฯพัทลุง แต่จะรอการประสานจากพันธมิตรฯอื่นๆก่อน ต่างจากกลุ่มพันธมิตรฯ จ.จันทบุรี และตราด ที่มีนายธวัชชัย อนามพงษ์ ส.ส.ปชป.ในพื้นที่ พร้อมแกนนำ ออกมาต่อต้านกลุ่ม นปช.และคนเสื้อแดง และออกมาขับไล่นายสำเริง ประจำเรือ แกนนำ นปช.จันทบุรีที่ไม่รักสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ให้ประธานองคมนตรีลาออกจากตำแหน่ง และที่ จ.เพชรบุรี พันธมิตรฯ ราว 100 คน ได้มาชุมนุมที่ศาลากลางจังหวัดและนำพริกกับเกลือมาอย่างละ 1 ถุง มาใส่กระทะกลางสนาม แล้วนำหุ่นฟาง พ.ต.ท.ทักษิณ นายจักรภพ เพ็ญแข นายวีระ มุสิกพงศ์ และแกนนำ นปช. มาเผาไฟสาปแช่ง
รปภ.ถูกการ์ดแดงตีน่วม
สำหรับบรรยากาศในช่วงเช้าของการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดง ที่บนเวทีเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ มีผู้ปราศรัยซึ่งเป็นแกนนำคนเสื้อแดงจากจังหวัดต่างๆ ขึ้นเวทีเชิญชวนและนัดหมายคนเสื้อแดงในแต่ละจังหวัดมาขึ้นรถในจุดที่กำหนดไว้ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ในช่วงเช้าไม่ปรากฏแกนนำของกลุ่ม นปช.อยู่ในที่ชุมนุมแต่อย่างใด มีเพียงนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เท่านั้น ที่เดินทางมาในช่วงสาย และในเวลา 11.30 น. เจ้าหน้าที่หน่วยปฐมพยาบาลของกลุ่มคนเสื้อแดงได้นำนางสายพิณ นานแพงสอน อายุ 41 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ในสภาพถูกทำร้ายร่างกายจนสะบักสะบอม หัวคิ้วขวาถูกตีจนแตกเลือดอาบ ใต้ตาขวาแตกคางซ้ายมีรอยถลอกบวมปูดมาปฐมพยาบาลเบื้องต้น จากนั้นนำตัวเข้าพบนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดงหลังเวทีปราศรัย นางสายพิณเปิดเผยว่าเป็น รปภ.บริษัทยูเอส เซฟตี้ การ์ด ดูแลความปลอดภัยในมหาวิทยาลัยซึ่งอยู่ติดกับที่ชุมนุม ขณะกำลังนั่งเข้าเวรที่ประตูทางเข้าได้ถูกผู้ชายคนหนึ่งสวมเสื้อแดงเข้ามาตีจนสลบ แต่ไม่รู้ว่าเป็นใครและไม่เคยมีเรื่องกับใคร แต่เคยห้ามพ่อค้าขาย ปลาหมึกที่เข้ามาขายของในม็อบ ไม่ให้ขายของขวางทางเข้าออกจนเกิดความไม่พอใจ ซึ่งนายณัฐวุฒิได้ชี้แจงว่าอาจมีคนแฝงตัวเข้ามาก่อความวุ่นวาย จากนั้นได้มอบเงินช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลจำนวนหนึ่ง
ม็อบคึกคัก จนท.แห่ขอเสื้อแดง
สำหรับการชุมนุมของคนเสื้อแดงในช่วงบ่ายเริ่มมีความคึกคักกว่าช่วงเช้า เนื่องจากมีแนวร่วมจากต่างจังหวัดพากันทยอยเดินทางเข้ามาสมทบเรื่อยๆ มีการนำรถบรรทุกขนาดใหญ่ขนเครื่องเสียง เต็นท์ ผ้าใบเข้ามาเสริมเพื่อรองรับการชุมนุมใหญ่ 8 เม.ย. ที่คาดว่าจะมีจำนวนผู้ชุมนุมมากหลายหมื่นคน และในช่วงวันสุดท้ายก่อนถึงวันชุมนุมใหญ่พบว่า ที่หลังเวทีปราศรัยมีตำรวจและทหารเข้ามาขอรับแจกเสื้อแดงกันอย่างคึกคักกว่าทุกวัน ขณะที่บนเวทีปราศรัยยังเน้นประกาศปลุกระดมแนวร่วมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ให้พากันเดินทางเข้ามาร่วมชุมนุม และมีการประกาศขอกำลังผู้ชุมนุม 500 คน เพื่อร่วมเดินทางไปกดดันที่กระทรวงคมนาคม โดยแกนนำอ้างว่ากระทรวงคมนาคมสั่งตัดโบกี้รถไฟ ชั้น 3 ไม่ให้บริการประชาชนฟรี เพราะต้องการสกัดไม่ให้ คนเดินทางมาชุมนุม
เสื้อแดงปิดล้อมกระทรวงคมนาคม
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 500 คน นำโดยนายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำเสื้อแดงเดินทางไปที่กระทรวงคมนาคมในช่วงบ่าย เพื่อประท้วงที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ได้สั่งการให้การรถไฟแห่งประเทศไทยตัดโบกี้ชั้น 3 ที่ให้ บริการประชาชนฟรีออก โดยให้เหตุผลว่าต้องนำไปทำความสะอาด ทำให้คนเสื้อแดงทางใต้ไม่สามารถเดินทางมาร่วมชุมนุมได้ ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมได้ตะโกนโห่ไล่ นายโสภณให้ออกไป เพราะเลือกปฏิบัติ แต่ไม่มีรัฐมนตรีคนไหนอยู่ที่กระทรวง เพราะอยู่ระหว่างการประชุม ครม.ที่พัทยา ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมใช้เวลาชุมนุมประมาณ 1 ชม.จากนั้นได้เดินเท้าไปชุมนุมที่กองทัพบกต่อไป
หูกวางสั่งประเมินรับม็อบแดง
อย่างไรก็ดี ด้านนายสุรชัย ธารสิทธิ์พงศ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การที่กลุ่มคนเสื้อแดงนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 8 เม.ย.นั้น ยังไม่มีการสั่งการให้ข้าราชการหยุดงานในวันดังกล่าว แต่ก็ต้องยอมรับว่าขึ้นอยู่กับความสมัครใจของข้าราชการแต่ละคนว่ามีความพร้อมที่จะเดินทางมาทำงานได้หรือไม่ รวมทั้งปฏิเสธกรณีที่มีกระแสข่าวระบุว่า มีการสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ทั้งการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และบริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) สกัดกั้นการเดินทางของกลุ่มคนเสื้อแดงในต่างจังหวัดทั่วประเทศว่า ไม่เป็นความจริง
รถไฟไทยรับรถน้อยเพราะซ่อม
ด้านนายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการ รฟท. กล่าวยอมรับว่ากระทรวงคมนาคมและ รฟท.ไม่มีนโยบายในการปรับลดจำนวนเที่ยววิ่งในขบวนรถไฟฟรี แต่เนื่อง จากในขณะนี้ได้มีการนำขบวนรถไฟบางส่วนเข้าไปซ่อมบำรุง เพื่อจะได้สามารถรองรับการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ในระหว่าง วันที่ 9-18 เม.ย.นี้ ซึ่งจะมีจำนวนผู้โดยสารเดินทางเป็นจำนวนมาก ถือว่าเป็นเรื่องปกติในช่วงก่อนเทศกาลจะนำขบวนรถเหล่านี้เข้าสู่กระบวนการซ่อม ทำให้การบริการในช่วงนี้มีจำนวนของขบวนรถที่จะให้บริการไม่เพียงพอ โดยเฉพาะขบวนรถไฟชั้น 3 ในบางเส้นทางที่ปกติมีขบวนรถให้บริการ 5 ขบวนอาจปรับลดเหลือเพียง 3 ขบวนเท่านั้น จึงไม่เกี่ยวกับการสั่งปรับขบวนรถไฟเพื่อสกัดกั้นการเดินทางของผู้ชุมนุมตามที่เป็นข่าว
บขส.โอดให้บริการทุกสี
ส่วนนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) กล่าวยอมรับว่า ปริมาณรถที่ให้บริการในช่วงก่อนเทศกาลอาจมีจำนวนน้อยกว่าปกติ เพราะจะต้องมีการหมุนเวียนนำรถดังกล่าวเข้ามาตรวจเช็กและทำการซ่อมบำรุง เพราะในช่วงเทศกาลรถเหล่านี้จะต้องให้บริการเกือบ 24 ชั่วโมง รวมทั้งเป็นเรื่องปกติของทุกเทศกาลที่ บขส.จะงดให้บริการรถแบบเช่าเหมาคัน เพราะต้องสำรองรถไว้ใช้ในช่วงเทศกาล รวมทั้งปฏิเสธข่าวที่ว่ารถ บขส.ในเส้นทางต่างจังหวัดได้ปฏิเสธผู้โดยสารที่เป็นกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพราะไม่สามารถเลือกปฏิบัติได้ ซึ่งผู้โดยสารทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในการซื้อตั๋วได้
สุวรรณภูมิเข้มพร้อมรับม็อบ
ขณะที่นาวาอากาศโทประทีป วิจิตรโท รองผู้ อำนวยการ สนามบินสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวว่า จากการประกาศชุมนุมของกลุ่มม็อบเสื้อแดงที่ผ่านมานั้น ทาง ทอท.ได้ประสานงานเตรียมการป้องกันและเฝ้าระวังการบุกรุกของกลุ่มม็อบไว้ล่วงหน้าตั้งแต่วันที่มีการชุมนุม เมื่อวันที่ 26 มี.ค. แล้ว โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจวางแผนและเตรียมกำลัง เพื่อรองรับการบุกรุกหรือชุมนุมของกลุ่มม็อบเสื้อแดงไว้แล้ว คาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร อีกทั้งทาง ทอท.ได้ ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) เข้มงวดกวดขันเรื่องการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิมากขึ้นประกอบกับในส่วนของฝ่ายบริหาร ทอท.ได้ติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของกลุ่มดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
“ณัฐวุฒิ” อ้างถูกคนคุกคาม
ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ให้สัมภาษณ์ว่า เหตุที่แถลงข่าวล่าช้ากว่าทุกวันเพราะที่บ้านพักของตนได้เกิดเหตุไม่ชอบมาพากลมีกลุ่มชายฉกรรจ์ 2 คน ขับรถโตโยต้า คัมรี่ ไปสุ่มจอดหน้าบ้านซึ่งมีภรรยาและเด็กเท่านั้นที่อยู่บ้าน โดยภรรยาตนเห็นผิดสังเกตจึงขับรถออกมาเพื่อมาสอบถาม แต่รถดังกล่าวได้พยายามขับหนีอย่างรวดเร็ว แต่ภรรยาของตนได้ขับตามตลอดเพื่อจะดูให้รู้ว่าเป็นใคร แต่ปรากฏว่ารถดังกล่าวขับหนีไปได้ ซึ่งตนได้นำกล้องวงจรปิดของหมู่บ้านมาดู เพื่อจะดูป้ายทะเบียนว่าเป็นรถของหน่วยงานใด แต่ยามบอกว่ามีบัตรห้อยคอทั้ง 2 คน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่แน่นอน โดยตนได้แจ้งให้ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานเข้าดูกล้องวงจรปิดและตำรวจยืนยันว่าบุคคลในรถโตโยต้า ไม่ใช่ เจ้าหน้าที่ตำรวจแน่นอน
เผยคนเสื้อแดงถูกทำร้าย
แกนนำ นปช.กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีการลอบทำร้ายคนเสื้อแดงอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงช่วงบ่าย ซึ่งบริเวณย่านเทเวศร์มีชายใส่เสื้อขาวผูกผ้าพันคอสีฟ้า ได้ทำร้ายคนใส่เสื้อแดงอาการสาหัส รวมทั้งขณะนี้มีชายใส่เสื้อแดงบุกเข้าทำร้ายยามของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสถาบันราชมงคลพณิชยการพระนคร จนต้องส่งโรงพยาบาล ซึ่งตลอดทั้งวันที่เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นกับคนเสื้อแดงตลอด รวมทั้งคนขับรถ ครม.ที่ไปประชุมอาเซียนที่พัทยาในช่วงเช้า ได้ขับรถพุ่งชนคนเสื้อแดงที่ไปประท้วงด้วยมือเปล่าทำให้มีคนบาดเจ็บไปหลายราย
ยันอีแอบต้องถูกตอบโต้
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า หากมีการคุกคามกันอย่างนี้จากน้ำมือของรัฐที่เล่นสกปรกกับประชาชนบริสุทธิ์ จะต้องถูกตอบโต้ทุกวิธี ไม่ว่าที่บ้านพักของ ผบ.ตร. หรือที่บ้านของ ผบ.ทบ. คนเสื้อแดงจะตอบโต้หากไม่หยุดการกระทำเช่นนี้ทั้งครอบครัวตนและคนเสื้อแดง ฝากถามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ยืนยันว่าจะไม่ทำสงครามกับประชาชน แต่หลับตาข้างหนึ่งให้ฝ่ายทหาร ตำรวจ มาทำร้ายคนเสื้อแดง จะต้องเจอเหตุการณ์ นองเลือดแน่จากคนเสื้อแดงที่ไม่มีอาวุธ แต่จะสู้ทุกวิถีทาง หากนายกฯไม่สามารถสั่งการให้หยุดการกระทำนี้ได้ ก็ควรพิจารณาตัวเอง หากลาออกตอนนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี แต่ถ้าเกิดการนองเลือดจะได้ชื่อใหม่ว่าทรราชทันที
ใส่ไฟเสื้อแดงเมาชอบรุนแรง
น.ส.สุมลกล่าวว่า ขอตำหนิรัฐบาลที่ปล่อยให้ นักโทษมาพูดโกหก ปลุกระดมให้คนไทยแตกแยกกัน ทั้งที่รัฐบาลมีอำนาจ มีเครื่องมือทำไมไม่ดำเนินการอะไรเลย ปล่อยให้พูดเกือบทุกวัน ทำให้กลุ่มเสื้อแดงฮึกเหิม จึงขอเรียกร้องให้นายกฯทำอะไรมากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองจะไปไกล ยากที่จะให้สงบลง กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ นางตรึงใจกล่าวว่า การกล่าวพาดพิงสถาบันศาล สถาบันองคมนตรี ซึ่งเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งไม่อยากให้เกิดเหตุนองเลือดเหมือนช่วงพฤษภาทมิฬ หรือ 7 ตุลาฯ ดังนั้นรัฐบาลน่าจะทำอะไรเพื่อยับยั้งไม่ให้ มีการชุมนุม เพราะเรารู้อยู่แล้วว่ากลุ่มคนเสื้อแดงชอบความรุนแรง ดังนั้น หากมีอาการเมามานิดเดียว เกิดการกระทบกระทั่งกันอะไรก็เกิดขึ้นได้ ดังนั้นอะไรที่จะดับไฟแต่ต้นลมก็น่าจะทำ
หนุนใช้สื่อรัฐบล็อกคนกันมาชุมนุม
นายสมชายกล่าวว่า แม้รัฐบาลพยายามปรับตัวใช้สื่อของรัฐออกมาชี้แจง แต่เสียดายที่นายกฯไม่พูดถึงการละเมิดสถาบัน และไม่ได้อธิบายว่าก่อนหน้านั้นเกิดเหตุอะไรขึ้นกับการทุจริตของ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลใช้สื่อของรัฐที่มีอยู่ทั้งช่อง 3, 5, 7, 9, เอ็นบีที ไทยพีบีเอส และสถานีวิทยุ 526 แห่ง อยู่ในมือของรัฐทั้งสิ้นในการทำความจริงให้ปรากฏ ไม่ให้มีการบิดเบือนข่าวสาร หากรัฐบาลจะใช้ก็ไม่ถือว่าเป็นการแทรกแซงแต่เป็นการใช้สื่อโดยการขอความร่วมมือ ใช้สื่อตามกฎหมาย จะทำให้ประชาชนเข้าใจสถานการณ์ ถ้ารัฐไม่ใช้สื่อที่มีอยู่ขอให้นำสื่อเหล่านี้มาคืนประชาชน ในวันที่มี กสทช. สื่อทั้งหลายจะได้เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง วันนี้ยืนยันว่าสื่อของรัฐไม่ได้ทำหน้าที่สื่อ มีแต่สิ่งบันเทิง ขอให้รัฐบาลและกองทัพเร่งดำเนินการโดยด่วน อย่างไรก็ตาม การที่นายกฯชี้แจงผ่านสื่อถือว่ามีผลทำให้ประชาชนบางส่วนไม่เข้าร่วมชุมนุมกับเสื้อแดง จึงเชื่อว่าหากได้รับข่าวสารข้อเท็จจริงจะมีผู้มาร่วมน้อย
ลั่นอย่าท้าทายจิตวิญญาณชาวไทย
พล.อ.อ.ณพฤษภ์ มัณฑะจิตร ส.ว.สรรหา ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาติดตามมาตรการการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการอื่นในการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา กล่าวว่า ไม่สบายใจที่มีกลุ่มบุคคลที่แสดงออกโดยไม่ยำเกรงต่อสถาบันเพิ่มขึ้น การชุมนุมประท้วงของกลุ่มคนเสื้อแดง และ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือว่ามีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ส่อว่าละเมิดหมิ่นแคลนสถาบัน ถึงแม้จะไม่พูดโดยตรงก็มีความพยายามที่จะพาดพิงคนของพ่อแม่ของเรา แสดงให้เห็นว่ามีเป้าหมายที่อยากจะทำให้พ่อแม่ของเราเดือดร้อน จึงอยากขอร้องให้ผู้ที่ชุมนุมและผู้ที่รักสันติให้เตือนตัวเองว่า ยังทำบาปต่อประเทศชาติไม่พอหรือ ถึงได้ขาดสติรับเอาสิ่งที่ทำให้คนทั้งประเทศฟุ้งซ่าน อยากเตือนว่าอย่าหลงเชื่อคนเพียงไม่กี่คน และอย่าได้ท้าทายต่อจิตวิญญาณของชาวไทย
“คำนูณ” ชี้เสื้อแดงสถาปนาระบอบใหม่
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ กล่าวว่า ขณะนี้มีคณะบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ต่อพระมหากษัตริย์ ได้สร้างกระแสลดทอนอำนาจ และบางคนแฝงตัวอยู่ในพรรคการเมือง บางคนเคลื่อนไหวในกลุ่มผู้ชุมนุม พยายามจะโค่นล้มระบอบอำมาตยาธิปไตย และสถาปนาระบอบการปกครองขึ้นมาใหม่ การเคลื่อนไหวให้องคมนตรีลาออก เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่า ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย การชุมนุมเป็นเสรีภาพสามารถกระทำได้ แต่ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 63 ที่ต้องชุมนุมโดยสันติ ปราศจากอาวุธ อยากให้รัฐบาลและกองทัพทำหน้าที่ของตัวเอง โดยต้องเร่งชี้แจงข้อเท็จจริงผ่านสื่อของรัฐและกองทัพบก เพราะวันที่ 8 เม.ย. จะมีการชุมนุมใหญ่ ซึ่งจะทำให้ประชาชนสับสน
“เรืองไกร” ยื่น ป.ป.ช.สอบเครื่องบินเจ็ท
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา เปิดเผยว่า ได้ยื่นเรื่องถึงประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในการแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเมื่อพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้วหนึ่งปี เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2550 ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช.มาตรา 32 ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณได้ยื่นบัญชีแสดงรายการว่ามีทรัพย์สินรวม 614,393,759.90 บาท ไม่มีหนี้สิน คู่สมรสมีทรัพย์สินรวม 8,594,784,177.01 บาท มีหนี้สินรวม 110,360,000 บาท ต่อมามีสื่อลงข่าวเกี่ยวกับทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณในต่างประเทศ ที่ทำให้เข้าใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีเครื่องบินส่วนตัว ซึ่งอาจเป็นทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศ โดยเครื่องบินส่วนตัวที่ พ.ต.ท.ทักษิณใช้เป็นพาหนะเดินทาง เป็นเครื่องบินเจ็ท รุ่น GLOBAL EXPRESS สีขาว ราคา 1,500 ล้านบาท ดังนั้น เมื่อเทียบกับรายการแสดงบัญชีทรัพย์สิน ไม่พบเครื่องบินดังกล่าวรวมอยู่ในบัญชีด้วย ทำให้เข้าใจได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณอาจมีการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ จึงขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ
จวก “กษิต” ใช้อำนาจไม่เหมาะสม
ขณะที่นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงกรณีที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ จะเชิญทูตประเทศต่างๆ มาชี้แจงข้อเท็จจริงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณที่เป็นผู้ต้องโทษหนีคดีว่า น่าเสียดายที่มีการใช้อำนาจของกระทรวงไปในด้านที่ไม่ควร ที่ผ่านมารัฐบาลตั้งนายกษิตเป็น รมว.ต่างประเทศ ถือว่าเป็นเรื่อง ที่ผิดพลาดมากอยู่แล้ว การเข้ามาทำงานก็ไม่ได้เน้นที่งาน แต่เป็นการตั้งใจมาใช้อำนาจในการนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม ไม่รู้สึกกังวลเชื่อว่านานาชาติเข้าใจดีถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะมีการบิดเบือนจากข้อเท็จจริง และขณะนี้ข้อเท็จจริงก็ปรากฏออกมาเรื่อยๆ ส่วนกรณีกลุ่มสยามสามัคคีตั้งค่าหัวนำจับ พ.ต.ท.ทักษิณ 1 ล้านบาทนั้น อยากให้ดูคนที่ออกมาเรียกร้องมีประวัติอย่างไร เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติหรือไม่
มท.1 นำ ผวจ.ปฏิญาณรักษาสถาบัน
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 7 เม.ย. ที่ลานอเนกประสงค์ กระทรวงมหาดไทย นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย เป็นประธานการกล่าวปฏิญาณตนรักษาสถาบันหลักของชาติ โดยมีนายวิชัย ศรีขวัญ รักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้นำการกล่าวปฏิญาณตน พร้อมด้วยอธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ โดยนายชวรัตน์ให้สัมภาษณ์ ว่า เป็นการนัดหมายไว้ล่วงหน้าของฝ่ายข้าราชการประจำ ตนไม่ได้สั่งการให้นัดหมายมาในวันที่ 7 เม.ย. ซึ่งเป็นวันก่อนการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง และคิดว่าการที่ ผวจ.ต้องเดินทางเข้ามาที่กระทรวง คงไม่มีปัญหาอะไรในการดูแลพื้นที่และศาลากลางจังหวัด เพราะรอง ผวจ. เองก็มีอยู่ และหลังจากเสร็จพิธีก็เดินทางกลับจังหวัดได้
“บุญจง” ชี้แกนนำวิตกจริต
นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีกลุ่มที่พยายามยุยง ปลุกระดม จาบจ้วงสถาบันหลักที่สำคัญของชาติ คือสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้นข้าราชการที่เป็นข้าราชการในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว จะต้องออกมาปกป้อง ด้วยการทำความเข้าใจกับประชาชน ด้วยการทำงานเชิงรุก สำหรับสถานการณ์การชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดง คาดว่าจะไม่ยืดเยื้อและรุนแรง เพราะรัฐบาลและตำรวจประกาศชัดเจนแล้วว่าเป็นสิทธิ จะไม่ใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชนอย่างแน่นอน และจะไม่ให้เกิดความวุ่นวาย หากมีการเผชิญหน้าฝ่ายรัฐก็ต้องใช้วิธีการคลี่คลายเพื่อให้เกิดความสงบ ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่แกนนำ นปช.ระบุว่ามีการเข้าไปคุกคามครอบครัวของแกนนำ นายบุญจงตอบว่า คงเป็นการวิตกจริตมากกว่า เพราะไม่มีการดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น อย่างไร ก็ตาม อยากให้ประชาชนทราบว่า ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อบ้านเมือง หากต้องการให้บ้านเมืองสงบก็ขอให้ประชาชนอยู่บ้าน อย่าออกไปไหน
บช.น.จับการ์ด พธม.หิ้วระเบิด
จากนั้นในเวลา 16.30 น. ที่ บช.น. พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก. น.1 แถลง ข่าวจับกุม นายอภิวัฒน์ สุนทรชื่น อายุ 19 ปี นายสุรศักดิ์ พ่วงทาสี อายุ 25 ปี น.ส.ศิรินทร ฉิมมณี อายุ 30 ปี และ น.ส.ไวรดา มีพระกิจ อายุ 40 ปี พร้อมของกลางลูกระเบิดปิงปองจำนวน 50 ลูกเศษแก้วบรรจุในกระป๋อง 1 กระป๋อง ตรวจค้นได้ที่บริเวณแยกสำราญราษฎร์ ใกล้ วัดสระเกศ แขวงสำราญราษฎร์ เขตพระนคร กทม.ซึ่ง พล.ต.ท.วรพงษ์กล่าวว่า สืบเนื่องจากทาง บช.น.ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนติดตามหาข่าวมือที่ 3 จะเข้ามาก่อกวนผู้ ชุมนุมเสื้อแดง โดยเมื่อช่วงบ่าย พ.ต.ต.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ สว.สส.สน.ชนะสงคราม พร้อมฝ่ายสืบสวนสืบทราบว่า มีกลุ่มคนมาติดต่อขอซื้อดินระเบิดที่บริเวณย่านภูเขาทอง จึงนำกำลังไม่ซุ่มพบผู้ต้องหาทั้ง 4 คน เดินสะพายเป้มาจึงเข้าตรวจค้นพบระเบิดปิงปองจำนวนมาก สอบสวนให้การปฏิเสธว่าไม่ได้นำระเบิดปิงปองไปก่อเหตุ ตำรวจจึงแจ้งข้อหามีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองจากการขยายผลทราบว่า น.ส.ศิรินทรเคยเป็นการ์ดของฝ่ายพันธมิตรฯมาก่อน
แดงเหนือมุ่งหน้าเข้ากรุงแล้ว
ส่วนการเดินทางของคนเสื้อแดงในต่างจังหวัดที่เข้ามาสมทบกับม็อบแดงเมืองกรุง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดวันมีกลุ่มเสื้อแดงทยอยเดินทางกันเข้ามาอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง โดยที่ จ.เชียงใหม่ นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำ กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 กล่าวว่า ทางกลุ่มจัดรถทัวร์ 30 คัน รถตู้และปิกอัพ อีก 60 คัน ออกเดินทางไปแล้ว เช่นเดียว กับกลุ่มเสื้อแดงนครลำปาง 52 ที่นำโดย พ.ต.ท.ดีชัย พาณิชย์ ก็ได้นำสมาชิกขึ้นรถบัสมุ่งหน้าเข้า กทม. 8 คันรถ พร้อมกับนำไข่ไก่ติดตัวมาด้วย 200 ฟอง ขณะที่มีบางรายขับรถยนต์ส่วนตัวเข้า กทม.เอง และที่ จ.พะเยา นายจีรโรจน์ กีรติศักดิ์วรกุล ประธานชมรมพะเยารักประชาธิปไตยและรองประธานคนล้านนา ได้นำคนเสื้อแดงเข้ากรุงเทพฯ มาราว 200 คน รวมถึงกลุ่มคนเสื้อแดงใน จ.เชียงราย ที่นายณรงค์ ทิพย์นวล แกนนำกลุ่ม นปช.เชียงราย 52 และน.ส.จีรนันท์ จันทวงศ์ แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ร่วมกันนำคนเสื้อแดงขึ้นรถบัสและรถตู้ มุ่งหน้ามาทำเนียบฯ ส่วนที่ไม่ได้มาก็ปักหลักตั้งเวทีปราศรัยอยู่ที่หน้าโรงแรมแสนภู
ระดม ตร.โคราชตั้งด่านสกัด
ส่วนกลุ่มเสื้อแดงโคราช ที่มี น.ส.ปภัสชนัญญ์ ฉิ่งอินทร์ เป็นแกนนำ กล่าวว่า จะนำคนเสื้อแดงจาก 32 อำเภอ จำนวน 2 พันคน เข้ากรุง โดยแบ่งเป็นสองระลอกคือหลังชุมนุมที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี มีการเผาโลงศพที่ติดภาพ พล.อ.เปรม และนายอภิสิทธิ์ แล้ว น.ส.ปภัสชนัญญ์ ฉิ่งอินทร์ แกนนำฯ ก็พาคนมา กทม.ตั้งแต่กลางดึกวันที่ 7 เม.ย. ประมาณ 40 คันรถบัส และเก็บตกที่เหลืออีก 5 คันรถบัส ในช่วงเช้าวันที่ 8 เม.ย.ส่วนที่ จ.สกลนคร แกนนำได้นำคนเสื้อแดงมากว่า 300 คน ขึ้นรถบัสเข้ามาเช่นกัน ขณะที่ทางตำรวจ โดย พล.ต.ต.ฉัตรกนก เขียวแสงส่อง ผู้บังคับการจังหวัดนครราชสีมา ได้วิทยุให้หัวหน้าสถานีตำรวจทุกโรงพัก ตั้งด่านสกัดกลุ่มคนเสื้อแดงอีสานที่ มุ่งหน้าเข้า กทม.ซึ่งได้สกัดรถบัสของคนเสื้อแดงที่นำโดย พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง 2 ส.ส.นครราชสีมา และนายสุภรณ์ อัตถาวงษ์ แต่ เมื่อค้นรถแล้วไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จึงตั้งข้อหาผิด พ.ร.บ. ขนส่งที่บรรทุกคนเกินกำหนด และเสียค่าปรับ รวมทั้งพยายามถ่วงเวลาไม่ให้เข้า กทม. จนกลุ่มคนเสื้อแดงหงุดหงิดโห่ร้องไล่ ซึ่งเมื่อตำรวจไม่สามารถหาข้อหามาสกัดได้ ก็ต้องปล่อยรถบัสให้เดินทางต่อ
ไม่มา กทม.ก็ปักหลักศาลากลาง
เช่นเดียวกับที่ จ.มุกดาหาร อุดรธานี และอุบลราชธานี ที่แกนนำเสื้อแดงทั้งสามจังหวัด นำคนเสื้อแดงนับร้อยคนเดินทางมาตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 7 เม.ย. โดยกำหนดมา กทม.แค่ 3 วัน คือวันที่ 7-10 เม.ย. ขณะที่ เสื้อแดงบางส่วนก็ปักหลักตั้งเวทีรอฟังการปราศรัย
อยู่ที่ศาลากลางจังหวัด ซึ่งหากถูกทางการสกัดกั้น ก็จะย้ายไปตั้งเวทีที่สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติแทน
“คนรักป๋า” กร้าวยอมตายแทน
ขณะที่ทางกลุ่มต่อต้านกลุ่มเสื้อแดง นายยงยศ แก้วเขียว กำนันตำบลเขาพระบาท อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ในฐานะนายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กำนันผู้ใหญ่บ้านราว 3 แสนจะออกมาปกป้องสถาบันอันเป็นที่เคารพและต่อต้านผู้ที่ละเมิดอย่างเข้มข้น เช่นเดียวกัน กลุ่มคนรักป๋าเปรมเมืองคอน กว่า 200 คน ได้มารวมตัวที่ศาลาประดู่หก ถนนราชดำเนิน อ.เมืองนครศรีธรรมราช และทยอยเดินทางเข้ามายังกรุงเทพฯเช่นกัน โดยแกนนำกล่าวว่าได้รับการประสานงานมาจากกลุ่มคนรักป๋าเปรมในจังหวัดอื่นๆ ของภาคใต้ว่า จะเดินทางไปสมทบกันที่บริเวณรอบๆ บ้านพักประธานองคมนตรีที่ กทม.ในช่วงเช้าตรู่วันที่ 8 เม.ย. มีเป้าหมายที่จะไปประจำอยู่รอบบ้านท่านเพื่ออารักขา ดูแลความปลอดภัย ให้มั่นใจว่าท่านปลอดภัยแน่นอนแล้วถึงจะเดินทางกลับ พวกเรายอมตาย แต่จะไม่ยอมให้กลุ่มคนเสื้อแดงบุกเข้าไปลบหลู่ประธานองคมนตรี
วิทยุเสื้อเหลืองผวาถูกเผา
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เชียงใหม่ กลุ่มเสื้อเหลืองเชียงใหม่ นายเทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา แกนนำกลุ่มทหารเสือพระราชา ได้ใช้วิทยุชุมชนของคนเสื้อเหลืองออกมาชี้แจงชาวเชียงใหม่ว่า คนเสื้อแดงเชียงใหม่ลงไปชุมนุมที่ กทม.มีการเกณฑ์คนพม่าและชาวเขาและนักเลงหัวไม้ลงไปก่อความวุ่นวายที่กรุงเทพฯและกลุ่มเสื้อเหลืองก็มีการระดมการ์ดจากทั่วประเทศ เพื่อเดินทางเข้าไปปกป้องสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี และบ้านพระอาทิตย์ และให้การ์ดทหารเสือมารายงานตัวที่สถานีด่วน เพราะเกรงว่าจะถูกกลุ่มเสื้อแดงมาบุกเผา
กระบี่ประกาศปกป้องสถาบัน
ที่จังหวัดกระบี่ ประชาชนและข้าราชการในพื้นที่จังหวัดกระบี่กว่า 1,000 คน ได้รวมตัวกันภายใต้ชื่อ รวมพลคนรักในหลวง เริ่มต้นที่หน้าตลาดสดมหาราช เขตเทศบาลเมืองกระบี่ จากนั้นเคลื่อนขบวนไปยังศาลากลางจังหวัดกระบี่ โดยมีรถแห่นำขบวนและมีป้ายเขียนข้อความว่า“ชาวกระบี่ ขอประกาศเจตนารมณ์ ในการปกป้องสถาบันของชาติ” จากนั้นได้มีการนำพานพุ่มดอกไม้ถวายหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยมีตัวแทนแต่ละอำเภอของจังหวัดกระบี่เป็นผู้วางพานพุ่มดอกไม้ ขณะที่ผู้เข้าร่วมงานครั้งนี้ กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ต้องการรวมพลังให้ทุกคนทราบว่า ขณะนี้ได้มีกลุ่มคนบางกลุ่มจ้องที่จะล้มล้างสถาบัน โดยมีการดึงผู้หลักผู้ใหญ่ที่เป็นที่นับถือเข้าไปยุ่งการเมือง จึงต้องการให้ทราบว่า ยังมีคนที่พร้อมจะปกป้องสถาบันหลักของชาติ
พธม.หลาย จว.เริ่มเคลื่อนไหว
เช่นเดียวกับที่ จ.พัทลุง ที่นายดอน ศรีนวลขาวแกนนำกลุ่มคนเสื้อเหลือง หรือกลุ่มพันธมิตรฯทั้ง 11 อำเภอได้ออกแถลงการณ์ ระบุความวุ่นวายเกิดขึ้นจาก พ.ต.ท. ทักษิณ กลุ่ม นปช. และกลุ่มคนเสื้อแดง แต่ขณะนี้ทางกลุ่มยังจะไม่ออกมา หากมีการใส่เสื้อเหลืองออกมาเคลื่อนไหวไม่ถือว่าเป็นพันธมิตรฯพัทลุง แต่จะรอการประสานจากพันธมิตรฯอื่นๆก่อน ต่างจากกลุ่มพันธมิตรฯ จ.จันทบุรี และตราด ที่มีนายธวัชชัย อนามพงษ์ ส.ส.ปชป.ในพื้นที่ พร้อมแกนนำ ออกมาต่อต้านกลุ่ม นปช.และคนเสื้อแดง และออกมาขับไล่นายสำเริง ประจำเรือ แกนนำ นปช.จันทบุรีที่ไม่รักสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ให้ประธานองคมนตรีลาออกจากตำแหน่ง และที่ จ.เพชรบุรี พันธมิตรฯ ราว 100 คน ได้มาชุมนุมที่ศาลากลางจังหวัดและนำพริกกับเกลือมาอย่างละ 1 ถุง มาใส่กระทะกลางสนาม แล้วนำหุ่นฟาง พ.ต.ท.ทักษิณ นายจักรภพ เพ็ญแข นายวีระ มุสิกพงศ์ และแกนนำ นปช. มาเผาไฟสาปแช่ง
รปภ.ถูกการ์ดแดงตีน่วม
สำหรับบรรยากาศในช่วงเช้าของการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดง ที่บนเวทีเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ มีผู้ปราศรัยซึ่งเป็นแกนนำคนเสื้อแดงจากจังหวัดต่างๆ ขึ้นเวทีเชิญชวนและนัดหมายคนเสื้อแดงในแต่ละจังหวัดมาขึ้นรถในจุดที่กำหนดไว้ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ในช่วงเช้าไม่ปรากฏแกนนำของกลุ่ม นปช.อยู่ในที่ชุมนุมแต่อย่างใด มีเพียงนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เท่านั้น ที่เดินทางมาในช่วงสาย และในเวลา 11.30 น. เจ้าหน้าที่หน่วยปฐมพยาบาลของกลุ่มคนเสื้อแดงได้นำนางสายพิณ นานแพงสอน อายุ 41 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ในสภาพถูกทำร้ายร่างกายจนสะบักสะบอม หัวคิ้วขวาถูกตีจนแตกเลือดอาบ ใต้ตาขวาแตกคางซ้ายมีรอยถลอกบวมปูดมาปฐมพยาบาลเบื้องต้น จากนั้นนำตัวเข้าพบนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดงหลังเวทีปราศรัย นางสายพิณเปิดเผยว่าเป็น รปภ.บริษัทยูเอส เซฟตี้ การ์ด ดูแลความปลอดภัยในมหาวิทยาลัยซึ่งอยู่ติดกับที่ชุมนุม ขณะกำลังนั่งเข้าเวรที่ประตูทางเข้าได้ถูกผู้ชายคนหนึ่งสวมเสื้อแดงเข้ามาตีจนสลบ แต่ไม่รู้ว่าเป็นใครและไม่เคยมีเรื่องกับใคร แต่เคยห้ามพ่อค้าขาย ปลาหมึกที่เข้ามาขายของในม็อบ ไม่ให้ขายของขวางทางเข้าออกจนเกิดความไม่พอใจ ซึ่งนายณัฐวุฒิได้ชี้แจงว่าอาจมีคนแฝงตัวเข้ามาก่อความวุ่นวาย จากนั้นได้มอบเงินช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลจำนวนหนึ่ง
ม็อบคึกคัก จนท.แห่ขอเสื้อแดง
สำหรับการชุมนุมของคนเสื้อแดงในช่วงบ่ายเริ่มมีความคึกคักกว่าช่วงเช้า เนื่องจากมีแนวร่วมจากต่างจังหวัดพากันทยอยเดินทางเข้ามาสมทบเรื่อยๆ มีการนำรถบรรทุกขนาดใหญ่ขนเครื่องเสียง เต็นท์ ผ้าใบเข้ามาเสริมเพื่อรองรับการชุมนุมใหญ่ 8 เม.ย. ที่คาดว่าจะมีจำนวนผู้ชุมนุมมากหลายหมื่นคน และในช่วงวันสุดท้ายก่อนถึงวันชุมนุมใหญ่พบว่า ที่หลังเวทีปราศรัยมีตำรวจและทหารเข้ามาขอรับแจกเสื้อแดงกันอย่างคึกคักกว่าทุกวัน ขณะที่บนเวทีปราศรัยยังเน้นประกาศปลุกระดมแนวร่วมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ให้พากันเดินทางเข้ามาร่วมชุมนุม และมีการประกาศขอกำลังผู้ชุมนุม 500 คน เพื่อร่วมเดินทางไปกดดันที่กระทรวงคมนาคม โดยแกนนำอ้างว่ากระทรวงคมนาคมสั่งตัดโบกี้รถไฟ ชั้น 3 ไม่ให้บริการประชาชนฟรี เพราะต้องการสกัดไม่ให้ คนเดินทางมาชุมนุม
เสื้อแดงปิดล้อมกระทรวงคมนาคม
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 500 คน นำโดยนายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำเสื้อแดงเดินทางไปที่กระทรวงคมนาคมในช่วงบ่าย เพื่อประท้วงที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ได้สั่งการให้การรถไฟแห่งประเทศไทยตัดโบกี้ชั้น 3 ที่ให้ บริการประชาชนฟรีออก โดยให้เหตุผลว่าต้องนำไปทำความสะอาด ทำให้คนเสื้อแดงทางใต้ไม่สามารถเดินทางมาร่วมชุมนุมได้ ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมได้ตะโกนโห่ไล่ นายโสภณให้ออกไป เพราะเลือกปฏิบัติ แต่ไม่มีรัฐมนตรีคนไหนอยู่ที่กระทรวง เพราะอยู่ระหว่างการประชุม ครม.ที่พัทยา ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมใช้เวลาชุมนุมประมาณ 1 ชม.จากนั้นได้เดินเท้าไปชุมนุมที่กองทัพบกต่อไป
หูกวางสั่งประเมินรับม็อบแดง
อย่างไรก็ดี ด้านนายสุรชัย ธารสิทธิ์พงศ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การที่กลุ่มคนเสื้อแดงนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 8 เม.ย.นั้น ยังไม่มีการสั่งการให้ข้าราชการหยุดงานในวันดังกล่าว แต่ก็ต้องยอมรับว่าขึ้นอยู่กับความสมัครใจของข้าราชการแต่ละคนว่ามีความพร้อมที่จะเดินทางมาทำงานได้หรือไม่ รวมทั้งปฏิเสธกรณีที่มีกระแสข่าวระบุว่า มีการสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ทั้งการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และบริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) สกัดกั้นการเดินทางของกลุ่มคนเสื้อแดงในต่างจังหวัดทั่วประเทศว่า ไม่เป็นความจริง
รถไฟไทยรับรถน้อยเพราะซ่อม
ด้านนายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการ รฟท. กล่าวยอมรับว่ากระทรวงคมนาคมและ รฟท.ไม่มีนโยบายในการปรับลดจำนวนเที่ยววิ่งในขบวนรถไฟฟรี แต่เนื่อง จากในขณะนี้ได้มีการนำขบวนรถไฟบางส่วนเข้าไปซ่อมบำรุง เพื่อจะได้สามารถรองรับการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ในระหว่าง วันที่ 9-18 เม.ย.นี้ ซึ่งจะมีจำนวนผู้โดยสารเดินทางเป็นจำนวนมาก ถือว่าเป็นเรื่องปกติในช่วงก่อนเทศกาลจะนำขบวนรถเหล่านี้เข้าสู่กระบวนการซ่อม ทำให้การบริการในช่วงนี้มีจำนวนของขบวนรถที่จะให้บริการไม่เพียงพอ โดยเฉพาะขบวนรถไฟชั้น 3 ในบางเส้นทางที่ปกติมีขบวนรถให้บริการ 5 ขบวนอาจปรับลดเหลือเพียง 3 ขบวนเท่านั้น จึงไม่เกี่ยวกับการสั่งปรับขบวนรถไฟเพื่อสกัดกั้นการเดินทางของผู้ชุมนุมตามที่เป็นข่าว
บขส.โอดให้บริการทุกสี
ส่วนนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) กล่าวยอมรับว่า ปริมาณรถที่ให้บริการในช่วงก่อนเทศกาลอาจมีจำนวนน้อยกว่าปกติ เพราะจะต้องมีการหมุนเวียนนำรถดังกล่าวเข้ามาตรวจเช็กและทำการซ่อมบำรุง เพราะในช่วงเทศกาลรถเหล่านี้จะต้องให้บริการเกือบ 24 ชั่วโมง รวมทั้งเป็นเรื่องปกติของทุกเทศกาลที่ บขส.จะงดให้บริการรถแบบเช่าเหมาคัน เพราะต้องสำรองรถไว้ใช้ในช่วงเทศกาล รวมทั้งปฏิเสธข่าวที่ว่ารถ บขส.ในเส้นทางต่างจังหวัดได้ปฏิเสธผู้โดยสารที่เป็นกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพราะไม่สามารถเลือกปฏิบัติได้ ซึ่งผู้โดยสารทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในการซื้อตั๋วได้
สุวรรณภูมิเข้มพร้อมรับม็อบ
ขณะที่นาวาอากาศโทประทีป วิจิตรโท รองผู้ อำนวยการ สนามบินสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวว่า จากการประกาศชุมนุมของกลุ่มม็อบเสื้อแดงที่ผ่านมานั้น ทาง ทอท.ได้ประสานงานเตรียมการป้องกันและเฝ้าระวังการบุกรุกของกลุ่มม็อบไว้ล่วงหน้าตั้งแต่วันที่มีการชุมนุม เมื่อวันที่ 26 มี.ค. แล้ว โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจวางแผนและเตรียมกำลัง เพื่อรองรับการบุกรุกหรือชุมนุมของกลุ่มม็อบเสื้อแดงไว้แล้ว คาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร อีกทั้งทาง ทอท.ได้ ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) เข้มงวดกวดขันเรื่องการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิมากขึ้นประกอบกับในส่วนของฝ่ายบริหาร ทอท.ได้ติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของกลุ่มดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
“ณัฐวุฒิ” อ้างถูกคนคุกคาม
ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ให้สัมภาษณ์ว่า เหตุที่แถลงข่าวล่าช้ากว่าทุกวันเพราะที่บ้านพักของตนได้เกิดเหตุไม่ชอบมาพากลมีกลุ่มชายฉกรรจ์ 2 คน ขับรถโตโยต้า คัมรี่ ไปสุ่มจอดหน้าบ้านซึ่งมีภรรยาและเด็กเท่านั้นที่อยู่บ้าน โดยภรรยาตนเห็นผิดสังเกตจึงขับรถออกมาเพื่อมาสอบถาม แต่รถดังกล่าวได้พยายามขับหนีอย่างรวดเร็ว แต่ภรรยาของตนได้ขับตามตลอดเพื่อจะดูให้รู้ว่าเป็นใคร แต่ปรากฏว่ารถดังกล่าวขับหนีไปได้ ซึ่งตนได้นำกล้องวงจรปิดของหมู่บ้านมาดู เพื่อจะดูป้ายทะเบียนว่าเป็นรถของหน่วยงานใด แต่ยามบอกว่ามีบัตรห้อยคอทั้ง 2 คน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่แน่นอน โดยตนได้แจ้งให้ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานเข้าดูกล้องวงจรปิดและตำรวจยืนยันว่าบุคคลในรถโตโยต้า ไม่ใช่ เจ้าหน้าที่ตำรวจแน่นอน
เผยคนเสื้อแดงถูกทำร้าย
แกนนำ นปช.กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีการลอบทำร้ายคนเสื้อแดงอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงช่วงบ่าย ซึ่งบริเวณย่านเทเวศร์มีชายใส่เสื้อขาวผูกผ้าพันคอสีฟ้า ได้ทำร้ายคนใส่เสื้อแดงอาการสาหัส รวมทั้งขณะนี้มีชายใส่เสื้อแดงบุกเข้าทำร้ายยามของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสถาบันราชมงคลพณิชยการพระนคร จนต้องส่งโรงพยาบาล ซึ่งตลอดทั้งวันที่เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นกับคนเสื้อแดงตลอด รวมทั้งคนขับรถ ครม.ที่ไปประชุมอาเซียนที่พัทยาในช่วงเช้า ได้ขับรถพุ่งชนคนเสื้อแดงที่ไปประท้วงด้วยมือเปล่าทำให้มีคนบาดเจ็บไปหลายราย
ยันอีแอบต้องถูกตอบโต้
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า หากมีการคุกคามกันอย่างนี้จากน้ำมือของรัฐที่เล่นสกปรกกับประชาชนบริสุทธิ์ จะต้องถูกตอบโต้ทุกวิธี ไม่ว่าที่บ้านพักของ ผบ.ตร. หรือที่บ้านของ ผบ.ทบ. คนเสื้อแดงจะตอบโต้หากไม่หยุดการกระทำเช่นนี้ทั้งครอบครัวตนและคนเสื้อแดง ฝากถามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ยืนยันว่าจะไม่ทำสงครามกับประชาชน แต่หลับตาข้างหนึ่งให้ฝ่ายทหาร ตำรวจ มาทำร้ายคนเสื้อแดง จะต้องเจอเหตุการณ์ นองเลือดแน่จากคนเสื้อแดงที่ไม่มีอาวุธ แต่จะสู้ทุกวิถีทาง หากนายกฯไม่สามารถสั่งการให้หยุดการกระทำนี้ได้ ก็ควรพิจารณาตัวเอง หากลาออกตอนนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี แต่ถ้าเกิดการนองเลือดจะได้ชื่อใหม่ว่าทรราชทันที
ฝากถามไปบ้านป๋าทำไม
แกนนำ นปช.กล่าวต่อว่า ขอฝากไปถามนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ว่าเมื่อคืนตอนสี่ทุ่ม เข้าไปพบป๋าเปรมที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ไปคุยกันเรื่องอะไรและเป็นเรื่องที่นายเนวินจะนำมาแถลงในบ่ายวันนี้หรือไม่ ถามนายเนวินอีกว่า ขณะนี้ไปยอมตายพลีกายไปปกป้องป๋าเปรมเหมือนกับที่เคยทำกับนายบรรหาร ศิลปอาชา และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช่หรือไม่
อุบไต๋ไม่เปิดเผยแผนการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในวันชุมนุมใหญ่จะมียุทธศาสตร์ อย่างไร หากมีการสกัดกั้นไม่ให้ไปถึงหน้าบ้านสี่เสาฯ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า มีแผนการวางไว้ทั้งหมดแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผย คนมาเป็นแสนๆ ต้องมีเป้าหมายอยู่แล้ว และขอยืนยันว่าความรุนแรงจะไม่เกิดจากคนเสื้อแดงแน่นอน หากเกิดขึ้นมาเราก็พร้อมจะตอบโต้จากประชาชนที่มาด้วยมือเปล่า ที่ต้องการโค่นล้มระบอบอำมาตยาธิปไตย
เตือนรัฐอย่าเปิดศึกกับ ปชช.
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ขอเตือนว่ารัฐบาลอย่าเปิดศึกกับประชาชน คนเสื้อแดงจะเคลื่อนไหวด้วยมือเปล่า ตนทราบมาว่ามีการเตรียมแก๊สน้ำตาไว้แล้วที่สโมสรกองบัญชาการตำรวจนครบาล และยังได้เตรียมแก๊สหมามุ่ยไว้อีกด้วย ซึ่งยิงแล้วจะเกิดอาการคันไปทั้งตัวโดยจะเอามาใช้ยิงผู้ชุมนุมในวันพรุ่งนี้ หากทำจริงจะต้องเจอกับประชาชนที่พร้อมจะต่อสู้ทุกวิธีทางเพื่อเอาชนะระบอบอำมาตยาธิปไตยให้ได้ไม่ว่าจะใช้เวลากี่วันก็ตาม แต่มีแผนเผด็จศึกไปแล้วจะได้เห็นวันดีเดย์คนเสื้อแดงเราชนะแน่นอน
คุยโวเสื้อแดงยาวถึงบ้านสี่เสาฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการติดต่อขอเจรจาสงบศึกหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า จนถึงวันนี้ยังไม่มีการติดต่อมาขอเจรจาแต่อย่างใด แต่ถ้ามาการติดต่อมาตอนนี้ก็สายไปแล้วพวกเราจะไม่รับเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น ในวันที่ 8 เม.ย. จะมีคนเสื้อแดงออกมาสู้เพื่อประชาธิปไตยและเรียกร้องด้วยกันจนมีคนเสื้อแดงยาวเต็มไปจนถึงหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์แน่นอน เพราะทนไม่กับระบอบอำมาตยาธิปไตยที่ใส่ร้ายป้ายสีคนเสื้อแดงมาโดยตลอด โดยเฉพาะการกล่าวหาว่าพวกเราทำลายสถาบันเป็นการกล่าวหาที่รุนแรงที่สุด ซึ่งการกล่าวหาอย่างนี้ทำนองนี้มาจากระบอบอำมาตยาธิปไตยทั้งหมดที่ต้องการรักษาผลประโยชน์ ของพวกตนเองไว้ โดยไม่ใส่ใจประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
“ตู่” ตราหน้า “เนวิน” ทรยศ
เวลา 15.00 น. ที่หลังเวทีปราศรัย นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง ได้ให้สัมภาษณ์ตอบโต้ นายเนวิน ชิดชอบ ที่แถลงว่าคนเสื้อแดงต้องการสร้างความรุนแรงและตั้งรัฐไทยใหม่ว่า นายเนวินกับคนเสื้อแดงเคยร่วมต่อสู้การยึดอำนาจรัฐประหาร 19 ก.ย. วันหนึ่งได้เปลี่ยนสีประกาศสลับขั้ว ท้ายที่สุดก็ทรยศในแนวทางการต่อสู้ตามระบอบประชาธิปไตย นายเนวิน ออกมากล่าวหาว่าคนเสื้อแดงจะสร้างความรุนแรงถือว่าเป็นการทรยศ นายเนวินต้องรู้ตัวเองว่าทำอะไรอยู่และน่าจะรู้จักคนเสื้อแดงและแกนนำเสื้อแดงดีว่าเป็นคนอย่างไร เราไม่ต้องการความรุนแรง แต่นายเนวินได้มีการจัดตั้งกลุ่มต่อต้านคนเสื้อแดงขึ้นมา เรื่องนี้ได้เคยเตือนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไปแล้ว ท้ายสุดหากนายเนวินจะทำอย่างนั้นต่อไประวังจะไม่มีแผ่นดินอยู่
ซัดตีความผิด “รัฐไทยใหม่”
นายจตุพรกล่าวถึงกรณีที่นายเนวินตั้งคำถามว่าทำไมต้องตั้งรัฐไทยใหม่ เพราะมีประเทศไทยที่มีพระมหา
กษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขว่า คำนิยามของรัฐไทยใหม่ คือการปกครองในระบอบประชาธิปไตย มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข แต่จะต้องไม่มีระบอบอำมาตยาธิปไตย เรื่องรัฐไทยใหม่เป็นเรื่องที่เพื่อนพ้องน้องพี่ทำขึ้น และไม่ได้เป็นอย่างที่นายเนวินคิด สำหรับองคมนตรีนั้น ยังจะต้องมีอยู่แต่ต้องไม่ใช่คนที่ร่วมฉีกรัฐธรรมนูญ จึงอย่ามากล่าวหาว่าเสื้อแดงทำลายสถาบันเพราะ พล.อ.เปรมไม่ใช่สถาบัน แต่เป็นไพร่ที่รับราชการเติบโตขึ้นมา นายเนวินอย่ามาทำไขสือ
ฝน-ลูกเห็บถล่มม็อบกระเจิง
ส่วนการชุมนุมในช่วงเย็น ได้เกิดฝนและลูกเห็บตกลงมาอย่างหนัก แนวร่วมคนเสื้อแดงต่างแตกฮือวิ่งหลบฝนกันกระเจิง เพื่อไปหลบฝนตามเต็นท์ต่างๆ ขณะที่คนเสื้อแดงอีกจำนวนมาก ยังคงใช้ร่มและเสื้อกันฝน ปักหลักรับฟังปราศรัยท่ามกลางสายฝน และเมื่อฝนตกหยุดแล้ว กลุ่มคนเสื้อแดงจึงเริ่มทยอยกลับมาปักหลักจับจองพื้นที่ เพื่อรอฟังการปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนบนเวทีปราศรัยก็เริ่มดุเดือดขึ้น โดยแกนนำคนเสื้อแดงต่างสลับกันขึ้นกล่าวโจมตีนายอภิสิทธิ์ พล.อ.เปรม และนายเนวินอย่างรุนแรง ขณะเดียวกัน แนวร่วมเสื้อแดง จากจังหวัดต่างๆ ก็ยังทยอยเดินทางด้วยรถตู้และรถบัส เพื่อมาสมทบบริเวณหน้าทำเนียบอย่างต่อเนื่อง และเป็นที่น่าสังเกตว่า มีการเพิ่มจำนวนการ์ดบริเวณหลังเวที ปราศรัยมากขึ้นเพื่อป้องกันเหตุร้าย
“ณัฐวุฒิ” ฉะอำนาจมืดข่มขู่ลูกเมีย
ต่อมานายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ 3 แกนนำคนเสื้อแดง ร่วมกันแถลงข่าวด้านหลังเวทีปราศรัย โดยนายณัฐวุฒิกล่าวว่า ตลอดทั้งวันนี้ ได้มีความพยายามคุกคามการชุมนุมของคนเสื้อแดง โดยมีกลุ่มคนแฝงตัวเข้ามาทำร้ายผู้ชุมนุม ดังนั้น ตนจึงขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีมาตรการคุ้มครองคนเสื้อแดงตามสิทธิ์ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจาก ผบช.น. โดยจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตั้งด่านตรวจค้นรอบพื้นที่ชุมนุม 6 จุด ตั้งแต่เวลา 15.00 น. วันที่ 7 เม.ย. เป็นต้นไป ส่วนการคุกคามบุคคลและคนใกล้ชิดของแกนนำคนเสื้อแดง ขอให้ผู้สั่งการหยุดการกระทำ โดยเฉพาะผู้ที่สั่งให้ติดตามภรรยาและลูกของตน เพราะมันเป็นพฤติกรรมที่น่าอาย และชี้ให้ เห็นว่า รัฐบาลไม่มีกลไกในการควบคุมสถานการณ์การชุมนุม เป็นการล่มสลาย เพราะวันนี้มีม็อบเต็มไปหมด ยืนยันด้วยว่า คนเสื้อแดงมาชุมนุมด้วยมือเปล่าไม่มีอาวุธ ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้น เจออาวุธที่ใครขอให้จับกุมดำเนินคดีได้เลย เพราะคนเหล่านั้นไม่ใช่คนเสื้อแดงแน่ ส่วนการชุมนุมในวันที่ 8 เม.ย. ทราบข่าวมาว่าจะมีตำรวจหลายร้อยนายมาร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง โดยอาสาเป็นหน้าด่านในการปกป้องผู้ชุมนุม ที่จะไปชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาฯ ขอเตือนนายอภิสิทธิ์ว่าให้ตัดสินใจลาออกตอนที่คนยังเรียกว่านายกฯ ดีกว่ารอให้มีการไล่ออกในฐานะทรราช
แฉ “สมัคร” ไม่เอา “เนวิน”
นายณัฐวุฒิกล่าวด้วยว่า ที่นายเนวินอ้างว่าต้องทรยศ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ถูก พ.ต.ท.ทักษิณหักหลังมาก่อน คำพูดของนายเนวินเป็นการสะท้อนธาตุแท้ที่ชอบพูดเอาประโยชน์ที่ตัวเองได้รับ ทุกวันนี้อดีตนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณและสมาชิกทุกคนในพรรคเพื่อไทย ต่างยังให้ความเคารพนายสมัคร เหมือนเดิม การที่ไม่ได้สนับสนุนนายสมัครเป็นนายกฯ ครั้งที่ 2 ถือเป็นมติของพรรค เนื่องจากถูกกดดันจากพรรคร่วมรัฐบาล นายเนวินวันนี้พูดความจริงไม่หมด ตนอยากถามนายเนวินว่า ใครกันแน่ที่เป็นคนหักหลังนายสมัคร ถ้านายเนวินยังปกป้องนายสมัครจริง แล้วทำไมวันนี้ถึงเดินเข้าบ้านนายสมัครไม่ได้ เพราะที่นายสมัครรับไม่ได้คือ การที่นายเนวินหันไปซบพรรคประชาธิปัตย์
ป้ายสีเสื้อแดงด้วยคดีลอบสังหาร
ด้านนายจตุพรกล่าวว่า สถานการณ์ใน 2-3 วันนี้เห็นชัดว่ามีขบวนการที่พยายามใส่ร้ายป้ายสีคนเสื้อแดง ว่าสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย ล่าสุดที่มีการจับกุมมือปืนที่จะลอบสังหารนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี นั้น เป็นแผนการที่มีการเตรียมการมาอย่างดี เพื่อให้มีการซัดทอดว่าเป็นฝีมือของคนเสื้อแดงเป็นผู้จ้างวาน แต่ปรากฏว่าภายหลังผู้ต้องหากลับซัดทอดไปยังนายทหารย่านบางเขนนายหนึ่ง ซึ่งตนยังไม่สามารถเปิดเผยได้ตอนนี้ว่าเป็นใคร และการที่นายเนวินพยายามชี้เป้ากล่าวหาว่าคนเสื้อแดงกำลังทำสงครามประชาชนสร้างรัฐไทยใหม่ ขอชี้แจงว่าไม่รู้วันนี้นายเนวินคิดจะทำอะไร เพราะการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงที่ผ่านมา เป็นที่ชัดเจนว่าเรียกร้องประชาธิปไตยและโค่นระบอบอำมาตยาธิปไตย ส่วนคำว่ารัฐไทยใหม่ที่แกนนำคือนายวีระพูดไว้นั้น คือประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ปราศจากอำมาตย์
เย้ย “เนวิน” ไม่ได้จงรักภักดี
แกนนำคนเสื้อแดงกล่าวย้ำว่า นายเนวินเป็นตัวตั้ง ตัวตีในการโจมตี พล.อ.เปรมมาตั้งแต่แรก โดยเฉพาะการจัดทำเว็บไซต์ไฮทักษิณ แต่วันนี้กลับมาพยายามบิดเบือนให้ พล.อ.เปรมเป็นเหมือนสถาบันที่ใครแตะต้องไม่ได้ ไม่ว่านายเนวินจะเข้ามาสร้างสถานการณ์อย่างไร ในวันที่ 8 เม.ย. ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนเสื้อแดง ก็จะทำให้ประชาชนพร้อมใจกันลุกขึ้นสู้ทั้งประเทศ วิธีการที่นายเนวินหลั่งน้ำตาเพื่อเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณสั่งคนให้หยุดก้าวล่วงพระราชอัธยาศัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นพฤติกรรมที่ไม่เข้าท่า คนอย่างนายเนวินไม่มีอะไรที่พิสูจน์ได้เลยว่ามีความจงรักภักดีมากกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการพูดให้ตัวเองดูดี บอกว่าต้องทรยศ พ.ต.ท.ทักษิณเพื่อประโยชน์ประเทศ และปกป้องสถาบัน นายเนวินจะโกหกอย่างไรก็ได้ แต่ทรยศสิ่งที่ตัวเองเคยทำมาไม่ได้ วันที่ 8-9 และ 10 ขอให้โชคดีว่าจะประสบความสำเร็จหรือจะได้รับชะตากรรม
เผยรูปขบวนม็อบแดงบุกบ้านป๋า
ส่วนการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 8 เม.ย. นายจตุพร กล่าวว่า มั่นใจจะมีมวลชนเสื้อแดงมาร่วมได้ 3 แสนคนตามเป้า โดยพื้นที่ชุมนุมคือถนนพิษณุโลก ถนนราชดำเนินนอก ลานพระบรมรูปทรงม้า ถนนศรีอยุธยา ตั้งแต่แยกพระรูป ถึงบ้านสี่เสาฯ โดยมีการจัดเตรียมเวทีปราศรัยเอาไว้ 3 จุด ประกอบด้วย เวทีหลักที่สะพานชมัยมรุเชฐ เวทีที่ลานพระบรมรูปทรงม้า และเวทีที่บ้านสี่เสาฯ ทั้งนี้ทุกเวทีจะมีการเชื่อมสัญญาณต่อกัน เพื่อให้สามารถสื่อสารและถ่ายทอดเสียงของทุกเวทีกระจายไปได้ทั่วพื้นที่ชุมนุม โดยทีมงานเสื้อแดงใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในระบบออนไลน์ ทั้งนี้ แกนนำทั้งหมดจะสลับหมุนเวียนขึ้นเวทีปราศรัย เชื่อว่าประชาชนทั้งหมดจะเข้ามารวมตัวและเต็มพื้นที่ตามเป้าที่วางไว้ในช่วงบ่ายเป็นต้นไป
ใช้หน่วย “สันติ” เป็นด่านหน้า
นายจตุพรกล่าวอีกว่า แต่เมื่อมีการขยายบริเวณการชุมนุมไปเรื่อยๆจนถึงยังบ้านสี่เสาฯ ซึ่งถือเป็นพื้นที่ล่อแหลมมากที่สุด ทางทีมงานคนเสื้อแดงเตรียมชุดสันติวิธี นำโดย นพ.เหวง โตจิราการ และมวลชนราว 500 คน ทำหน้าที่เป็นด่านหน้าในการเจรจากับตำรวจ เพื่อขอให้เปิดทางให้คนเสื้อแดง หากไม่สำเร็จก็จะมีชุดการ์ดประมาณ 2 พันคน ทำหน้าที่ผลักดันเพื่อให้สามารถยึดพื้นที่ต่อได้ ส่วนการปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณที่เตรียมไว้ก็คือสามารถปราศรัยได้ทุกเวลาขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ช่วงกลางวันอาจจะเป็นการโฟนอิน แต่การวีดิโอลิงค์จะมีขึ้นในช่วงค่ำแน่นอน ต่อข้อถามว่าทาง พ.ต.ท.ทักษิณกำชับอะไรในการชุมนุมครั้งนี้บ้าง แกนนำคนเสื้อแดงระบุว่า จากที่มีการพูดคุยกับอดีตนายกฯ ได้แนะนำและเตือนสติแกนนำทุกคนให้จัดการชุมนุมอย่างใจเย็น มีปัญหาอะไรก็ค่อยๆคิดแก้ไข
“ทักษิณ” โอ่ช่วงนี้บุญดี
ต่อมาในเวลาประมาณ 20.22 น. หลังจากที่นายวีระ มุสิกพงศ์ ขึ้นเวทีปราศรัยอัดกลับเนวิน ชิดชอบ มาได้ระยะหนึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ต่อสัญญาณวีดิโอลิงค์เข้ามายังที่เวทีปราศรัย ซึ่งเมื่อภาพที่จอมอนิเตอร์ขึ้นภาพ พ.ต.ท.ทักษิณก็เรียกเสียงเฮจากผู้ชุมนุมได้อย่างดังลั่น จากนั้นอดีตนายกฯเริ่มต้นปราศรัยด้วยการกล่าวกับนายวีระ มุสิกพงศ์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นพิธีกรว่า ตนเป็นอาจารย์ใหญ่ที่เปิดโรงเรียนโดยที่คนจบได้เนฯเป็นแถว เขาบอกว่าเวลาคนเราในช่วงบุญไม่มาอะไรก็ไม่ดี ช่วงบุญมาอะไรก็ดี และเขาบอกว่าพรุ่งนี้บุญผมดีมาก และถือว่าบุญนี้เป็นบุญประเทศ เราจะได้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงซักที พวกเราจะได้สัมผัสประชาธิปไตยเต็มๆเต็มมือซักที ถ้าเที่ยวนี้อมาตย์และทหารอภิสิทธิ์ชนทั้งหลายถูกปรามในครั้งนี้ และมีกฎหมายรัฐธรรมนูญออกมาชัดเจนมอบอำนาจให้ประชาชนและตัวแทนประชาชนอย่างชัดเจน ประชาชนจะสัมผัสประชาชนที่กินได้ยิ่งกว่าที่เคยอีก
เย้ย “เนวิน” น้ำเน่าเล่นไม่เนียน
จากนั้นอดีตนายกฯปราศรัยกับผู้ชุมนุมเสื้อแดงว่า วันนี้ไม่เครียด เพราะตอนอยู่บ้านได้ดูละครน้ำเน่า แต่เล่นไม่เนียน เพราะเอาผู้ร้ายมาเป็นพระเอก ผู้ร้ายก็ต้องเป็นผู้ร้าย นี่ผู้ร้ายดันมาสอนพระเอกให้รู้จักเรื่องของการจงรักภักดีต้องรู้ว่าผมเป็นใคร จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณก็เล่าว่า สมัยที่ตนเป็นเด็กอยู่บ้านนอก ในหลวง สมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระโอรส พระธิดา เสด็จฯ ตนใส่กางเกงขาสั้นรองเท้าแตะไปยืนรอรับเสด็จด้วยความชื่นชมพระบารมีของพระองค์ท่าน ตอนนั้นสมเด็จพระบรมฯทรงสูทและใส่สนับเพลาสั้น และชื่นชมตั้งแต่เด็กมา สมัยที่ตนเป็นนักเรียน พระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชอาคันตุกะ เป็นประธานาธิบดีซูการ์โน อินโดนีเซีย ตอนนั้นพระตำหนักยังไม่สร้าง ใช้บ้านพักป่าไม้ดอยสุเทพ ตนไปรอรับเสด็จ แล้วชื่นอกชื่นใจกลับมาเล่าให้แม่ฟัง เพราะใจมีความจงรักภักดีมาตั้งแต่เด็ก มันอยู่ในสายเลือด
ย้ำจงรักภักดีอยู่ในสายเลือด
แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณก็เล่าอีกว่า จากนั้นมาเรียนเตรียม ทหาร และได้เรียนนายร้อยตำรวจ ได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ ได้สมรสพระราชทาน ได้รับกระบี่ ทำไมต้องสอนความจงรักภักดี มันอยู่ในสายเลือด ก่อนหน้าที่ตนจะมาปราศรัยได้รับอีเมล์จากเพื่อนที่วอชิงตันดีซี พอดีเพื่อนคนนี้เป็นเพื่อนกับนายราล์ฟ บอยซ์ อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย เขาบอกว่าเขาไม่พอใจเลย เพราะการที่ พล.อ.พิจิตรไปบอกว่า เขาไปพูดเรื่องเคย์แมน แต่เขาไม่เคยพูดเลย ไม่มีข้อมูลเลย
แฉแผนเก่าปลอมตัวก่อวุ่นวาย
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า วันนี้ดาหน้ากันออกมาทุกรูปแบบ แต่ทั้งหมดสรุปได้เลยว่าเก่ามาก แม้กระทั่งคนหนุ่มที่เป็นลูกคณะทั้งหลายก็ยังคิดเก่าๆ มีลูกน้องตนคนหนึ่งบอกว่า วันพรุ่งนี้เขาจะปลอมเป็นคนเสื้อแดง สร้างความวุ่นวายและเอาช่อง 11 ตามถ่าย เพื่อให้เห็นว่าคนเสื้อแดงแย่ มันรู้ทันกันหมดครับ วิธีเก่าๆแบบนี้ ต้องถามคุณณัฐวุฒิรู้ดี ตอนไปปราศรัยที่ จ.บุรีรัมย์ มีคนปลอมเป็นเสื้อแดงแล้วปาไข่คุณณัฐวุฒิ
สวนกลับคนนำปฏิวัติเลวกว่า
อดีตนายกฯกล่าวว่า วันนี้กระทรวงคมนาคมแอคทีฟเป็นพิเศษ ห้ามรถบรรทุกคนเสื้อแดงเข้า กทม. ถ้าบรรทุกจะไม่ต่อทะเบียนให้ มันสุดจะเก่า สองวันก่อน พล.อ.เปรมไปพูดเรื่องความดีความเลว ขอพูดแบบนี้ได้ มั้ยว่า ความจริงในระบอบประชาธิปไตย ความดีคือความมั่งคั่งและผาสุกกับประชาชน และการให้สิทธิและความเป็นธรรมแก่ประชาชน คือความเป็นประชาธิปไตยและ ทำงานเพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ส่วนความเลวคือเผด็จการ ปฏิวัติรัฐประหาร ทำให้ประเทศเสื่อมเสีย ทำให้ ประชาชนเกิดความทุกข์ พอปฏิวัติเสร็จเหมือนไปบังคับให้พระเจ้าอยู่หัวลงพระปรมาภิไธย ให้สิ่งที่ผิดเป็นถูก ทำให้คนทั้งโลกเขาแคลงใจระบอบประชาธิปไตยไทยเป็นอย่างไรกันแน่ อย่างนี้เขาเรียกว่าเลวครับป๋า แล้วใครเป็นผู้นำปฏิวัติ วางแผนปฏิวัติ พาเข้าเฝ้าฯยิ่งเลวกว่า
อัดพวกอภิสิทธิ์ชนอยากหาประโยชน์
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า สุดท้ายวันนี้สรุปได้ชัดเจนว่า เรากำลังมาถึงจุดที่ว่า เกิดการต่อสู้กันในแนวความคิดและการปฏิบัติทางการเมือง ตั้งแต่ปี 2475 ก่อนคณะราษฎร์ ยึดอำนาจ ในวันนี้รัชกาลที่ 7 ทรงพระราชทานประชาธิปไตยให้ประชาชน และเรามีรัฐธรรมนูญฉบับถาวรฉบับแรก และมีวันหยุดวันที่ 10 ธ.ค. 2475 ในรัฐธรรมนูญ ม.12 ระบุไว้ว่า ใครก็ตามไม่ว่าจะมีฐานันดรศักดิ์อะไร เมื่อเกิดเป็นคนไทยมีสิทธิ์เท่าเทียมกันหมด เขาไม่ได้ให้ อภิสิทธิ์ชนเลย แต่หลังจากนั้นก็มีการต่อสู้ของอภิสิทธิ์ชน ทั้งหลาย เพราะต้องการประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นอำมาตย์ ทหารผู้ใหญ่ มาถึงยุคสมัยใหม่นี้ มีอีกกลุ่มหนึ่ง คือนักการเมืองที่หากินกับการเมือง คนเหล่านี้ได้ประโยชน์ กับการเมืองอ่อนแอ รัฐบาลล้มแล้วล้มเล่า แต่ประชาชนเสียประโยชน์
ย้ำต้องกันไม่ให้มีการอิงสถาบัน
อดีตนายกฯกล่าวว่า การต่อสู้นี้ยาวนาน 2 ครั้งเลือกตั้งปฏิวัติทีหนึ่งแล้วใครจะเชื่อถือประเทศไทย แล้วประชาชนได้ประโยชน์อะไร วันนี้เป็นวันที่สำคัญที่สุด ที่เราจะเลือกว่าเราจะยอมให้การเมืองเป็นแบบเก่ามีอภิสิทธิ์ชน มีอำมาตยาธิปไตย มีทหารเป็นเครื่องมือปฏิวัติ แต่พวกเราลำบากแล้วลำบากอีก พวกเราจะยอมต่อไปมั้ย ตนว่าเรายอมต่อไปไม่ได้
“พี่น้องครับ ถ้าเป็นระบอบประชาธิปไตยจริงๆ อำนาจเป็นของประชาชน ไม่มีผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญไปแอบสั่งราชการ ไปสั่งองค์กรอิสระ สั่งศาล ไม่มีครับ ความเป็นธรรมความเสมอภาคเกิดขึ้นทันที” อดีตนายกฯ กล่าว และว่าเราจะไปแบบประเทศที่เจริญแล้ว หรือเราจะเป็นแบบนี้ ถ้าเราจะไปแบบประเทศที่เจริญแล้ว เราต้องปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ให้พวกนี้นำมาใช้ประโยชน์ พวกนี้อิงสถาบันเพื่อผลประโยชน์ตัวเองทั้งนั้น ลำพังเป็นทหารแก่คนหนึ่งสั่งศาล สั่งองค์กรอิสระ สั่งทหารปฏิวัติได้มั้ย
ลั่นต้องเปลี่ยนประเทศไทย
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า วันนี้พี่น้องประชาชนเริ่มทยอยเข้ามา ทราบว่าพรุ่งนี้ร้านอาหาร ร้านทำผมบางร้านจะปิดเพื่อเจ้าของร้านและคนงานจะมาพร้อมกัน น่ารักมากครับ พี่น้องครับไม่กี่วันนี้เป็นช่วงที่เราจะเสียสละ เราถือว่าเรามาร่วมทำบุญเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนกันดีกว่า ถ้าประเทศเจริญ มีความเป็นธรรม พี่น้องมีความสุข พระเจ้าอยู่หัวจะมีความสุขมาก วันนี้ขอร้องอย่ามาพูดว่า รอก่อนไม่เป็นไรเดี๋ยวจะเอาคนกลางมาแก้รัฐธรรมนูญ คนกลางรับผิดชอบต่อประชาชนหรือเปล่า ใครก็ตามที่มาตัดสินในทางการเมืองต้องรับผิดชอบต่อประชาชน ระบบเขามีอยู่แล้ว พยายามจะบิด ดึง วันนี้ ต้องยอมอดทนเจ็บปวดแล้วเริ่มต้นใหม่เปลี่ยนประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ไม่ให้มีการปฏิวัติอีกแล้ว พอแล้ว
ขอให้อดทนอีกไม่กี่วัน
“พล.อ.เปรม ตั้งแต่ 18 ส.ค. ปีที่แล้ว ไม่ต้องมีปฏิวัติ ถ้ามีปฏิวัติเมื่อไร ประชาชนเสื้อแดงจะนำลุกฮือก่อนเพื่อน มันไม่หมูเหมือนเอารถถังไปยึดสถานีโทรทัศน์ อีกแล้ว พี่น้องอดทนไม่กี่วันเพื่ออนาคตอันรุ่งเรืองของเรา อะไรจะเกิดขึ้นถ้ามีประชาธิปไตยที่แท้จริง พี่น้องจะเห็นความมีเสรีภาพ ที่มีกติกากำหนดชัดเจน ไม่ใช่กติกาเลือกใช้แต่อภิสิทธิ์ชน แต่เป็นกติกาที่ทำให้เรามีความสุข ลูกตาสี ตาสา ชาวนา ลูกนายพล มีศักดิ์ศรีเท่ากัน ความเสมอภาคความเป็นธรรมในสังคมต้องเกิด ศาลไม่ต้องเขียนกฎหมายเอง เพราะคนเขียนกฎหมายคือสภา พี่น้องจะเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมาก” ตนกล้ายืนยันว่า ใน 5-6 ปี จะเห็นสิ่งเหล่านี้เปลี่ยนหมด จะเห็นคนไทยมีงานทำทั้งหมด งานที่คนไทยไม่ทำประเทศเพื่อนบ้านมาทำ แต่งานที่คนไทยอยากทำมีให้ทำหมด
วาดฝันชีวิตจะดีขึ้นหากมี ปชต.
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังวาดฝันให้ผู้ชุมนุมว่า ประเทศไทยต้องพัฒนาไปได้อีกไกล แต่จะทำได้ก็ต่อเมื่อเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่ใช่เดี๋ยวก็ปฏิวัติ เพราะพอปฏิวัติทีคนรวยก็นายพลแต่ประเทศจน ดังนั้นต่อไปนี้เราจะเข้าสู่ยุคของประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และไม่มีใครมายุ่ง ไม่มีอำมาตย์มายุ่ง ทหารต้องเป็นทหารอาชีพ มีหน้าที่ปกป้องประเทศชาติ ปล่อยให้ประชาชนตัดสินใจอนาคตเขา เขาจะเลือกใครก็ให้เขาเลือก ไม่ใช่ไปบังคับ ไปตั้งนายกฯ ให้เขา ซึ่งเขาก็ไม่อยากได้
8 เม.ย. สร้างประวัติศาสตร์
ทั้งนี้ อดีตนายกฯยังกล่าวก่อนอำลาไปด้วยการเรียกร้องให้คนออกมากันเยอะๆ เพราะถือว่าวันที่ 8 เม.ย. เป็นวันสำคัญ ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ ขอเชิญชวนคนไทยที่รักเสรีภาพ ความเป็นธรรม รักอนาคตลูกหลาน รักสถาบันพระมหากษัตริย์ ออกมาเยอะๆ แสดงพลังให้เต็มที่ หนึ่งพลังของท่านที่ก้าวออกมายืนตรงนี้ ท่านคือหนึ่งในผู้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้ประเทศไทย
ท่านผู้หญิงวิระยาบริจาคช่วยเสื้อแดง
จากนั้น หลังจากการปราศรัยผ่านระบบวีดิโอลิงค์ของ พ.ต.ท.ทักษิณจบลง บรรดาแนวร่วมเสื้อแดง ทั้งนายจำลอง ครุฑขุนทด อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย สมาชิกบ้านเลขที่ 111 นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ อดีตคนเดือนตุลา ขึ้นกล่าวปลุกระดมคนเสื้อแดงให้ระดมคนออกมามากๆ เพื่อร่วมโค่นล้มระบอบอำมาตยาธิปไตย ที่มี พล.อ.เปรมเป็นหัวหน้า ซึ่งระหว่างนั้นที่ด้านหลังเวที ก็มีคนเสื้อแดงนำข้าวของมาบริจาคเพื่อเป็นเสบียงให้กับผู้ชุมนุม อาทิ อาหาร ผลไม้ น้ำดื่ม และเงินสด โดยมีบุคคลสำคัญๆ อาทิ ท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล ประธานกรรมการเลขาธิการมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจ อาสาสมัครชายแดน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ร่วมบริจาคเป็นเงิน 4 หมื่นบาท
ตร.ไวจับมือทุบรถนายกฯได้แล้ว
ขณะเดียวกัน มีรายงานจากพัทยา จ.ชลบุรี เข้ามาในช่วงค่ำ ถึงความคืบหน้าคดีคนเสื้อแดงที่ไล่ทุบรถนายกฯ เมื่อช่วงบ่ายวันเดียวกันว่า ตำรวจได้ควบคุมตัวนายวันเฉลิม กุลเสน อายุ 22 ปี มือทุบรถนายกฯ ไว้ได้และนำไปสอบสวนที่ สภ.เมืองพัทยา แต่กระทั่งเวลา 19.30 น. พ.ต.ท.พลกฤต ขำเสถียร พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ได้รายงานต่อ พ.ต.อ.สรายุทธ สงวนโภคัย ผกก.สภ. เมืองพัทยา ว่านายวันเฉลิม กุลเสน มือทุบรถนายกรัฐมนตรี หลบหนีไป หลังจากขอตัวออกมาสูบบุหรี่ ในขณะที่สอบปากคำที่ห้องพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ในขณะที่ พล.ต.ต.บัณฑิตย์ คุณจักร ผบก.ภ.จ.ชลบุรี ทราบเรื่องจึงเดินทางมาประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมทั้งกล่าวตำหนิ พนักงานสอบสวนที่ปล่อยปละละเลย ส่วนผู้ต้องหาที่หนีไป จะได้ขออนุมัติศาลจังหวัดพัทยา ขอหมายจับต่อไป พร้อมทั้งให้ชุดสืบทั้ง 2 ชุดติดตามจับกุมนายวันเฉลิม ให้ได้โดยเร็ว