WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, April 10, 2009

ปิดล้อมอนุสาวรีย์ชัยฯ จราจรกรุง เป็นอัมพาตหนัก

ที่มา ไทยรัฐ

หลังเวลาล่วงเลยผ่านพ้นเส้นตายที่กลุ่มเสื้อแดงเรียกร้องให้ 3 องคมนตรีคือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ลาออก ในเวลา 16.00 น. วันที่ 9 เม.ย. แต่ทุกอย่างยังคงนิ่งสงบไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เกิดขึ้นตามข้อเรียกร้องดังกล่าว ทำให้ม็อบเสื้อแดงยกระดับการชุมนุมเข้มข้นขึ้น หลังข้อเรียกร้องไม่บรรลุวัตถุประสงค์ โดยในการชุมนุมใหญ่วันที่สอง (9 เม.ย.) กลุ่มคนเสื้อแดงใช้ยุทธวิธีดาวกระจายไปตามสถานที่ต่างๆ และช่วงบ่ายกองทัพเสื้อแดงได้เคลื่อนมารวมตัวชุมนุม ปิดการจราจรบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยกลุ่มคนเสื้อแดงได้สลายการชุมนุมที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ แล้วยกพลตามมาสมทบ ทำให้สถานการณ์ทั่วไปในกรุงเทพฯทวีความตึงเครียด

หลังม็อบสงบเจอขยะเกลื่อน

สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อเช้าวันที่ 9 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าผู้ชุมนุมที่เหลืออยู่บางส่วน ได้กระจายกำลังกันยึดพื้นที่ตั้งแต่ถนนพิษณุโลกไปจนถึงหน้าบ้านสี่เสาฯ ขณะที่บนเวทีปราศรัยยังมีการกล่าวโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และจากการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงเรือนแสน เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ทำให้มีขยะจำนวนมากถูกทิ้งเกลื่อนถนนทั่วบริเวณชุมนุม บางจุดมีกลิ่นเหม็นของเศษอาหาร สร้างความไม่พอใจให้แกนนำม็อบที่เห็นว่า กทม.ส่งเจ้าหน้าที่มาเก็บขยะน้อยเกินไป

ยันไม่ปิดสนามบินสุวรรณภูมิ

ส่วนที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ผู้ชุมนุมค่อนข้างบางตา เนื่องจากบางส่วนเดินทางกลับบ้านหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ปราศรัยผ่านวีดิโอลิงค์เสร็จสิ้นลง และกลับมาชุมนุมใหม่ในช่วงเย็น ส่วนผู้ที่ไม่ได้กลับบ้านต่างจับจองที่นอนภายในเต็นท์ที่จัดไว้ บางส่วนหลบไปนอนตามซุ้มร้านค้างานกาชาดที่ยังไม่มีการรื้อถอน ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจระดมกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ขึ้นเวทีปราศรัยย่อยที่บ้านสี่เสาฯโจมตี พล.อ.เปรมอย่างต่อเนื่อง โดยหยิบยกเรื่องส่วนตัวและความเชื่อมโยงทางการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยให้ผู้ชุมนุมฟัง และยืนยันจะไม่มีการดาวกระจายปิดล้อมสถานที่สำคัญต่างๆ อาทิ สนามบินสุวรรณภูมิ หรือสถานที่ราชการสำคัญๆ ขณะที่นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ประกาศจะนำชายฉกรรจ์ 500 คน ออกไล่ล่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไปทุกที่เพื่อกดดันให้นายอภิสิทธิ์ลาออกก่อนเวลา 16.00 น. วันที่ 9 เม.ย.

หญิงเสื้อเหลืองขับเก๋งชนเสื้อแดง

ขณะเดียวกัน ในเวลา 07.30 น. เกิดเหตุชุลมุนขึ้นกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่ชุมนุมอยู่บริเวณแยกเทเวศร์ ด้านถนนสามเสน เมื่อมีหญิงสวมเสื้อเหลืองขับรถเก๋งโตโยต้า คัมรี่ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บค 5881 จันทบุรี ฝ่าเข้าไปในกลุ่มผู้ชุมนุม เฉี่ยวชนนายไพโรจน์ พิศดาร ชาวบุรีรัมย์บาดเจ็บที่ต้นขาซ้าย จากนั้นหญิงคนดังกล่าวขับรถหลบหนีเข้าไปภายในสวนอัมพร หลังเกิดเหตุนายณัฐวุฒิเรียกระดมกลุ่มผู้ชุมนุมไปปิดล้อมสวนอัมพร ยื่นคำขาดให้ตำรวจจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ต่อมา ร.ต.ท.สมชาย เชาวนะ พงส. (สบ 1) สน.สามเสน ไปตรวจสอบพบว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถเก๋งโตโยต้า คัมรี่ สีบรอนซ์-เงิน ทะเบียน กค 5881 จันทบุรี ซึ่งหมวดอักษรไม่ตรงกับรถคันที่ก่อเหตุ จึงปล่อยตัวไป ร.ต.ท.สมชายเผยว่าขณะเกิดเหตุกล้องของทีวีช่อง 9 เก็บภาพไว้ได้ เห็นหมวดอักษรและหมายเลขทะเบียนรถชัดเจนว่า บค 5881 จันทบุรี แต่รถคันที่พบหมวดอักษร กค หมายเลขทะเบียน 5881 จันทบุรี ไม่ตรงกับคันที่ก่อเหตุ จึงปล่อยตัวคนขับกับรถไป

เย้ยคนเป็นแสนมาไล่แต่ 3 คนยังทนอยู่

นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำเสื้อแดง กล่าวชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ว่า อาจจะรู้สึกแปลกใจทำไมวันที่ 8 เม.ย. คนเป็นแสนแต่แกนนำไม่ทำอะไร น่าจะใช้ความรุนแรงเปลี่ยนแปลงตามข้อเรียกร้อง การมาชุมนุมมากขนาดนี้ เป็นการแสดงให้เห็นว่ามีจำนวนมากกว่ากลุ่มพันธมิตรฯ รู้อยู่แล้วว่าไม่มีวันที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะลาออกไม่หวังลมๆแล้งๆ กับสิ่งที่คาดหวังไม่ได้ แต่ต้องแสดงให้เห็นว่าวันที่พันธมิตรฯ ชุมนุมยึดทำเนียบฯ นายอภิสิทธิ์บอกว่ามีคนเป็นแสนมาไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ควรยุบสภา วันนี้คนเป็นแสนมาไล่นายอภิสิทธิ์ กลับหน้าด้านไม่ออก ขอให้ทุกคนตั้งหลักไว้หากจะทำอะไรจะ ต้องเห็นพ้องต้องกัน

แลกชีวิตชาญชัยกลบข่าวเสื้อแดง

นายจตุพรกล่าวถึงคดีลอบสังหารองคมนตรี ว่า เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า น.อ.จักรกฤษณ์ เสขะนันท์ ที่ถูกซัดทอดจ้างวานเป็นชุดรักษาความปลอดภัยของ พล.อ. เปรม มีการวางแผนสังหารให้ก่อเหตุในวันที่ 7 เม.ย. ถือว่า เป็นการนำชีวิตนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรีมาแลก กลบข่าวคนเสื้อแดงชุมนุมใหญ่ แต่กรรมมีจริงที่ตำรวจสามารถจับทีมสังหารได้ ก่อนจะลงมือเมื่อสอบสวนคนผิดซัดทอดต่อ กลายเป็นชุดรักษาความปลอดภัยของประธานองคมนตรี นายชาญชัยคงไม่รู้ตัว ถือว่าเป็นอุทาหรณ์และเป็นประวัติศาสตร์ที่มีการยอมลงทุนสังหารองคมนตรีคนหนึ่ง เพื่อเอาชีวิตมาปิดข่าวเสื้อแดง วันนี้การชุมนุมมาไกลเกินไปจะต้องเป็นโจรปล้นโจรก็ต้องทำ ถ้าสงครามไม่จบในวันที่ 10 เม.ย. ก็อาจจะไปปิดฉากที่การประชุมอาเซียนบวกสามบวกหกที่ จ.ชลบุรี ขอให้เตรียมตัวให้พร้อม

หยันทำรุนแรงก็ได้แต่ไม่ทำ

เวลา 10.00 น. ที่หลังเวทีปราศรัย หน้าทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ุ และ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำเสื้อแดง แถลงถึงแนวทางเคลื่อนไหวกดกันรัฐบาลว่า คนเสื้อแดงมาชุมนุมกันมากเพราะต้องการประกาศความประสงค์ของคนเสื้อแดงว่าต้องการอะไร แม้จะรู้อยู่แล้วว่าจะไม่ได้รับการสนองตอบจากรัฐบาลและ 3 องคมนตรี คนเสื้อแดงเป็นแสนจะไม่ทำอะไรรุนแรงเลียนแบบกลุ่มพันธมิตรฯ ทั้งที่สามารถทำให้ เบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้ในวันที่ 8 เม.ย. เป็นที่ชัดเจนแล้วว่านายอภิสิทธิ์และ 3 องคมนตรีไม่ลาออก จึงไม่จำเป็นต้องให้โอกาสถึงเวลา 16.00 น. วันที่ 9 เม.ย. ตามที่แกนนำ ได้ประกาศไว้ว่าให้เวลา 24 ชม. คนเสื้อแดงโชคร้ายที่ต้อง มาสู้กับคนหน้าด้าน

เผยเหตุต้องยกระดับการชุมนุม

นายจตุพร กล่าวว่า จำเป็นที่จะต้องยกระดับการต่อสู้เรียกร้องให้เข้มข้นมากขึ้น แม้จะเป็นวิธีการที่ไม่ อยากใช้ก็จำเป็นต้องทำ เป็นการทำแต่กายแต่ใจไม่ได้ไปด้วย เมื่อเสร็จศึกทุกคนจะล้างมือให้ขาวสะอาด พ.ต.ท. ทักษิณ บอกไว้ว่าประชาชนนับแสนไม่ควรกลับบ้านมือเปล่า จึงต้องมีมาตรการออกมากดดันส่วนจะเป็นอะไรจะมีการประกาศให้รู้เป็นระยะ ขอบอกไปยังประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบว่า หากเกิดอะไรขึ้นจากการกระทำของคนเสื้อแดง เป็นเพราะมีความจำเป็นที่จะต้องแลกกับความเจ็บปวดคนเสื้อแดงได้ให้โอกาสรัฐบาลแล้ว การกดดันอะไรออกไปจะเลือกแนวทางที่ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด

เฉ่งคนเสื้อเหลืองบุกบ้านแม่จตุพร

นายจตุพรยังกล่าวถึงกรณีที่กลุ่มเสื้อเหลืองประมาณ 300 คน พากันไปที่บ้านนางนวม บัวแก้ว อายุ 90 ปี มารดา ซึ่งอยู่เลขที่ 25/1 บ้านดอนสร้อยทอง หมู่ 3 ต.น้ำพุ อ.บ้านนาสาร ว่ากลุ่มคนเสื้อเหลืองไปกดดันแม่ของตน ซึ่งเป็นคนแก่เดินไม่ได้ ท่านอายุกว่า 90 ปีแล้ว คนกลุ่มนี้บุกเข้าไปถึงที่นอน ใช้มือตบล้อมหน้าล้อมหลังคนแก่ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร มีเรื่องกับตนก็ควรมาหาให้ถูกคน อย่าไปรบกวนคนแก่ ถ้าจะทำแบบนี้กับแม่ ของนายอภิสิทธิ์บ้างจะได้หรือเปล่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นอุปสรรค แต่ถ้ายังทำกับคนแก่แบบนี้ ก็จะไปทำกับแม่ ของท่านบ้าง ขณะที่ นพ.เหวงกล่าวว่า เมื่อวานมีรถกระบะคันบรรทุกถังน้ำมัน 8 ถัง วิ่งเข้ามาที่หน้าวัดเบญจมบพิตรฯ แต่ตำรวจปล่อยให้วิ่งออกไปคนเสื้อแดงกระโดดขึ้นหลังรถ แต่คนขับชักปืนขู่จึงขับหนีไปได้ ขอเรียกร้องให้หยุดการกระทำแบบนี้ และตำรวจต้องเข้มงวดมากขึ้น ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีครอบครัวของ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางไปต่างประเทศช่วงมีการชุมนุมใหญ่ นายณัฐวุฒิตอบว่า ไม่ทราบการเคลื่อนไหวของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ และลูกๆ ในการเดินทางไปต่างประเทศ ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ จะบินไปไหนบ้างก็ไม่ได้รู้ความเคลื่อนไหว การเดินทางไปต่างประเทศของครอบครัวชินวัตร จะไม่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ในแง่ของผลกระทบที่จะทำให้ การชุมนุมหยุดยั้งหรืออ่อนแอลง แม้ไม่มีครอบครัว พ.ต.ท. ทักษิณก็ยังจะยืนหยัดต่อสู้ยืดเยื้อจนกว่าจะชนะ ช่วงสงกรานต์ก็อาจจะต้องรดน้ำดำหัวกันอยู่ที่นี่

ดาวกระจายกดดันหลายที่ทั่วกรุง

ต่อมาเวลา 11.30 น. ที่เวทีปราศรัยหน้าทำเนียบฯ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเสื้อแดง ได้ขึ้นเวทีปราศรัยประกาศระดมคนออกดาวกระจายไปกดดันในหลายพื้นที่ โดยให้ผู้ชุมนุมแบ่งกำลังออกเป็น 3 ชุด ไปรวมตัวกันที่จุดรวมพล 3 จุด หน้าวัดเบญจมบพิตรฯ หน้ากระทรวงศึกษาธิการ และบริเวณแยกนางเลิ้ง หลังเวทีปราศรัยใหญ่ ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นให้แยกย้ายออกเดินทางไปกดดันหน้ากระทรวงการต่างประเทศ ศาลรัฐธรรมนูญ และพรรคประชาธิปัตย์ โดยได้ย้ำว่าการไปชุมนุมจะไม่ปิดประตูเข้าออกสถานที่ราชการ แต่คนที่จะผ่านเข้าไปจะต้องฝ่าด่านคนเสื้อแดงเข้าไปเอง สำหรับรูปแบบการจัดขบวนได้ให้รถขยายเสียงเป็นเวทีปราศรัยเคลื่อนที่ มีแกนนำแต่ละจังหวัดเป็นแนวหน้าในการดูแลการชุมนุมแต่ละจุด

ส.ส.ปชป.เผ่นกระเจิงหนีม็อบ

ขณะที่บรรยากาศที่พรรคประชาธิปัตย์ ถนนสามเสน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 9 เม.ย.บรรยากาศที่พรรคค่อนข้างเงียบเหงา มี ส.ส.เข้ามาทำงานในพรรคบางตา มีเพียงนายสกลธี ภัทยกุล ส.ส.กทม. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะ ผอ.พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางเข้ามาสังเกตการณ์และคอยติดตามการชุมนุมประท้วงของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ได้ประกาศดาวกระจายมาชุมนุมประท้วงหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อรายงานต่อผู้ใหญ่ของพรรค โดยได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่พรรคทำงานแค่ครึ่งวันแล้วให้รีบเดินทางกลับบ้าน ขณะที่ นพ.บูรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรค นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเข้ามาที่พรรคก็ได้เดินทางออกไปที่รัฐสภาตั้งแต่ก่อนช่วง 11.00 น. แล้ว

ขวัญชัยนำม็อบแดง 500 คนปิด ปชป.

กระทั่งเวลา 11.00 น. หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 กองร้อยที่ปักหลักรักษาความสงบเรียบร้อยอยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับรายงานว่า กลุ่มม็อบเสื้อแดงเดินทางใกล้มาถึงพรรคประชาธิปัตย์แล้ว จึงตั้งแถวรับมือม็อบกันอย่างคึกคัก โดยได้ขอเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปราบจลาจลมาเพิ่มอีก 1 กองร้อย จัดกำลังตั้งแถวพร้อมโล่และแผงเหล็กกั้นบนถนนเศรษฐศิริ หน้า รพ.วิชัยยุทธ ก่อนถึงหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนำรถคุมขังผู้ต้องหา 2 คันจอดขวางถนน เตรียมรับกลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมนำรถดับเพลิง รถคุมขังผู้ต้องหาและรถฉายไฟส่องสว่าง มาจอดเตรียมไว้ด้านหลังพรรค และเคลียร์ไล่รถยนต์ไปจอดในที่ปลอดภัย โดยในระหว่างที่ม็อบเสื้อแดงเคลื่อนตัวผ่านแฟลตสวัสดิการกลาง กองทัพบก ตรงข้ามพรรค ปรากฏว่า มีแม่บ้านทหารบกบนแฟลตบางคนโผล่ออกมาโบกไม้โบกมือให้กลุ่มเสื้อแดง พร้อมทั้งยังส่งน้ำดื่ม มาสนับสนุนอีกด้วย

ลั่นไม่ยอมแพ้ ป๋าขับไล่รัฐบาลฉาว

เวลา 12.30 น. ม็อบเสื้อแดงจำนวน 500 คน ที่นำมาโดยนายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำชมรมคนรักอุดร ก็เดินทางมาถึง โดยประกาศบนเวทีรถ 6 ล้อติดเครื่องขยายเสียงเจรจาขอเปิดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมทั้งโยนเสื้อแดงให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจรับเอาไป โดยนายขวัญชัยกล่าวว่า ต้องการมาเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดทางให้กลุ่มคนเสื้อแดงได้ ปักหลักชุมนุมอยู่ที่หน้าพรรคประชาธิปัตย์ด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยอมเปิดทางให้โดยดี เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดลง แต่ขอไม่ให้กลุ่มม็อบเสื้อแดงบุกเข้าไปในพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งก็สามารถตกลงกันได้ จากนั้นกลุ่มม็อบเสื้อแดงได้เคลื่อนขบวนรถเข้ามาหน้าพรรคประชาธิปัตย์โดยสะดวก

ยันไม่ได้ทำเพื่อทักษิณ

นายขวัญชัยกล่าวปราศรัยว่า คนเสื้อแดงมาชุมนุมในครั้งนี้ ไม่ได้ทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและไม่มีใครจ้างมา แต่ทำเพื่อประชาธิปไตยและ ประเทศชาติ พวกตนต่อสู้ต่อระบอบอำมาตยาธิปไตย มา 3 ปีแล้ว จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด พวกตนไม่เชื่อถือ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ตั้งแต่ 2517 แล้วพรรคประชาธิปัตย์ที่ตั้งมา 60 กว่าปี แต่ไม่มีผลงานอะไรเลย มีแต่เรื่องฉาวทั้ง สปก.4-01 ปลากระป๋องเน่า เอาโจรมาเป็นรัฐมนตรี วันนี้มีคนออกมาชุมนุมกว่า 5 แสนคนมาไล่รัฐบาลแต่ทำไมรัฐบาลยังดื้อด้านไม่ยอมออก วันนี้พรรคประชาธิปัตย์อย่าดูถูกภูมิปัญญาของชาวบ้านที่ พ.ต.ท. ทักษิณได้เอาความรู้ไปให้ วันนี้คนบ้านนอกจะมาล้มรัฐบาลประชาธิปัตย์ ทั้งนี้ ในการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่หน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีพระเมธา ชาตเมโธ จากศูนย์โลกตรธรรม ชุมพร มายืนชูป้ายข้อความว่า ประชาธิปไตย democracy” ด้วย

เจอแล้วหญิงชนเสื้อแดงกลายเป็นคนประสาท

ขณะเดียวกัน ในเวลา 13.30 น. พ.ต.ท.สถิตย์พร บุญยรัตตพันธุ์ รอง ผกก.สน.มักกะสัน รับแจ้งพบรถเก๋งโตโยต้า คัมรี สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บค 5881 จันทบุรี จอดอยู่บริเวณทางเข้าสนามกอล์ฟ อาร์ซีเอ แขวงและเขตมักกะสัน ไปตรวจสอบพบหญิงสวมเสื้อเหลืองกำลังเดินรำอยู่รอบๆรถ จึงรายงานผู้บังคับบัญชา แล้วนำตัวไปที่ สน.สามเสน ต่อมา พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. เข้าสอบปากคำ ทราบชื่อ น.ส.จำนงค์ หงส์เกียรติขจร อายุ 34 ปี ให้การเหมือนคนมีปัญหาทางจิต ทำนองว่าไปนั่ง สมาธิที่เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี เป็นประจำ จนสำเร็จขันธ์5 จึงกลับมาทำพิธีที่วัดพระแก้ว เพื่อให้เกิดความร่มเย็น หลังจากซักถามแล้วไม่ได้เรื่องได้ราว พล.ต.ต.อำนวย จึงหันมากล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ได้ตัวผู้ที่ขับรถเข้าไปในกลุ่มคนเสื้อแดงแล้วคือ น.ส.จำนงค์ หงส์เกียรติขจร ชาวจันทบุรี เบื้องต้นน่าจะมีอาการทางประสาท ตำรวจมักกะสันพบรถจอดอยู่ย่านอาร์ซีเอ เป็นคันเดียวกับที่ก่อเหตุ ขั้นต่อไปจะให้ผู้เสียหายมาดูตัว จะได้หายคลางแคลงใจว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามมาก่อกวน แล้วจะส่งตัว น.ส.จำนงค์ไป รพ.นิติจิตเวช เพื่อตรวจสภาพจิตต่อไป

ตร.ทิ้งทำเนียบให้ทหารตรึงกำลัง

ส่วนบรรยากาศที่ฐานชุมนุมหลักหน้าทำเนียบฯ ช่วงบ่าย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังกลุ่มเสื้อแดงประกาศบนเวทีว่า จะมีการทดสอบระบบมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยการบุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลในเวลา 16.00 น. ทำให้ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของทำเนียบฯ บางส่วนที่ยังทำงานอยู่ ได้รีบเก็บข้าวของเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลทันทีเพราะเกรงว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัย ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยในทำเนียบรัฐบาลนั้น มีกำลังทหารอยู่ใน ทำเนียบรัฐบาล 21 กองร้อย โดยกำลังทหารส่วนใหญ่ เตรียม พร้อมอยู่ในที่มั่นตามอาคารต่างๆ รอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาในการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนกำลังตำรวจเหลืออยู่เพียง 1 กองร้อยเท่านั้น เนื่องจากกำลังตำรวจส่วนมาก ทยอยถอนกำลังออกจากทำเนียบฯก่อนหน้านี้แล้ว โดยไม่มีการ สับเปลี่ยนกำลังเข้ามาเสริม ขณะที่ศูนย์บัญชาการสถานการณ์ซึ่งอยู่ที่อาคาร 44 ทำเนียบรัฐบาล ถูกปิดเงียบ ไม่มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เข้ามาประจำการแต่อย่างใด

ปิดหน้า บก.ทบ.ทวงคืนกองทัพ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นอกเหนือจากการดาวกระจายไปยังพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งยังดาวกระจายไปปักหลักชุมนุมที่หน้ากองบัญชาการทหารบก (บก.ทบ.) ถนนราชดำเนินนอก โดยกลุ่มคนเสื้อแดงได้ใช้รถปิกอัพเป็นเวทีเคลื่อนที่กล่าวโจมตีในประเด็นการคืนอำนาจกองทัพให้กับประชาชน และขอให้ยกเลิกการสนับสนุนระบอบอำมาตยาธิปไตย รวมทั้งขับไล่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ออกจากตำแหน่ง และทวงถามกรณีนำบุคคลหนีทหารมาเป็นนายกรัฐมนตรี รวมทั้งยังเคลื่อนขบวนไปชุมนุมที่หน้ากระทรวงการต่างประเทศ และศาลรัฐธรรมนูญด้วย

ล้อมกระทรวงบัวแก้วไล่กษิต

โดยบรรยากาศที่หน้ากระทรวงการต่างประเทศ กลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 500-600 คน เคลื่อนขบวนมาถึงกระทรวงการต่างประเทศตามยุทธศาสตร์ดาวกระจาย พร้อมกับรถบรรทุกดัดแปลงเป็นรถกระจายเสียง มาปิดถนนฝั่งพระราม 6 ด้านจากบริเวณสี่แยกศรีอยุธยาไปถึงใกล้กับประตูทางเข้ามหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อกดดันเรียกร้องให้นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ลาออกจากตำแหน่งเท่านั้น แต่จะไม่บุกรุกสถานที่ราชการ ไม่ทำลายทรัพย์สิน และไม่ทำให้กระทบกระเทือนต่อเจ้าหน้าที่ แต่การปิดล้อมนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่หรือบุคคลทั่วไปเดินผ่านประตูเล็กเพื่อเข้าออกได้ ขณะที่ทางกระทรวงได้ปิดประตูใหญ่ไว้ทั้งสองด้านเพื่อไม่ให้รถเข้าออก

ปิดทางออก กษิตติดแหง็กถึงเย็น

เวลา 15.00 น. ผู้ชุมนุมที่ยังปักหลักอยู่รอบนอกกระทรวงการต่างประเทศ ได้กระจายกำลังส่วนหนึ่งมาปิดประตูทางเข้ากระทรวงฝั่งถนนศรีอยุธยา ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ขณะนั้นขบวนรถของนายกษิต เดินทางมาทำงานที่กระทรวงตามปกติ พยายามจะเคลื่อนขบวนรถออกทางประตูฝั่งศรีอยุธยาพอดี ทำให้รถยนต์ของนายกษิตต้องวนไปประตูทางเข้าออกฝั่งพระราม 6 มีผู้ชุมนุมปิดล้อมไว้อย่างแน่นหนาเช่นกัน สุดท้ายรถยนต์ของนายกษิตต้องวนกลับไปภายในกระทรวงเช่นเดิม กระทั่งเวลา 15.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เจรจาให้เปิดทางให้รถของข้าราชการสามารถเข้าออกทางฝั่ง ถ.ศรีอยุธยาได้ ซึ่งผู้ชุมนุมก็ยอม โดยมีเงื่อนไขให้รถทุกคันลดกระจกฝั่งคนขับเพื่อขอตรวจสอบว่า นายกษิตไม่ได้แฝงตัวออกไป โดยผู้ชุมนุมบอกกับคนขับว่า ต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมแค่อยากจับตัวเหี้ยตัวเดียวเท่านั้นแต่ก็มีเหตุติดขัดขึ้นบ้าง เนื่องจากรถยนต์ของข้าราชการบางคัน ไม่ยอมลดกระจกให้ตรวจสอบจนตำรวจต้องเข้าเจรจา ทำให้ รถผ่านไปได้ จากนั้น เมื่อเวลา 16.15 น. ผู้ชุมนุมได้สลายตัวไปสมทบกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ขณะที่นาย กษิตยังนั่งทำงานที่กระทรวงจนถึงช่วงเย็น ก่อนจะเดินทางออกจากกระทรวงเพื่อมาพัทยา

กองทัพแท็กซี่ปิดอนุสาวรีย์ชัยฯ

ขณะเดียวกัน ภายหลังที่แกนนำ นปช. เพิ่มมาตรการกดดันรัฐบาลประกาศยุทธศาสตร์ดาวกระจายตามสถานที่สำคัญต่างๆทั่วกรุงเทพฯนั้น โดยหลังจากดาวกระจายไปพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ได้มีกลุ่มคนขับรถแท็กซี่นับร้อย คันเคลื่อนขบวนมาปิดล้อมบริเวณแยกอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทั้ง 4 ด้าน จนทำให้การจราจรเป็นอัมพาตทั่วกรุง เนื่องจากเป็นเส้นทางหลักที่สามารถเชื่อมต่อไปถนนต่างๆได้หลายเส้นทาง โดยกลุ่มผู้ชุมนุมประกาศว่าจะชุมนุมยืดเยื้อไม่ยอมเปิดเส้นทางการจราจรจนกว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และให้เวลาถึง 16.00 น. วันที่ 9 เม.ย. ตามที่แกนนำประกาศไว้ก่อนหน้านี้

สภาประชาธิปไตยฯขู่ล่าอภิสิทธิ์

ส่วนที่เวทีปราศรัยที่ทำเนียบฯ มีการประกาศให้ ผู้ชุมนุมบางส่วน ที่ยังอยู่หน้าทำเนียบฯเตรียมพร้อมรับมือเพราะมีข่าวว่า จะมีทหารบุกจับตัวแกนนำ นปช.ที่หลังเวทีปราศรัย หากนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ถูกควบคุมตัวคนเสื้อแดงนับล้านทั่วประเทศจะรวมตัวกันทันที จากนั้นได้มีการประกาศขอกำลังผู้ชุมนุม 500 คน เดินทางไปสนับสนุนกลุ่มแท็กซี่เนื่องจากเกรงว่าอาจถูกสลายการชุมนุม ในเวลา 15.30 น. ที่หลังเวทีปราศรัยทำเนียบฯ นาย สิริวิชญ์ พิมพ์กลาง ประธานสภาประชาธิปไตย นายสหรัษ นนทมา เลขาธิการสภาฯ นายพิเชษฐ ที่ปรึกษาฯ ร่วมแถลงผลการประชุมของเครือข่ายสมาชิก 68 จังหวัดจากทั้งหมด 76 จังหวัด ว่าแกนนำเสื้อแดงกดดันรัฐบาลมานาน แต่ยังไม่สำเร็จ สภาประชาชนฯซึ่งมีสมาชิกทั่วประเทศประมาณ 7-8 หมื่นคนจะดำเนินการเชิงรุกกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ยังเพิกเฉยกับปัญหาและมีการท้าทาย ถ้ายังยืดเยื้อต่อไปจะเกิดความเสียหายมากขึ้น โดยมีมติร่วมกันกดดันให้นายอภิสิทธิ์ลาออกโดยไม่มีเงื่อนไขหรือเจอตัวที่ไหนให้สมาชิกปิดล้อมควบคุมตัวเพื่อให้ลาออกตามข้อเรียกร้อง ที่ต้องทำแบบนี้เพราะอยู่เฉยไม่ได้ ต้องทำให้เด็ดขาดและจะตั้งหน่วยไล่ล่า 1 พันคน มีนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง เป็นหัวหน้าชุดออกติดตามนายอภิสิทธิ์ไปทุกที่ เจอที่ไหนจับตัวที่นั่นทันที เป้าหมายอยู่ที่นายกฯ แต่ถ้าเจอรัฐมนตรีคนอื่นก็ถือเป็นผลพลอยได้ เมื่อจับได้แล้วต้องยุบสภาเท่านั้น

เพิ่มตำรวจตรึงหน้าบ้านป๋า

อย่างไรก็ตาม หลังจากกลุ่มคนเสื้อแดงเคลื่อนพลไปปิดถนนรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิจนการจราจรเป็นอัมพาตแล้ว บรรยากาศที่เวทีปราศรัยหน้าบ้านสี่เสาฯ ได้เพิ่มดีกรีความร้อนแรงขึ้นมาอีกครั้ง โดยแกนนำคนเสื้อแดง ได้ประกาศระดมพลให้มาชุมนุมอยู่ตลอดเวลา ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย ด้วยการเสริมกำลังตำรวจตระเวนชายแดน จาก กพ.ตชด.21 ค่ายสุรินทรภักดี จ.สุรินทร์ จำนวน 1 กองร้อยมายืนประชิด ตลอดแนวกำแพงบ้าน พล.อ.เปรม โดยมีตำรวจนครบาลพร้อมโล่ ยืนเรียงแถวหน้ากระดานอยู่ด้านหน้า เตรียมพร้อม รับมือหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ที่อาจจะมีกลุ่มเสื้อแดงบุกเข้าไปภายในบ้านสี่เสาฯ ขณะเดียวกันผู้ชุมนุมบางคนได้นำพวงหรีดมาวางไว้ที่หน้าบ้านพัก พล.อ.เปรม พร้อมกับจุดธูปทำพิธีสาปแช่งขอให้มีอันเป็นไป และในเวลา 15.15 น. เกิดฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ผู้ชุมนุม ต่างแตกกระเจิงวิ่งหลบฝนกันจ้าละหวั่น บนเวทีต้องหยุดการปราศรัยไปชั่วขณะ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องยืนหยัดทำหน้าที่ ต้องใช้วิธียกโล่พลาสติกขึ้นมาเป็นที่กำบังฝน นอกจากนี้การจราจรโดยรอบบริเวณที่ชุมนุมได้ติดขัดอย่างหนัก จนผู้ใช้รถถึงกับต้องลดกระจกออกมาตะโกนด่าทอกลุ่มคนเสื้อแดงด้วยความไม่พอใจ

สั่งสลายม็อบบ้านสี่เสาฯ

เวลา 15.30 น. นพ.เหวง โตจิราการ และนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำ นปช. ได้ขึ้นประกาศบนเวทีที่หน้าบ้านสี่เสาฯ สั่งสลายการชุมนุมและให้เดินทางไปสมทบกับคนเสื้อแดงที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมรีบเก็บข้าวของ เคลื่อนขบวนด้วยการเดินเท้ามุ่งหน้าไปยังอนุสาวรีย์ฯ โดยมีรถปราศรัยเคลื่อนที่นำขบวนไปอย่างช้าๆ ขบวนคนเสื้อแดงได้เคลื่อนมาตามถนนศรีอยุธยา ผ่านวัดเบญจมบพิตร โดยมี นพ.เหวง โตจิราการ นายจักรภพ เพ็ญแข และนายสุพร อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน แกนนำ นปช.อยู่บนเวทีเคลื่อนที่คอยสั่งการ ขบวนได้หยุดที่หน้าวัดเบญจฯ โดย นพ.เหวงและนายจักรภพลงจากรถแจ้งว่า จะไปแถลงข่าวที่เวทีใหญ่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ก่อนที่ขบวนจะมุ่งหน้าผ่านถนนสวรรคโลก แยกพญาไท ผ่านหน้ากระทรวงการต่างประเทศ เลี้ยวซ้ายเข้าสู่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตลอดสองข้างทางที่ขบวนเคลื่อนผ่าน มีประชาชนนำตีนตบมาเขย่าให้ กำลังใจพร้อมกับส่งเสียงเชียร์ ขณะที่มีขบวนมอเตอร์ไซค์ ของกลุ่มคนเสื้อแดงนับร้อยคัน คอยเป็นแนวหน้าเปิดทางให้ขบวนผ่านได้อย่างสะดวก โดยที่ตำรวจไม่กล้าขัดขวางแต่อย่างใด

ตะโกนไล่อภิสิทธิ์ลั่นถนน

หลังจากขบวนคนเสื้อแดงเดินมาถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ บรรดาแท็กซี่ที่ปิดล้อมอยู่ได้เปิดทางให้ขบวนคนเสื้อแดงเข้ามาชุมนุมในถนนโดยรอบ ก่อนที่รถขบวนจะวนรอบอนุสาวรีย์ 3 รอบ พร้อมกับประกาศชัยชนะว่าเราได้ยึดประเทศไทยไว้แล้วและตะโกนขับไล่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้ลาออกไป สร้างความครึกครื้นแก่ชาวเสื้อแดง จากนั้นรถปราศรัยเคลื่อนที่ได้ตั้งจอดนิ่งเพื่อเวทีปราศรัยที่บริเวณถนนด้านหน้า รพ.ราชวิถี

บันทึกภาพกลุ่มแท็กซี่เล่นงานย้อนหลัง

พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น. ดูแลงานด้านจราจร กล่าวว่า การปิดถนนถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายจราจร ได้ให้เจ้าหน้าที่บันทึกภาพและรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดแล้ว และได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก บก.จร. และจราจรกลางเข้ามาเสริมในพื้นที่ พร้อมเตรียมรถยกจำนวน 14 คัน ไว้รอบนอก หากต้องมีการเคลื่อนย้ายรถที่จอดกีดขวางการจราจร แต่เชื่อว่าสถานการณ์จะไม่รุนแรง เบื้องต้นจะใช้วิธีเจรจากับแกนนำกลุ่มก่อน หากไม่ได้ผลก็ต้องดำเนินการขั้นต่อไป อาจเป็นการผลักดันแต่พยายามจะไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้น ขณะที่ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเบื้องต้นยังเป็นเรื่องของการทำผิดกฎหมายจราจร ต้องให้หน่วยงานจราจรเข้าไปจัดการ ในส่วนของ บก.น.1 ก็ได้จัดกำลังเสริมทั้งในและนอกเครื่องแบบมาดูแลกลุ่มผู้ชุมนุม

สุเทพสั่งใช้รถยกเคลียร์พื้นที่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ พล.ต.ต.ภาณุกำลังแก้ไขปัญหาการจราจรที่ติดขัดอย่างหนักเนื่องจากกลุ่มแท็กซี่ปิดถนนรอบอนุสาวรีย์ชัยฯนั้น ปรากฏว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ดูแลงานความมั่นคง โทรศัพท์เข้ามาสอบถาม พล.ต.ต.ภาณุว่า มีรถยกของตำรวจอยู่ในพื้นที่ และสามารถเคลื่อนย้ายรถแท็กซี่ของกลุ่มผู้ชุมนุมให้ออกจากพื้นที่ได้หรือไม่ พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวตอบว่า มีรถยกเตรียมพร้อมไว้รอบนอกแล้ว แต่ไม่สามารถยกรถของกลุ่มผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ได้ เพราะจะทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้น จนเกิดเหตุการณ์บานปลายได้

หมอวอนผู้ชุมนุมเปิดทางให้ผู้ป่วย

นพ.ชาตรี เจริญชีวะกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กล่าวเมื่อเย็นวันที่ 9 เม.ย. ว่า ได้ประสานงานกับ ผอ.รพ.ราชวิถี รพ.รามาฯ รพ.พระมงกุฎฯ ให้เตรียมความพร้อมในการให้บริการการแพทย์ฉุกเฉิน รวมทั้ง อำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วย และญาติของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลทั้ง 3 แห่ง อีกทั้งกระทรวงสาธารณสุขได้ขอความร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร และ รพ.จุฬาฯ ในการจัดเตรียมรถพยาบาลฉุกเฉินกว่า 20 คัน ไว้รอบๆ บริเวณดังกล่าว และเตรียมเฮลิคอปเตอร์ไว้ 2 ลำ จากโรงพยาบาลตำรวจ และโรงพยาบาลกรุงเทพ รองรับกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน จากสภาพการจราจรที่ติดขัดทำให้การขนย้ายผู้ป่วยประสบความลำบากโดยเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉิน ขณะที่รองศาสตราจารย์นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ รอง ผอ.รพ.รามาฯ เผยว่า การปิดถนนกระทบต่อการส่งต่อผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉิน พร้อมกันนี้ได้ขอความร่วมมือผู้ชุมนุมช่วยเมตตาเปิดทางให้หน่วยแพทย์และพยาบาล รวมทั้งผู้ป่วยที่จะเข้ารักษาตามโรงพยาบาลต่างๆ

รถติดหนักลามถึงนอกกรุง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่มีการปิดการจราจรตั้งแต่ เวลา 14.00 น. ถนนรอบอนุสาวรีย์ชัยฯ ทั้ง 4 ด้าน จากถนนดินแดง พหลโยธิน ราชวิถี และพญาไท ทำให้สภาพการจราจรในช่วงเย็นติดขัดอย่างหนัก โดยฝั่งถนนดินแดง ติดขัดต่อเนื่องจากถนนอโศกดินแดง-พระราม 9 ไปถึงถนนมอเตอร์เวย์ สายกรุงเทพฯ-ชลบุรี ขณะที่ถนนพหลโยธิน สภาพการจราจรวุ่นวายไม่แพ้กัน รถติดลามจากสนามเป้า-สะพานควาย ต่อเนื่องถึงบางเขน ด้านฝั่งถนนราชวิถี ติดขัดอย่างหนักจากแยกตึกชัย ต่อเนื่องข้ามสะพานซังฮี้ ถนนสิรินธร บรมราชชนนี รวมทั้งทางคู่ขนานลอยฟ้า ตลิ่งชัน ส่วนถนนพญาไท รถติดต่อเนื่องถนนพระราม 1 แยกปทุมวัน เข้าถนนพระราม 4 เจริญกรุง เยาวราช ส่งผลต่อรถจากฝั่งธนบุรี ไม่สามารถข้ามมาฝั่งพระนครได้สะดวก จากสภาพถนนสายหลักทั้ง 4 ทำให้รถติดขัดต่อเนื่องไปถนนข้างเคียง โดยเฉพาะถนนรัชดาภิเษก เกิดล็อกเป็นวงแหวน รถไม่เคลื่อนตัวหยุดนิ่ง รวมถึงถนนวิภาวดีฯ ติดขัดสะสมจากดินแดง-สุทธิสาร ดอนเมืองไปถึงรังสิต ขณะที่การจราจรบนทางด่วนต่างได้รับผลกระทบตามไปด้วย เนื่องจากรถจากทางด่วนลงพื้นราบไม่ได้หลายจุด

วิทยุชุมชนแท็กซี่ประกาศชัยชนะ

เวลา 16.00 น. ผู้ดำเนินรายการวิทยุชุมชนคนรักแท็กซี่ คลื่น 92.75 และ 107.5 ได้ประกาศชัยชนะของ มวลมหาประชาชนคนเสื้อแดง ที่สามารถยึดพื้นที่ กทม. ได้เป็นผลสำเร็จ สกัดกั้นไม่ให้ตำรวจและทหารสลายการชุมนุม พร้อมกับประกาศเชิญชวนให้ประชาชนที่สนับสนุนคนเสื้อแดงทยอยเข้ามาชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ส่วนใครที่จะบริจาคอาหารและน้ำดื่มให้บริจาคได้ที่พื้นที่ การชุมนุมทำเนียบรัฐบาล นอกจากนี้ ยังได้ประกาศเตือนให้ผู้ชุมนุมที่รับฟังทางคลื่นวิทยุดังกล่าวให้ระวังเจ้าหน้าที่ทหารใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุม เนื่องจากได้รับรายงานว่ามีการเบิกแก๊สน้ำตาจากคลังสรรพาวุธของทั้งตำรวจและทหารไปแล้วกว่า 500 ลูก ผู้ดำเนินรายการยังกล่าวอีกว่า ขอความร่วมมือพี่น้องคนแท็กซี่ช่วยกันนำรถแท็กซี่ไปปิดการจราจรที่สามแยกพระโขนง-พระราม 4 เนื่องจากขณะนี้มีแท็กซี่จำนวนหนึ่งเดินทางไปแล้ว นอกจากนี้ มีรายงานด้วยว่าจะมีคนเสื้อแดงอีกจำนวนหนึ่งเดินทางไปปิดการจราจรที่ต่างระดับพระราม 2 ย่านบางขุนเทียนและบริเวณเชิงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าด้วย

มวลชนเสื้อแดงจาก ตจว.แห่สมทบ

ภายหลังจากที่คนเสื้อแดงยึดพื้นที่โดยรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้สำเร็จ ได้มีการทยอยนำมวลชนคนเสื้อแดงกลุ่มต่างๆ เดินทางมาสมทบ อาทิ จากจังหวัดสมุทรปราการ จันทบุรี สุรินทร์ แม่ฮ่องสอน อ่างทอง นครปฐม และสมุทรสาคร ฯลฯ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลที่ติดตามการชุมนุมมาโดยตลอดได้รายงานจำนวนผู้ชุมนุมเบื้องต้นมีไม่ต่ำกว่าหมื่นคน และยิ่งช่วงเย็นกลุ่มผู้ชุมนุมต่างเดินทางมาจากทุกสารทิศจนบริเวณ รอบอนุสาวรีย์ชัยฯ เต็มไปด้วยคนสีแดงแน่นท้องถนนทั้ง 4 มุม ทำให้การจราจรเป็นอัมพาตรถราติดขัดยาวเหยียด

กระจายไปปิดอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

อีกด้าน เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. กลุ่มม็อบเสื้อแดงประมาณ 2 พันคน นำโดย ร.ต.เกริก ส่งเสริม เดินเท้าจากทำเนียบรัฐบาลมุ่งหน้าไปที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน พร้อมปิดการจราจรที่แยกผ่านฟ้าและสี่แยกคอกวัว ทำให้รถที่มาจากสะพานสมเด็จ พระปิ่นเกล้า รวมทั้งรถที่มาจากถนนราชดำเนินนอก และถนนหลานหลวง ไม่สามารถเคลื่อนตัวผ่านไปได้ จากนั้น ร.ต.เกริกได้ขึ้นปราศรัยกล่าวโจมตีประธานองคมนตรี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ และนายกรัฐมนตรี เป็นระยะๆ โดยมี พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.6 พร้อมกำลังตำรวจ 1 กองร้อย คอยดูแลความสงบ ทั้งนี้ พล.ต.ต.วิทยาพยายามเข้าไปเจรจาให้กลุ่มคนเสื้อแดงเปิดการจราจรแต่ไม่เป็นผล ขณะที่แกนนำม็อบเสื้อแดง ร้องขอให้ตำรวจช่วยดูแลความปลอดภัย เนื่องจากบริเวณดังกล่าวใกล้ท่าพระอาทิตย์ ที่ทำการของเอเอสทีวี จึงเกรงว่าจะถูกกลุ่มม็อบเสื้อเหลืองทำร้าย

ฮ.ตำรวจบินดูสถานการณ์

เวลา 17.55 น. ขณะที่แกนนำ นปช.กำลังปราศรัยอย่างดุเดือดอยู่ที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมินั้น เฮลิคอปเตอร์ของกองบินตำรวจ 1 ลำ มาบินวนสังเกตการณ์รอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กลุ่มผู้ชุมนุมเห็นเข้าต่างพากันโห่ร้องขับไล่ จากนั้นเวลา 18.00 น. หลังจากที่กลุ่มคนเสื้อแดงยืนตรงเคารพธงชาติแล้ว ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักเป็นครั้งที่ 2 ในรอบวัน ทำให้ผู้ชุมนุมบางส่วนต้องวิ่งหลบฝนเข้าไปตามร้านค้ารอบอนุสาวรีย์กันจ้าละหวั่น แต่ยังมีบางส่วนยืนฟังคำปราศรัยกลางสายฝนอย่างไม่สะทกสะท้าน ส่วนผู้โดยสารที่รอรถเมล์ ซึ่งตกค้างบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ได้แห่ขึ้นไปใช้บริการรถไฟฟ้าที่สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิกันแน่นขนัด เมื่อรถไฟฟ้าแต่ละขบวนมาจอด ผู้โดยสารต่างพากันเบียดเสียดแย่งกันขึ้นรถจนแน่นทุกเที่ยว ขณะที่สถานีใกล้เคียงคือสถานีพญาไท ราชเทวี สยาม ก็คับคั่งไปด้วยผู้โดยสารที่ไม่สามารถเข้าไปในขบวนรถได้ เนื่องจากมีผู้โดยสารจำนวนมาก ตั้งแต่สถานีก่อนหน้านี้ โดยผู้โดยสารส่วนใหญ่แสดงความไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บางส่วนต้องเดินเท้าออกไปเพื่อไปต่อรถที่สถานีอื่นๆ

ขู่ปิดถนนมีโทษจำคุก 5 ปี

ที่ บช.น. เวลา 18.00 น. พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ โฆษก บช.น. กล่าวว่า ผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนไปชุมนุมที่กระทรวงการต่างประเทศ ศาลรัฐธรรมนูญ กองบัญชาการกองทัพบก และพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนกลุ่มชมรมคนรักแท็กซี่ ได้นำรถมาปิดตามแยกอนุสาวรีย์ชัยฯ ซึ่งมีผลกระทบต่อการจราจรเป็นอย่างมาก ขณะนี้ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น. เข้าไปควบคุมดูแล ระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรทุก สน.และตำรวจโครงการพระราชดำริ มาช่วยกันระบายรถให้เลี่ยงไปเส้นทางอื่น ขณะเดียวกัน บช.น. ออกประกาศฉบับที่ 2 เตือนผู้นำรถแท็กซี่ที่มาจอดปิดถนนพหลโยธิน ถนนวิภาวดีฯ และบริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯ ว่าเป็นความผิด มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เมื่อถามว่าต้องใช้กำลังทหารเข้ามาช่วยเหลือหรือไม่ โฆษก บช.น.ตอบว่าตำรวจยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ อยากจะขอร้องผู้ชุมนุมให้งดการกระทำที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อประชาชนโดยรวม ตำรวจได้บันทึกภาพเก็บรายละเอียดของการกระทำไว้หมด

คาดการณ์แม่นเสื้อแดงปิดจราจร

ส่วนความเคลื่อนไหวของนายอภิสิทธิ์นั้น เวลาประมาณ 14.45 น. เมื่อนายอภิสิทธิ์เดินทางไปถึงโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ต พัทยา พบมีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอารักขาความปลอดภัย พร้อมรถฉีดน้ำและรถคุมขับคอยประจำการ โดยมีการปิดถนนภายในตัวเมืองพัทยาที่ขบวนรถนายกฯผ่านตลอดเส้นทาง ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ได้ไปตรวจความพร้อมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน กับคู่เจรจาที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 10-12 เม.ย.นี้ โดยรับฟังรายงานจาก ผบช.ภ.2 นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การปิดการจราจรหลายจุดใน กทม.ของกลุ่มคนเสื้อแดงโดยเฉพาะบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิว่า เจ้าหน้าที่กำลังดูแลอยู่ และได้ทราบข่าวว่าจะเกิดเหตุลักษณะดังกล่าวมาตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย.แล้ว อย่างไรก็ตาม ชุดติดตามนายกฯ ได้สั่งการให้ขบวนรถนายกฯทุกคันออกไปเติมน้ำมันให้เต็มถัง

เครียดรีบเผ่นกลัวถูกม็อบบล็อก

เวลา 15.40 น. ภายหลังได้รับรายงานสถานการณ์ วิกฤติใน กทม.และการประกาศของแกนนำให้ระดมคนเสื้อแดงในจังหวัดภาคตะวันออกไปปิดทางเข้า-ออกของโรงแรมประชุมอาเซียน นายอภิสิทธิ์ได้สั่งยกเลิกการประชุม ครม.เศรษฐกิจ และรีบออกเดินทางจากโรงแรมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด โดยไม่แจ้งจุดหมายปลายทาง และยังมีการเสริมกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกนับ 10 นาย โดยใช้รถตู้ร่วมขบวนอีก 3 คัน โดยขบวนรถนายกฯ ได้ใช้ความเร็วสูงอย่างเร่งรีบไปตามเส้นทางถนนชลบุรี-กทม.แต่เมื่อขบวนรถมาถึงช่วง อ.พนัสนิคม รถตำรวจทางหลวงนำขบวนชะลอ และสกัดขบวนรถสื่อมวลชนไม่ให้ติดตาม อย่างไรก็ตาม มีรถของสื่อมวลชนบางคันสามารถติดตามไปได้ทัน

เข้าค่ายทหารเกาะติดสถานการณ์

กระทั่งเวลา 16.30 น. ขบวนรถนายกฯเดินทางเข้าไปยังค่ายนวมินทราชินี กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ (ทหารเสือราชินี) จ.ชลบุรี เพื่อติดตามสถานการณ์ โดยมีนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ติดตามมาด้วย ท่ามกลางกำลังทหารพร้อมอาวุธครบมืออารักขา ทั้งนี้ ก่อนเข้าอาคาร นายอภิสิทธิ์มีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด และไม่ยอมตอบข้อซักถามใดๆ

ขึ้น ฮ.กลับ กทม.แถลงผ่านเอ็นบีที

เวลา 17.40 น. นายอภิสิทธิ์ได้เดินออกจากอาคารกองบังคับการกรมทหารราบที่ 21 ท่ามกลางการอารักขาของทหารเสือราชินีในชุดสนามลายพราง แต่ไม่ติดอาวุธที่พากันเดินรุมล้อมตัวนายอภิสิทธิ์ เพื่อไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เบล 412 ของ ทบ.กลับ กทม. ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ยังมีสีหน้าที่เคร่งเครียด โดยกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า จะไปแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ สั่งเปลี่ยนเป็นสถานีวิทยุ-โทรทัศน์แห่งประเทศไทย (สทท.) แต่ยังไม่รู้เวลาเมื่อ ถามว่า จำเป็นต้องออก พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่ต้องออก จากนั้นนายอภิสิทธิ์ พร้อมด้วยนายนิพนธ์ และนายปณิธานได้พากันขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เบล 412 ทันที โดยมีเฮลิคอปเตอร์อีกลำหนึ่งบินคุ้มกัน โดยไม่ได้แจ้งที่หมายลงจอดที่ใด

เสื้อแดงดัก อภิสิทธิ์หน้ากรมประชาฯ

กลุ่มคนเสื้อแดงกว่า 1,000 คน พร้อมรถ จยย.และรถกระบะนับ 10 คัน เดินทางมาชุมนุมที่หน้าสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ถนนวิภาวดีรังสิต หลังทราบข่าวว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาออกรายการสด แถลงถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้การจราจรติดขัดอย่างมาก ทั้งนี้มีตำรวจจาก บก.น.2 สังเกตการณ์อยู่ภายในสถานีเพื่อรักษาความปลอดภัยจำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ไม่ได้เดินทางเข้ามาตามกำหนดนัดหมาย แต่กลุ่มคนเสื้อแดงยังไม่สลายตัว ปักหลักอยู่หน้าทางเข้าด้านถนนวิภาวดีรังสิต พร้อมตะโกนขับไล่รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ตลอดเวลา

เวลาไล่เลี่ยกันกลุ่มคนเสื้อแดงอีกกลุ่มประมาณ 1,000 คน ที่กำลังเดินทางไปสมทบกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่หน้าสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ได้เข้าปิดด่านเก็บเงินทางด่วนดินแดง เพราะไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ทางด่วนไม่ยอมเปิดไฟสปอตไลต์ 3 ดวง บริเวณใต้ทางด่วน เพื่ออำนวยความสะดวกและป้องกันความปลอดภัย แต่ภายหลังปิดด่านเก็บเงินประมาณ 30 นาที แกนนำ นปช.ได้สั่งให้กลุ่มผู้ชุมนุมเปิดทางด่วนดินแดงเหมือนเดิม และกลับไปสมทบกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทำให้การจราจรคลี่คลายลงได้

ขออภัยประชาชนที่เดือดร้อน

ในส่วนความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบฯ หลังแกนนำ นปช.สลายเวทีปราศรัยที่หน้าสี่เสาฯแล้ว เวลา 17.00 น. นายณัฐวุฒิขึ้นเวทีปราศรัยเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ พร้อมประกาศต่อผู้ชุมนุมเสื้อแดงและผู้รับชมสถานีดีสเตชั่นว่า ขณะนี้คนเสื้อแดงที่กระจายไปสถานที่สำคัญๆต่างๆ ต่างทยอยไปรวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิแล้ว พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่กลุ่มแท็กซี่ไปปิดล้อมอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และประกาศขออภัยผู้ที่ไม่ได้รับความสะดวก โดยระบุว่าคนเสื้อแดงไม่สามารถทิ้งพี่น้องที่มีจุดยืนในการต่อสู้ร่วมกันได้ จึงต้องยกขบวนไปสนับสนุน จากนั้นก็ท้าทายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ว่าถ้าจะเอารถเครนมายกแท็กซี่คงต้องยกไปปักบนฐานแหลมอนุสาวรีย์ ส่วนการปิดการจราจรที่อนุสาวรีย์นั้นก็เพื่อเปิดทางให้ประชาธิปไตย หลังประกาศผู้ชุมนุมก็ส่งเสียงเฮเสียงดังกึกก้อง

แถลงการณ์ฉบับ 2โค่น อภิสิทธิ์

จากนั้นเวลา 17.06 น. มีการดีเดย์ประกาศยกระดับมาตรการชุมนุม โดยนายวีระ มุสิกพงศ์ อ่านแถลงการณ์มวลมหาประชาชนคนเสื้อแดงฉบับที่ 2 ว่า ไม่ยอมรับรัฐบาลที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ และการกระทำใดๆของมวลชนคนเสื้อแดงต่อไปนี้ ถือเป็นการทำหน้าที่ของพลเมืองในการใช้สิทธิอันชอบธรรม เพื่อต่อต้านรัฐบาลที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและข้อเรียกร้อง 3 ประการในแถลงการณ์ฉบับที่ 1 ยังดำรงอยู่ นายวีระได้ อ่านประกาศแถลงการณ์ฉบับ 2 ย้ำถึง 2 รอบ โดยย้ำว่าโปรดฟังอีกครั้ง ท่ามกลางเหล่ามวลชนคนเสื้อแดงส่งเสียงตะโกนโห่ร้องขับไล่รัฐบาลเสียงดังกึกก้อง นายวีระยังขยายความในแถลงการณ์ฉบับล่าสุดนี้ด้วยว่า ในการประชุมสุดยอดอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา วันที่ 10 เม.ย. ที่พัทยา ยังไม่ทราบว่าจะมีประเทศไหนเข้าร่วมประชุมด้วยหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้คนเสื้อแดงได้เดินสายไปยื่นหนังสือชี้แจงกับสถานทูตต่างๆ ในประเทศไทยไปแล้วถึงความไม่ชอบธรรมของรัฐบาล และอาจมีการชวนประชาชนงดจ่ายภาษีให้รัฐบาล เพื่อรอจ่ายให้รัฐบาลชุดหน้า

ยอมรับไม่ใช่แผนแค่ไปช่วยหนุน

เวลาไล่เลี่ยกัน นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายจักรภพ เพ็ญแข แถลงพร้อมกันที่หลังเวทีสะพานชมัยมรุเชฐ โดยนายจตุพรกล่าวว่า การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงครั้งนี้ นำไปสู่สิ่งที่เป็นเรื่องยากที่จะดำเนินการ เพราะเรายึดถือสันติในความเคลื่อนไหวมาตลอด แต่ตอนนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ได้ตอบปฏิเสธข้อเรียกร้องของคนเสื้อแดงมาก่อน ตั้งแต่ยังไม่ครบเส้นตาย 24 ชั่วโมงที่ขัดไว้ จึงทดสอบการเริ่มมาตรการรุนแรงมากขึ้น ตั้งแต่การเคลื่อนขบวนไปที่พรรคประชาธิปัตย์ ศาลรัฐธรรมนูญ ฯลฯ และเมื่อกลุ่มเพื่อนแท็กซี่เห็นว่า ข้อเรียกร้องไม่ได้รับการตอบสนอง จึงใช้วิธีไปปิดอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แม้กลุ่มแท็กซี่ซึ่งได้ตัดสินใจไปก่อน แต่ก็ได้ร่วมต่อสู้กับคนเสื้อแดงมาตั้งแต่ต้น แกนนำจึงร่วมในการปิดล้อมครั้งนี้ด้วย พร้อมเรียกร้องให้มวลชนที่อยู่ใกล้เข้าไปร่วมสนับสนุน

ทักษิณอารมณ์ดีร้องเพลงเปิดฉาก

ในเวลา 20.24 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปรากฏตัวตามนัด ทักทายผู้ชุมนุมผ่านระบบวีดิโอลิงค์ โดยอดีตนายกฯ เปิดฉากด้วยการร้องเพลง เล่าสู่กันฟัง ของเบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ ที่ร้องว่า ฝนที่ตกทางโน้นหนาวถึงคนทางนี้ยังอยากได้ยินทุกเรื่องราว จากนั้นก็บอกว่า ที่ร้องเพราะวันนี้นั่งดูมิวสิกวีดิโออยู่ ตรงกับที่เป็นอยู่ตอนนี้ วันนี้ได้ข่าวว่าโดนฝนเทียม และเมื่อคืนก็นอนบนถนนกัน ต้องมองให้เป็นอีกมุมหนึ่ง ว่าในชีวิตพี่น้องไม่สามารถนอนบนถนนได้ แต่วันนี้มานอนบนถนน ไม่ใช่มานอนเพราะเราตกทุกข์ได้ยาก แต่เรามา นอนเพราะเรียกร้องอนาคตให้ลูกหลานเรา ฉะนั้นคนจะไปนอนคฤหาสน์ใหญ่อย่างไร ก็ไม่สามารถสร้างประวัติ-ศาสตร์ได้ ประวัติศาสตร์ครั้งนี้จะเป็นประวัติศาสตร์สำคัญของประเทศไทย ถ้าพี่น้องมารวมกันแบบนี้ยังไม่สามารถทำประชาธิปไตยให้เป็นประชาธิปไตยของประชาชนได้ แล้ว ก็ไม่มีอีกแล้ว หลายทศวรรษมาแล้ว เราอยู่บนประ-ชาธิปไตยเพื่ออำมาตย์ ไม่ใช่ประชาธิปไตยเพื่อประชาชน

ขอโทษคนกรุงที่เดือดร้อนถูกปิดถนน

อดีตนายกฯกล่าวว่า วันนี้ได้รับแจ้งว่าพี่น้องแท็กซี่ ได้ไปปิดการจราจรที่อนุสาวรีย์ โดยที่ไม่มีใครสั่ง ผมต้องขออภัยแก่พี่น้องที่ใช้รถใช้ถนนใน กทม.ที่ไม่ได้รับความสะดวก แต่ไม่สะดวกครั้งนี้เป็นการไม่สะดวกเพื่ออนาคตลูกหลานข้างหน้า ทนกันซักนิด ไม่กี่วันเพื่ออนาคตที่ยาวนานของเรา เราทนสุกๆดิบๆกับประชาธิปไตยมาหลายสิบปีแล้ว ทำไมจะทนกับความไม่สบายไม่สะดวกไม่กี่วัน ตนรู้ว่าประชาชนไปไกลล่วงหน้ากว่าเราเยอะ เขาใจร้อน ซึ่งตนได้รับโทรศัพท์จากประชาชน จ.หนองคาย อุดร อุบล เชียงใหม่ ลำพูน และพี่น้องต่างจังหวัดที่อยู่ใน กทม. ต่างคนต่างบอกว่าทำไมช้าจัง สปิริตของพี่น้องแท็กซี่ ลองนึกถึงลุงนวมทองดู ที่ยอมเสียสละชีวิตเพื่อประชาธิปไตยดู วันนี้พี่น้องแท็กซี่ยอมทำผิดกฎหมายจราจร เพราะอยากบอกพี่น้องที่กรุงเทพว่า มาร่วมกันนำประชาธิปไตยเพื่อประชาชนให้เกิดขึ้นจริงเถิด

ยกเป็นการต่อสู้ครั้งประวัติศาสตร์

อดีตนายกฯกล่าวว่า มีคนหนึ่งโทร.มาเล่าให้ตนฟัง เขาบอกว่าไปซื้อของ แต่คนขายของบอกว่าอยากจะปิดร้านอยากมาร่วมกับเสื้อแดง รู้มั้ยว่าประชาชนวันนี้เขาอึดอัดมาก การต่อสู้วันนี้ ขอให้คนที่ไม่ได้ร่วมต่อสู้ เข้าใจว่า มันเป็นการต่อสู้ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ เพื่อถอนรากถอนโคนปฏิวัติ 19 ก.ย. เพื่อให้เป็นการปฏิวัติครั้งสุดท้ายของประเทศไทย เพื่อให้รัฐธรรมนูญ ปี 40 เป็นรัฐธรรมนูญสุดท้าย ที่ถูกฉีกโดยทหาร และเป็นการถอนรากถอนโคนอำมาตย์ผู้อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติ เพราะฉะนั้นต่อไปนี้การปฏิวัติต้องไม่เกิดขึ้น เพราะถือว่าอำนาจของประชาชนสูงสุด ต้องไม่มีอำนาจอื่นใดมาเหนือกว่าอำนาจประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศอีกแล้ว

ลั่นแพ้ไม่ได้ต้องชนะเพื่อชาติ

วันนี้เราแพ้ไม่ได้เราต้องชนะ ถ้าเราแพ้ประเทศไทย ประชาชนแพ้ อนาคตประเทศไทยและลูกหลานไม่มีความแน่นอน เราต้องต่อสู้โดยสันติ ไม่ยึดสถานที่ราชการ สมัยที่ตนเป็นนายกฯ สีเหลืองบุกเข้าทำเนียบรัฐบาล เพราะมีอำมาตย์ และพรรคประชาธิปัตย์หนุนหลังอยู่ แต่วันนี้เรารักสันติ เราต้องการต่อสู้แบบสันติ เพื่อบอกกับชาวโลกให้รู้ว่ารัฐบาลนี้ไม่มีความชอบธรรมที่จะเป็นรัฐบาลต่อไป เราจะบอกพี่น้องประชาชนว่า ขอให้ท่านเสียสละความไม่สะดวกสบายให้เราบ้าง แล้วในที่สุดเมื่อประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยเพื่อประชาชนแล้ว ท่านคือประชาชนคนหนึ่ง ท่านได้ประโยชน์แน่นอนจะมีลูกหลานอีกชั่วคนก็จะได้ประโยชน์ในอนาคต ประเทศเราล้าหลังมานานเราแพ้ประเทศแล้วประเทศเล่า จนต้องมาแข่งกับเวียดนาม ถ้าปล่อยไว้เราก็ต้องแพ้อีก แล้วคนไทยก็ต้องจนต่อไปแล้วมีหนี้สินที่ชำระไม่ได้ พอกันทีสำหรับประเทศไทย ที่มีคนจน ปล่อยให้มีหนี้สินที่ชำระไม่ได้ แล้วปล่อยให้ พวกอำมาตย์สบายๆแบบนี้

ฉะมาร์คเป็นนายกฯเพราะปล้นเขามา

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า ยังมีความทรงจำช่วงที่ไทยรักไทยเป็นรัฐบาลได้หรือไม่ ตอนนั้นอำมาตย์ยังครอบงำ แต่พี่น้องให้คะแนนเสียงตนมากมายจนสามารถทำงานให้พี่น้องได้เต็มที่ แต่ถ้าเราจะได้รัฐธรรมนูญใหม่ที่อำมาตย์ที่ไม่ครอบงำ พี่น้องคิดดูว่าจะมีความสุขมากกว่าช่วงไทยรักไทยมากแค่ไหน ประเทศชาติจะมีศักดิ์มีศรี แค่ไหน อดทนกันอีกไม่กี่วัน พี่น้องทหารตำรวจ กระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าฯทั้งหลาย หัดซื่อบื้อหน่อย ได้รับแจ้งมาว่าผู้ว่าฯหนองคาย ตัดไฟที่ศาลากลาง พี่น้องข้าราชการทั้งหลายวันนี้ประชาชนเขามาด้วยความบริสุทธิ์ เขาอยากเห็นประชาชนธิปไตยเพื่อประชาชน ถ้าประชาธิปไตยเพื่ออำมาตย์ เขาต้องไปรอรับความเห็นใจจากอำมาตย์ ต้องรอบอกว่า ท่านนายกฯอภิสิทธิ์เป็นนายกฯที่ดี เป็นโชคดีของประเทศไทย ความจริงนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯที่เหมือนผลไม้ที่มาจากต้นไม้ที่เป็นพิษ ก็คุณปล้นทุกอย่างฝืนเจตนาของประชาชน และมีอำมาตย์มีอภิสิทธิ์ชนใน กทม.บอกว่าอย่ามายุ่งตอนนี้ ปล่อยให้เขาแก้ปัญหาก่อน ถ้ามีสปิริตจริงยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ ประชาชนอาจเลือกเข้ามาเพราะหล่อ ถ้าวันนี้ยังดื้อแบบนี้ เสียดายอนาคต

ให้อนุพงษ์ขอให้อภิสิทธิ์ลาออก

วันนี้เราจะสู้กันแบบสันติ แม้จะยกไปขัดขวางตรงนั้นตรงนี้บ้าง แต่เราไม่ทำลายทรัพย์สิน ไม่บุกไปสถานที่ราชการ ถ้าผิดก็ผิดกฎหมายจราจร เรื่องเล็ก พี่ น้องทหารตำรวจ อย่าใช้แก๊สน้ำตา อย่าใช้อาวุธ กับประชาชนผู้บริสุทธิ์ ถึงแม้วันนี้เราจะไม่มีเส้น เราจะนำมาการเอียงมันผิด อย่าเอียง อนาคตที่สดใสของประเทศไทย และลูกหลานเราคว้าได้หรือไม่ มันอยู่แค่เอื้อมอยู่ แล้ว เราต้องอดทนสู้ต่อไปอย่ายอมแพ้ครับพ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณก็กล่าวถึง พล.อ.อนุพงษ์ ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนไม่เห็นมาบอกให้นายอภิสิทธิ์ลาออกเลย แล้ว ผบ.เหล่าทัพ ตอนนายกฯสมชายอยู่ มาออกทีวีขอให้ลาออก แบบนี้เขาเรียกว่าอิทธิพลของอำมาตย์เช่นกัน ตกลงนายอภิสิทธิ์จะเป็นรัฐบาลของอำมาตย์หรือของประชาชนกันแน่ ถ้าอยากเป็นรัฐบาลของประชาชนในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยุบสภาไปเลือกตั้งใหม่ มีโอกาส

ลั่นสู้ไม่ถอยจนกว่าจะได้ ปชต.

อดีตนายกฯกล่าวว่า พี่น้องต่างจังหวัดบอกจะผลัดเปลี่ยนเวรมา เขาโทร.มาบอกตน เช่นเดียวกับประชาชนที่ กทม. เพื่อให้คนแน่นแบบนี้ต่อไป บอกชาวโลกให้รู้ว่าเราสู้ไม่ถอย จนกว่าเราจะได้มาเพื่อประชาธิปไตยเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง รัฐธรรมนูญฉบับปี 50 ให้อำนาจอำมาตย์ ลองคิดดู เอาคนหยิบมือไม่กี่คน แต่งตั้ง ส.ว.มาครึ่งหนึ่ง และ ส.ว.มีสิทธิ์ถอดถอนคนที่มาจากการเลือกตั้ง แล้วก็ตั้งองค์กรอิสระ ไปยุบพรรคการเมือง ไปถอดถอนคนที่มาจากประชาชนบ้าง ไม่สนใจอำนาจประชาชนเลย เราทวงคืนอำนาจของประชาชนมาเลย ได้ข่าวว่ามีทหารคนหนึ่งบอกว่า ที่พวกเราทำอยู่เป็นวิธีการคอมมิวนิสต์ ตอนนี้คอมมิวนิสต์มีแต่ชื่อ ดูอย่างประเทศจีนว่าเป็นทุนนิยมขนาดไหน

วอนขอความยุติธรรมในแผ่นดินไทย

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า คนที่สนับสนุนแนวคิดของอำมาตย์เป็นคนที่ไม่ยอมรับความเปลี่ยนแปลงของโลก ดูถูกเสียงส่วนใหญ่ ของผู้ใช้แรงงาน ชาวไร่ชาวนาว่าเป็นเสียงที่ไม่มีคุณภาพ สู้พวกอำมาตย์ไม่ได้ แต่สำหรับตนหนึ่งเสียงเท่ากัน และต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ การแบ่งขั้วทางการเมือง ทำให้เกิดการแบ่งแยก เพราะไม่เข้าใจอุดมการณ์ที่แท้จริงของประชาธิปไตย ถ้าทุกฝ่ายเข้าใจจะไม่เป็นแบบนี้อีกเด็ดขาด ถ้าประชาธิปไตยเป็นของประชาชนเพื่อประชาชน เคารพเจตนารมณ์ของประชาชนส่วนใหญ่ ขอให้ทุกคนเข้าใจอุดมการณ์ประชาธิปไตยที่แท้จริง แล้วจะเห็นว่าพวกเราแม้ใส่สีแดง แต่เราต่อสู้ให้ทุกคนที่เป็นคนไทย อยู่ใต้ร่มพระบารมีของพระเจ้าอยู่หัว เราไม่ได้บอกว่าต่อสู้มาแล้ว เสื้อแดงขอคุมทั้งหมด ไม่ใช่เลย วันนี้เราไม่เคยต่อสู้ว่า อภิสิทธิ์ออกไป แล้วเอาวีระเป็นนายกฯไม่ใช่เลย เรากำลังต่อสู้เพื่อเห็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง มีความเสมอภาค มีความยุติธรรมในแผ่นดินไทย ไม่ใช่ต้องฟังอำมาตย์ อำมาตย์ไม่เห็นด้วยก็ไปไม่ได้ เพราะอำมาตย์บางคนไม่ทันโลกแล้ว บางคนไม่มีลูกมีหลานก็ไม่ห่วงอนาคต

ให้ทุกคนร่วมใจเดินสู่เป้าหมาย

อดีตนายกฯ กล่าวว่า วันนี้เรามารวมกัน มีทั้งคนจน คนรวย คนแก่ หนุ่มสาว และเด็กเยาวชน เราจะเดินไปด้วยกัน เพื่อเป้าหมายที่ดีของลูกหลาน ต้องขอส่งท้ายด้วยคำพูดของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ว่าเราทำได้ แล้วไม่มีโอกาสไหนในประวัติศาสตร์ไทยอีกแล้ว ที่จะทำได้แบบนี้ อย่าปล่อยให้โอกาสหลุดมือไป พี่น้องมาเยอะอย่างนี้ การเปลี่ยนแปลงหลายครั้งที่ผ่านมาน้อยกว่านี้ เมื่อมาเยอะแบบนี้แล้วมีกองหนุนอยู่จังหวัดต่างๆ แล้วจะเปลี่ยนไม่ได้ให้มันรู้ไป เราเปลี่ยนเพื่อประชาชนทั้งแผ่นดิน เราจะเป็นประชาชนผู้จงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัว ตลอดไป ใครไม่สบาย ใครเหนื่อย ใครล้า ชวนเพื่อนมาเปลี่ยนแล้วกลับไปพัก เสร็จแล้วกลับมา สู้ใหม่ เราต้องไม่ถอย มีแต่บุก ถ้าครั้งนี้ใช้กำลังปราบปราม ทั้งที่ประชาชนมาสันติ พี่น้องครับเราจะลุกขึ้นทั้งประเทศ แล้วเราจะเดินกันทุกสาย ไม่ว่าจะเป็นรถอีแต๋น รถปิกอัพ รถเก๋ง รถบรรทุก ทุกสายจะเดินเข้ากรุงเทพฯให้หมด แล้วจะมีผมอยู่ตรงนั้นด้วย ปล้นอำนาจไปจากประชาชนตั้งแต่ 19 กันยาแล้ว ยังไม่พอ ยังปล้นเขาอีกครั้งหนึ่ง มันไม่มากไปหน่อยหรือ

เตือนอภิสิทธิ์อย่าหลงคำยอป๋า

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า พี่น้องที่กรุงเทพฯ อยู่พัทยา ทนความอึดอัดนิดเดียว ประเทศไทยจะดีกว่าช่วงที่ตนอยู่อีกเยอะ อยู่ๆปฏิวัติ พี่น้องลำบาก มีทุกข์จน คนเป็นหนี้ไม่รู้จะใช้หนี้อย่างไร อยู่ๆก็เป็นแบบนี้ ประชาชนจึงคิดถึงความสุขตอนที่ตนอยู่ แต่ถ้าได้ประชาธิปไตยที่แท้จริงกลับคืนมา จะมีความสุขกว่าที่ตนอยู่อีกเยอะ ตนเดินทางรอบโลกเห็นหมดแล้ว และพร้อมที่จะให้คำแนะนำนายกฯคนใหม่ที่มาจากประชาชน ถ้าทำไม่ได้ตนจะช่วย แต่ไม่ได้ขอให้สู้เพื่อตน แต่ขอให้สู้เพื่อลูกหลานตัวเอง ขอให้เชิญชวนกันมา อย่าเบา อย่าแผ่ว เพราะเขาดูถูกเราเหลือเกินว่า ปล่อยเดี๋ยวก็แห้งไปเอง แสดงให้รู้หน่อยยิ่งอยู่ยิ่งแน่น ยิ่งคึก เราจะคว้าประชาธิปไตยของประชาชนได้แล้ว เหลือแต่ว่าถ้านายอภิสิทธิ์ เป็นนักประชาธิปไตย ไม่หลงคำยอป๋าเปรม ก็ยุบสภาแล้วเลือกตั้งกันใหม่ อนาคตยังอีกไกล

แท็กซี่ไปชุมนุมด้วยใจไม่มีจ้าง

จากนั้นอดีตนายกฯได้ถามกลับมายังเวทีปราศรัยว่า มีอะไรจะให้พูดทำความเข้าใจกับประชาชนหรือไม่ นายวีระกล่าวตอบไปว่า วันนี้เราจะพูดว่าจะอยู่ไปให้มาร์คแห้งไปเอง อดีตนายกฯกล่าวว่าไม่มีอะไรที่เกินมือเรา เราจะยืนหยัดและลุกขึ้นมาสู้ด้วยพลังในหัวใจของเรา ที่สำคัญขอย้ำอีกครั้งว่า ประชาชนที่โวยเรื่องรถติดต้องถือว่าท่านเสียสละ แม้ท่านมาร่วมไม่ได้ ความจริงแล้ว ตนไม่ได้สั่ง เพราะไม่ได้ติดต่อพี่น้องแท็กซี่ แต่เขาไปเองเขาทนไม่ไหว ล้ำหน้าพวกเราไปเสียอีก ตนไม่รู้ทางทีมงานทำอย่างไร แต่คงมีแผน และหลีกเลี่ยงการทำผิดกฎหมายเพราะไม่มีเส้น

อภิสิทธิ์ออกรายการสดแจงเรื่องม็อบ

ต่อมาเวลา 21.20 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ออกรายการสดผ่านทีวีรวมการเฉพาะกิจ ชี้แจงถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา มีโอกาสพบปะกับพี่น้องประชาชนเพื่อที่จะบอกว่า รัฐบาลได้ประเมินสถานการณ์และเตรียมการในเรื่องการชุมนุมใหญ่ ซึ่งมีการประกาศว่าจะมีการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย. อยากจะขอใช้เวลาเพื่อให้รับทราบถึงสถานการณ์ เหตุผล จุดยืนของรัฐบาลและการดำเนินการของรัฐบาลต่อไป เพื่อความเข้าใจและมีความมั่นใจในแนวทางต่างๆ ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ เรียนว่าเมื่อวันที่ 8 เม.ย. หลังจากที่ได้มีการจัดให้มีการชุมนุมใหญ่ทางการเมือง มีพี่น้องประชาชนเข้ามาชุมนุมทางการเมืองประมาณ 1 แสนคน ได้ย้ำมาตลอดว่าผู้ที่มาชุมนุม สามารถที่จะใช้สิทธิเสรีภาพภายใต้ขอบเขตของรัฐธรรมนูญและกฎหมายได้ ถือว่าประชาชนที่มาจำนวนมาก ก็มีข้อเรียกร้องหรือมีเหตุผลที่จะมาแสดงออก

ปัดข้อเรียกร้องไม่สมเหตุสมผล

นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า ได้พูดตลอดเวลาว่าเรื่องหลักการประชาธิปไตยนั้น เป็นสิ่งที่สนับสนุน แต่หลังจากที่ชุมนุมไปแล้ว มีการเสนอข้อเรียกร้องออกมาเบื้องต้น 3 ข้อ มีการกำหนดเส้นตายว่าจะต้องได้รับการตอบสนองภายใน 4 โมงเย็นของวันที่ 9 เม.ย. อยากจะเรียนว่าข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อนั้น มีความสับสนอย่างมาก ไม่ได้นำไปสู่เรื่องของการที่จะได้ประชาธิปไตย หรือการปฏิรูประบบ การเมืองการปกครองอย่างที่ควร เช่น การไปตั้งข้อเรียกร้อง ที่เกี่ยวข้องกับท่านประธานองคมนตรี หรือท่านองคมนตรี เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ต้องย้ำว่า เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เป็นเรื่องที่มีความพยายามที่จะขยายวงความขัดแย้งทางการเมืองไปสู่สถาบันที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ไปสู่เรื่องของตัวบุคคลที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง และไม่ได้มีส่วน เกี่ยวข้องทางการเมือง มีความพยายามที่จะขยายผลต่อไปด้วย ซึ่งจะกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของประเทศ

ให้ยุบสภาไม่เหมาะตอนนี้

นายกฯกล่าวต่อว่า ส่วนข้อเรียกร้องในเรื่องของตนเองนั้น ขอย้ำอีกครั้งว่าการตัดสินใจของในเรื่องเหล่านี้ จะอยู่บนพื้นฐานของประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ ที่จริงก่อนหน้านี้นั้นมีข้อเรียกร้องให้ตนยุบสภา ตนได้มีโอกาสชี้แจง รวมทั้งชี้แจงต่อสื่อต่างประเทศด้วยว่า การยุบสภาถือว่าเป็นการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีที่สามารถจะทำได้ในระบบรัฐสภา แต่การยุบสภาในภาวะเช่นนี้ คงไม่เหมาะอย่างยิ่งกับสถานการณ์ คือ คงไม่นำไปสู่การเลือกตั้งที่จะส่งเสริมภาพลักษณ์ของประชาธิปไตย เพราะเห็นได้ชัดว่ายังมีกลุ่มบุคคลจำนวนมาก มีการดำเนินการเคลื่อนไหวในลักษณะของการขัดขวางไม่ให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมในทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ข่มขู่ คุกคามในเรื่องของการใช้ความรุนแรงต่อพรรคการเมือง ซึ่งมีความคิดความอ่านไม่ตรงกับตัวเอง

ยุบสภาจะซ้ำเติมภาพลักษณ์ประเทศ

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า อยากให้ประชาชนนึกภาพว่า ถ้ายุบสภาภายใต้บรรยากาศการประกาศการเคลื่อนไหวเช่นนี้ สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาของชาวโลก ไม่ใช่เรื่องของกระบวนการประชาธิปไตย แต่จะนำไปสู่ภาพลักษณ์ของความวุ่นวาย ของความไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะการข่มขู่คุกคามจำกัดสิทธิของการเคลื่อนไหวของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับตัวเอง ขัดกับหลักประชาธิปไตยอย่างชัดแจ้ง หากเกิดความรุนแรงขึ้นช่วงการเลือกตั้ง จะเป็นการซ้ำเติม ภาพลักษณ์ประชาธิปไตยของประเทศอย่างรุนแรง ได้ย้ำมาตลอดว่าในแง่การเมือง การพัฒนาประชาธิปไตย การยุบสภาคงไม่เหมาะสมในช่วงนี้ ที่สำคัญขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงของการแก้ไขปัญหา ที่มีความสำคัญต่อพี่น้องประชาชนและในฐานะประธานของอาเซียน งานในเรื่องของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งกำลังเดินหน้าไปอย่างชัดแจ้ง การจัดการประชุมสุดยอดผู้นำของอาเซียนบวกกับประเทศคู่เจรจาที่กำลังจะมีขึ้นในช่วง 3 วันข้างหน้านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นการเสริมความเชื่อมั่น ล้วนแล้วแต่เป็นมาตรการสำคัญที่จะทำให้ประเทศชาติเดินต่อไปได้ หากมีการยุบสภาขึ้นในขณะนี้ สิ่งต่างๆเหล่านี้ก็ต้องหยุดชะงักลง

ออกแล้วเลือกกลับมาก็เหมือนเดิม

นายกฯกล่าวอีกว่า เมื่อมีการยืนยันชัดเจนอย่างนี้ ข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมก็เปลี่ยนมาเป็นเรื่องของการลาออก ตรงนี้มีความสับสนมาก หากตัดสินใจลาออก สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือสภาผู้แทนราษฎรก็จะต้องมีการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ วันนี้พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลทุกพรรคยังยืนยันทำงานร่วมกันเหมือนเดิม ถ้ามีการลาออกแล้วเลือกนายกรัฐมนตรีเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง แล้วพรรคการเมืองต่างๆ เขาก็ตัดสินใจที่จะทำงานร่วมกันต่อ เลือกผมกลับเข้าเป็นนายกรัฐมนตรี เราก็กลับมาสู่สถานการณ์อย่างเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง ฉะนั้น อยากจะเรียนว่าข้อเรียกร้องไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับองคมนตรีก็ดี หรือตัวผมเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของการที่จะได้มาซึ่งประชาธิปไตยที่มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

ชี้ 3 ข้อเรียกร้องสร้างความสับสน

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ฟังเสียงของพี่น้องที่มาชุมนุมกันถึงแสน ในข้อเรียกร้องข้อที่สาม คือ ความปรารถนา ที่จะเห็นระบอบประชาธิปไตยในการพัฒนาต่อไป ขณะนี้ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการเปิดโอกาส ให้รัฐสภาเปิดกว้างให้ฝ่ายต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการ การปฏิรูปทางการเมือง เพื่อปรับปรุงกติกา รัฐธรรมนูญ กฎหมายต่างๆ ให้มี ความเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น ถ้าดำเนินการไปตามนั้น เราจะสามารถพิจารณาได้อย่างเหมาะสมต่อไปว่า การตัดสินใจในทางการเมืองของผม เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ควรจะเป็นอย่างไร เชื่อว่าพี่น้องประชาชนจะเริ่มเข้าใจว่า การผสมผสานข้อเรียกร้องข้อที่สาม ซึ่งมีเหตุมีผล แต่ว่าไม่มีรายละเอียดว่าจะดำเนินการอย่างไร เข้ากับข้อ 1 ข้อ 2 เป็นความพยายามที่จะสร้างความสับสนทางการเมืองมากกว่า แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือว่าขีดเส้นตายเอาไว้ โดยไม่มีเหตุผลชัดเจนว่า ทำไมจะต้องขีดเส้นตายกัน พร้อมกันนั้น นายกรัฐมนตรียังกล่าวด้วยว่า ให้วันที่ 10 เมษายน เป็นวันหยุดราชการเพิ่มอีกวัน

ธนาคารไม่หยุดวันที่ 10 เม.ย.

อย่างไรก็ตาม จากการที่นายกรัฐมนตรีออกมาประกาศให้วันที่ 10 เม.ย. 52 เป็นวันหยุดราชการนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารพาณิชย์ยังคงดำเนินการตามปกติ ไม่ประกาศให้เป็นวันหยุด เนื่องจากมีความจำเป็นในการดูแลระบบการเบิกและถอนเงินของประชาชน เพราะตามปกติแล้วหากธนาคารพาณิชย์จะหยุดทำการ ต้องมีการสำรองเงินในเอทีเอ็ม รวมทั้งปรับระบบการหักบัญชีสำหรับการติดต่อรับจ่ายเงินระหว่างประเทศก่อน หากธนาคารพาณิชย์ใดเห็นว่ามีสาขาอยู่ในจุดเสี่ยง หรืออยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินก็ตัดสินใจให้สาขาเหล่านั้นปิดทำการได้ โดยให้แจ้งเรื่องกลับมายังแบงก์ชาติภายในวันพรุ่งนี้