ที่มา Thai E-News
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
7 เมษายน 2552
การรวมตัวกันของกลุ่ม"สยามสามัคคี"จึงไม่มีอะไรที่ล่อนจ้อนไปกว่าใบเสร็จคำสารภาพกลางเมืองว่า ฝ่ายอำนาจนิยมขวาจัด กองทัพ นักวิชาการขวาตกขอบ ได้สมคบคิดกับสื่อมวลชนในการคร่าทำลายประชาธิปไตยมาแล้วอย่างไร และกำลังย่ำยีบ้านเมือง ขัดขวางความก้าวหน้าของฝ่ายประชาชนเพียงไหน
พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)และอดีตสนช. สร้างความฮือฮาเมื่อวานนี้ เมื่อมีการประกาศมอบรางวัลเงิน 1 ล้านบาท เป็นค่าหัวให้กลุ่มบุคคลที่สามารถนำพ.ต.ท.ทักษิณมาดำเนินการตามกฎหมายได้
คงไม่มีใครแปลกใจว่าพล.อ.สมเจตน์เป็นใคร ก่อกรรมทำเข็ญให้บ้านเมืองมาอย่างไรในการก่อการรัฐประหาร19กันยาฯ แต่ที่น่าประหลาดคือใครคือ"กลุ่มสยามสามัคคี"ที่พล.อ.สมเจตน์ใช้เป็นร่างออกมาแถลงเมื่อวานนี้ โปรดตรวจสอบรายชื่อก็จะพบดังนี้
พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ,พล.อ.ภาษิต สนธิขันธ์ พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ ข้าราชการทหารบำนาญ นายสมชาย แสวงการ นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายวรินทร์ เทียมจรัส นายคำนูณ สิทธิสมาน นายไพบูลย์ นิติตะวัน นายสาย กังกะเวคิน น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ พญ.พรพันธุ์ บุณยรัตนพันธุ์ ดร.นิลวรรณ เพชระบูรณิร ส.ว. ดร.สุจิตรา ธนานันท์ นักวิชาการสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) นายทวี สุรฤทธิกุล นายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช นพ.พลเดช ปิ่นประทีป อดีตรมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นพ.สมบูรณ์ ทศบวร แนวร่วมแพทย์ พยาบาลเพื่อประชาธิปไตย นายปริญญา ศิริสารการ นักวิชาการอิสระ นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม นักสื่อสารมวลชน นายปารเมศร์ รัชไชยบุญ อดีตนายกสมาคมธุรกิจแห่งประเทศไทย
หากตรวจดูถี่ๆก็คือกลุ่มที่เคยสมคบคิดกันทำรัฐประหาร19กันยา ได้ผลประโยชน์จากการรัฐประหารครั้งนั้น จำแนกเป็นทหาร จำแนกเป็นนักวิชาการขวาตกขอบ ที่สำคัญจำแนกเป็นสื่ออย่างนายคำนูญ สิทธิสมาน มือขวาของสนธิ ลิ้มทองกุล แห่งค่ายผู้จัดการ และหัวโจกโจรก่อการร้ายพันธมิตร(คำนูณได้รางวัลจากคณะรัฐประหารให้เป็นสนช. และเป็นสว.ลากตั้ง)
ที่สำคัญมีสมชาย แสวงการ อดีตนายกสมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ที่มีสายสัมพันธ์แน่นหนึบกับสำราญ รอดเพชร โฆษกเวทีพันธมิตร (สมชายได้รางวัลจากคณะรัฐประหารให้เป็นสนช.และสว.ลากตั้ง)
ประการสำคัญมีสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ผู้ก่อตั้งสำนักข่าวไอเอ็นเอ็น และสหศินิมา ผู้ใกล้ชิดอย่างยิ่งกับดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตรยิ์
การรวมตัวกันของกลุ่ม"สยามสามัคคี"จึงไม่มีอะไรที่ล่อนจ้อนไปกว่าใบเสร็จคำสารภาพกลางเมืองว่า ฝ่ายอำนาจนิยมขวาจัด กองทัพ นักวิชาการขวาตกขอบ ได้สมคบคิดกับสื่อมวลชนในการคร่าทำลายประชาธิปไตยมาแล้วอย่างไร และกำลังย่ำยีบ้านเมือง ขัดขวางความก้าวหน้าของฝ่ายประชาชนเพียงไหน
และนี่เป็นสิ่งที่ประชาชนไทยอย่าพึงหวังว่าสื่อกระแสหลักของไทยยังจะมีจรรยาบรรณ มีความเป็นกลาง และเป็นที่พึ่งของฝ่ายประชาธิปไตย
