ที่มา Thai E-News
โดย คุณ อัคนี คคนัมพร
ที่มา เวบไซต์ โลกวันนี้
9 เมษายน 2552
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตอบปฏิเสธข้อเรียกร้องของ “มวลมหาประชาชนคนเสื้อแดง” ผ่านสื่อ ตามแบบฉบับของผู้ดีตีนแดงตะแคงตีนเดิน
ข้อเรียกร้องของมวลชนคนเสื้อแดงในครั้งนี้ มีสาระ 3 ประการคือ
1.ให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ลาออกจากตำแหน่งองคมนตรี
2.ให้นายอภิสิทธิ์ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
3.คนเสื้อแดงยืนยันการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งหมายความถึงระบบรัฐสภาที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน แต่มีข้อแม้ว่า การปฏิรูปการเมืองหรือการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ต้องใช้คนที่เป็นนักประชาธิปไตยเท่านั้น จะใช้นักประชาธิปไตยปลอมไม่ได้
ข้อเรียกร้องข้อ 1 นั้น นายอภิสิทธิ์ไม่เกี่ยวอยู่แล้ว จึงไม่ต้องตอบ
แต่ข้อ 2 และข้อ 3 เขาหลีกเลี่ยงไม่ได้
นายอภิสิทธิ์ตอบข้อ 2 ว่า จะไม่ลาออกตามคำเรียกร้อง เพราะยังต้องทำงานแก้ปัญหาประเทศชาติต่อไป
เรื่องนี้ผู้เขียนเห็นว่า เป็นเรื่องเข้าใจได้ เพราะเหตุว่า นายอภิสิทธิ์มองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีประเทศไทยเหมือนเด็กมองของเล่นที่แสนปรารถนา ครั้นได้มาแล้ว ก็ย่อมหวงแหน ไม่ยอมยกให้ใคร และจะไม่ยอมให้ใครยื้อแย่งเอาไปได้เป็นอันขาด
ความข้อนี้ยืนยันได้ จากการที่นายอภิสิทธิ์ไม่สนใจคำว่า “ความชอบธรรม” ของการเข้าสู่อำนาจ เช่นเดียวกับนายชวน หลีกภัย ก็ไม่เคยสนใจคำนี้ ในวันที่เข้าสู่อำนาจในปี พ.ศ. 2540 นั่นเอง
ดังนั้น เมื่อไม่สนใจวิธีการเข้าสู่อำนาจแล้ว ก็ย่อมไม่สนใจเสียงขับไล่ของประชาชน เพราะถือว่า คนส่วนใหญ่ ซึ่งยังเงียบอยู่ ย่อมมีจำนวนมากกว่า
ตรรกะข้อนี้ของชาวประชาธิปัตย์ เพิ่งเกิดขึ้นประมาณ 20 ปีนี้เอง
ข้อเรียกร้องข้อที่ 2 นี้ นายอภิสิทธิ์แสยะยิ้มอย่างเย้ยหยัน ตอบว่าเป็นข้อเรียกร้องที่สับสน เพราะก่อนหน้านี้คนเสื้อแดงเคยเรียกร้องให้ยุบสภา (ข้อเรียกร้องจากการชุมนุมครั้ง 24 ก.พ. 52) แต่มาครั้งนี้ กลับเรียกร้องให้ลาออก แสดงว่าผู้เรียกร้องเอง ยังสับสนทางความคิด
ผู้เขียนติดตามการชุมนุมของคนเสื้อแดงมาโดยตลอด ดังที่เคยบอกกับท่านผู้อ่านไว้แล้ว จึงสามารถอธิบายได้ว่า ถูกต้องแล้ว ที่การชุมนุมครั้งก่อน มีการเรียกร้องให้ยุบสภา แต่ครั้งนั้นนายกฯปฏิเสธ ดังนั้น การกลับมาคราวนี้ จึงเรียกร้องให้นายกฯลาออก ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว ไม่มีอะไรสับสน
สงสัยว่า นายอภิสิทธิ์นั้นเอง จะมีความสับสน เพราะพูดเหมือนกับว่า ต้องการให้คนเสื้อแดงเรียกร้องซ้ำซาก
ข้อเรียกร้องในข้อ 3 มีประเด็นที่น่าสนใจอยู่ข้อหนึ่ง เพราะคนเสื้อแดงยืนยันการปกครองระบอบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และย้ำว่า หากจะมีการปรับปรุงกลไกภายในระบอบ ต้องปรึกษาหารือกัน ในระหว่างนักประชาธิปไตย ผู้มีประวัติและพฤติกรรมเชิดชูประชาธิปไตย เป็นที่ประจักษ์
ความข้อนี้ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า การปฏิรูปการเมืองนั้น เปิดกว้างอยู่แล้ว ถ้าอยากเข้าร่วมก็มาร่วมได้เช่นเดียวกับข้อ 2
ผู้เขียนเห็นว่า เรื่องนี้นายอภิสิทธิ์สับสนมาก เพราะคนเสื้อแดงเรียกร้องให้ปฏิรูปการเมือง ซึ่งรวมทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า จะต้องใช้บุคลากรที่เป็นนักประชาธิปไตยที่แท้จริงเท่านั้น ไม่ใช่เอานักประชาธิปไตยปลอมไปทำ!
เฉพาะอย่างยิ่งนักวิชาการ นักการเมืองที่เคยรับใช้เผด็จการ คมช. ย่อมไม่ใช่นักประชาธิปไตยแท้จริง หากเอาคนพวกนี้มาใช้แบบเปิดกว้าง ย่อมทำให้ได้ประชาธิปไตยปลอมมาอีก
ข้อ 3 นี้นายอภิสิทธิ์ไม่เข้าใจ หรือแกล้งไม่เข้าใจ เลยทำให้ตัวเองสับสนหนักขึ้นไปอีก
คนดวงกำลังตกก็จะมีลักษณะเช่นนี้แหละครับ คือพุทธิ ปัญญามันจะดับไปก่อน