ที่มา thaifreenews
บทความโดย...ลูกชาวนาไทย
ลุเข้าสู่ศักราช 2552 ความขัดแย้งทางการเมืองไทยที่ครุกกรุ่นมานานกว่า 3 ปีแล้ว ก็เข้าสู่สภาวะสงครามกลางเมืองที่ไม่ได้มีการประกาศเรียบร้อย แม้ว่าจะยังไม่ได้มีการถืออาวุธเข้าแถวยิ่งกันแบบในหนังเรื่อง Gettysburg ช่วงสงครามกลางเมืองสหรัฐ
แต่ก็ถือได้ว่านี่เป็นสงครามกลางเมืองแล้วระหว่าง พรรคสีเหลือง กับพรรคสีแดง
พรรค สีเหลือง ตามที่บีบีซีนิยามใน Q&A คือ พวกนิยมเจ้า ทหาร และนักธุรกิจชั้นสูง ส่วนพรรคสีแดงคือ คนยากจนในประเทศที่สนับสนุนทักษิณชินวัตร รวมทั้งชนชั้นอื่น ๆ ที่ Pro-democracy
ตอนนี้ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ไม่มีทางที่ฝ่ายใดจะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งหายไปจากแผ่นดินได้ กว่าจะถึงจุดที่มีการเจรจากัน คงต้องต่อสู้กันจนอ่อนล้านั่นแหละ
มี คนถามผมว่า จุดไหนคือ จุดที่จะยอมมีการเจรจา หรือการ "ปลด พล.อ.เป รม" ออกจากตำแหน่ง ผมตอบเท้าความในประวัติศาสตร์จีนแล้ว ผมสรุปว่าคือ "จุดที่ฮ้องเต้ยอมประหารสนมหยางกุยเฟย"
ทำไมถึงเป็นจุดนี้ ในประวัติศาสตร์จีน หยางกุ้ยเฟย คือหญิงงามหนึ่งในสี่ในประวัติศาสตร์จีน เป็นสนมเอกของฮ้องเต้จีนหลังยุคบูเซ้กเทียน ที่ฮ้องเต้โปรดปรานมาก แต่นางมี่ชีวิตฟุ้มเฟือยให้ญาติเข้ามามีอำนาจในราชสำนัก จนแผ่นดินเดือดร้อนเป็นไฟ ใครจะเผ็ดทูลฮ้องเต้อย่างไรก็ไม่เชื่อ ราษฎรโกรธแค้นหยางกุ้ยเฟยมาก (เหมือนขันทีเฒ่าเมืองไทยขณะนี้) สุดท้ายเกิดกบถ จนยึดเมืองได้ ฮ้องเต้ต้องหนีจนไปตกอยู่ในที่ล้อม ทหารองครักษ์ที่ตามมาก็ไม่อยากรบช่วย เพราะเกลียดหยางกุ้ยเฟย และตั้งเงื่อนไขว่า หากไม่ประหารนาง ก็จะไม่รบ สุดท้ายฮ้องเต้ต้องประหารสนมสุดรัก เพื่อเอาชีวิตรอด
หากไม่จวนตัวอย่างนั้น อยู่ในสถานการณ์แบบนั้นก็คงไม่ยอมลดฐิษถิง่ายๆ
เมืองไทยขณะนี้กำลังพัฒนาไปสู่จุดนั้น ยิ่งกระทำการใดๆ เพื่อทำลายล้างอีกฝ่ายหนึ่ง สถานการณ์ยิ่งทรุดหนักลงไปเรื่อยๆ
สุดท้ายตอนนี้มีสภาพเหมือน "ขุนโดนรุก" ขยับไม่ได้แม้แต่น้อย
การ เข้าสลายม็อบเสื้อแดงขณะนี้ไม่มีทางทำได้อย่างแน่นอน การใช้กำลังก่อกวน เช่นม็อบชนม็อบแบบม็อบสีฟ้าของเนวิน ก็เห็นผลชัดเจนแล้วว่า ทำให้สถานการณ์เลวร้ายไปยิ่งกว่าเดิม สุดท้าย "อาเซียนซัมมิท" ก็ล้มไม่เป็นท่า
ตอนนี้ จะปิด D-Station จะล้อมปราบ
หากยังคิดอย่างนี้อยู่ เตรียมตัวรับกับสภาพสงครามกลางเมืองได้เลยครับ