ที่มา มติชน นายพร้อมพงศ์กล่าวอีกว่า ได้ทำผลสำรวจจุดดีจุดด้อยของรัฐบาลเพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ โดยได้ 7 ยอดแย่ คือ 1.เป็นรัฐบาลที่แล้งน้ำใจที่สุด ซึ่งได้คะแนนถึง 9 เต็ม 10 จากกรณีที่ประชาชนเดือดร้อนตามแนวชายแดนเกิดปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา มีประชาชนและทหารบาดเจ็บล้มตาย ประชาชนอพยพออกมาจากพื้นที่กว่า 4 หมื่นคน แต่นายอภิสิทธิ์กลับไม่เคยลงพื้นที่เลยสักวินาทีเดียว และกรณีส่งนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่ชายแดนจนถูกจับ แต่นายอภิสิทธิ์กลับไปฉลองปีใหม่ที่ทีลอซู 2.เป็นยุคที่ข้าวยากหมากแพงที่สุด โดยได้ 10 คะแนนเต็ม เกิดการกักตุนสินค้า ประชาชนเดือดร้อน 3.ออกนโยบายได้โหลยโท่ยที่สุด โดยเฉพาะนโยบายประชาวิวัฒน์ขายไข่เป็นกิโลแล้วยังใช้งบประมาณแผ่นดินจ้างบริษัทเอกชนมาคิดนโยบายนี้กว่า 70 ล้านบาท เรื่องนี้รัฐบาลได้คะแนน 8.5 "4.นายกฯปกปิดสัญชาติของตัวเองได้นานที่สุด ได้คะแนนถึง 9.4 ปิดบังว่าถือ 2 สัญชาติมานานกว่า 40 ปี และเป็นนายกฯคนแรกที่ถือ 2 สัญชาติ 5.สร้างหนี้มากที่สุด ได้คะแนน 9.3 โดยรัฐบาลบริหารประเทศกว่า 2 ปี สร้างหนี้ถึง 1.1 ล้านล้านบาท ทำให้หนี้มวลรวมสูงถึง 4.5 ล้านล้านบาท เกือบจะ 50 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ทำให้ประชาชนที่เกิดมาทุกคนมีหนี้ทันทีกว่า 7 หมื่นบาท 6.เป็นยุคที่เกิดความแตกแยกมากที่สุด 10 คะแนนเต็ม มีการแบ่งสี แบ่งพวก ใช้กำลังสลายการชุมนุมของประชาชนจนเสียชีวิต 91 ศพ บาดเจ็บกว่า 2 พันคน และ 7.ทุจริตมากที่สุด 9.7 คะแนน เป็นทั้ง ครม.สวาปาล์ม และมีข้อมูลการหักเปอร์เซ็นต์จากผู้รับเหมา 25-30 เปอร์เซ็นต์" นายพร้อมพงศ์กล่าว นายพร้อมพงศ์กล่าวอีกว่า สำหรับจุดแข็งของรัฐบาลมี 2 เรื่อง คือ 1.สร้างภาพทางการเมืองมากที่สุด ได้คะแนน 9 คะแนน เหมือนอย่างที่นายกฯออกรายการเชื่อมั่นประเทศไทย แล้วสร้างภาพว่าไปตรวจราคาสินค้าตามตลาด ซึ่งถือว่าความรู้สึกช้าที่สุด แล้วยังโยนบาปว่าราคาสินค้าแพงเพราะแพงกันทั่วโลก และ 2.เส้นใหญ่ที่สุดได้คะแนน 9.9 คะแนน ถ้าเป็นรัฐบาลอื่นหากเจอปัญหาอย่างนี้ก็อยู่ไม่ได้แล้ว แต่นี่เป็นเพราะมีเส้นใหญ่ มีปัญหาสารพัดเรื่องก็ยังไม่ไป
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงเมื่อวันที่ 6 มีนาคม ถึงการเลื่อนวันอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า จากเดิมรัฐบาลกำหนดให้อภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 9-13 มีนาคม แต่ก็เลื่อนไปจนสุดท้ายยังไม่ทราบว่าจะเป็นวันที่ 15-18 มีนาคมหรือไม่ เพราะมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลพยายามที่จะเลื่อนเป็นช่วงปลายเดือนมีนาคม ให้ใกล้กับช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อไม่ให้ประชาชนสนใจมากนัก และเป็นการยื้อเกมเพื่อล้วงข้อมูลจากฝ่ายค้าน จึงขอเรียกร้องให้นายกฯในฐานะผู้นำฝ่ายบริหาร พูดคุยกับประธานสภาผู้แทนฯโดยตรง เพื่อกำหนดวันอภิปรายให้ชัดเจน