ที่มา thaifreenews
โดย bozo
“ประพันธ์” ชี้ รบ.ช่วย “ฟิลลิป มอร์ริส” ทำประเทศเสียหายยิ่งกว่า
“แม้ว” ขายหุ้นให้เทมาเส็ก
“ประพันธ์” แฉ “ฟิลลิป มอร์ริส” วิ่งเต้นล้มคดีหนีภาษีมาตลอดตั้งแต่สมัย “แม้ว” แต่ไม่เคยสำเร็จ
เพราะเป็นธุรกิจบาปและเป็นเรื่องใหญ่จึงไม่มีใครกล้ารับ
แต่นึกไม่ถึงจะมาสำเร็จในรัฐบาลนี้ ตั้งข้อสังเกตอัยการที่เคยให้สั่งฟ้องกลับลำกลายเป็นไม่ฟ้อง
ชี้คดีนี้ทำไทยเสียโอกาสจากการได้ภาษี 6.8 หมื่นล้าน มากกว่าตอน “ทักษิณ” ขายหุ้นให้เทมาเส็กถึง 3 เท่า
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายประพันธ์ คูณมี”
http://radio.manager.co.th/Radio/DetailRadio.asp?program_no=1026&mmsID=1026%2F1026%2D5436%2Ewma&program_id=36639
วันนี้ (7 มี.ค.) นายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน ขึ้นกล่าวบนเวที ว่า
เหตุการณ์ที่นายวีระ และน.ส.ราตรี กำลังเผชิญอยู่ เป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนใจต่อประชาชนอย่างยิ่ง
สะท้อนให้เห็นจิตใจต่ำอำมหิตของนายอภิสิทธิ์เป็นอย่างยิ่ง
นึกไม่ถึงว่าจะเป็นได้ถึงขนาดนี้ เลวสมบูรณ์แบบไม่มีที่ติจริงๆ
นายประพันธ์กล่าวว่า ตอนแรกตนเชื่อว่าที่นายอภิสิทธิ์ดื้อรั้นขนาดนี้
อาจเพราะครอบครัวให้ท้าย คุณพ่อคุณแม่ ไม่อบรม
แต่วันนี้ตนรู้สึกเสียใจมากที่พูดแบบนั้น เพราะได้ยินจากญาติผู้ใหญ่นายอภิสิทธิ์มาว่า
ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ต่างตักเตือนนายอภิสิทธิ์แต่ไม่เชื่อฟัง
ขนาดพ่อแม่ตัวเองยังไม่ฟัง จึงป่วยการแล้วที่พันธมิตรฯ จะเรียกร้องให้รับฟังเสียงประชาชน
ต้องอาศัยพลังพี่น้องเพียงอย่างเดียวที่ต้องออกมามากๆ เพื่อไล่นายอภิสิทธิ์
เลิกฝันได้เลยที่จะมีสำนึกความรับผิดชอบทางการเมือง
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า อีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องใหญ่ ตนได้ข้อมูลมาพร้อมๆ กับฝ่ายค้าน
นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ฝ่ายค้านคนนี้ที่จะนำเรื่องนี้ไปอภิปรายฯ ในสภา
และเป็นคนที่ตรวจสอบการทุจริตรถดับเพลิง
เรื่องสำคัญก็คือคดี บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส มันสะท้อนให้เห็นความเลวร้าย
และการทำงานที่ล้มเหลวของนายอภิสิทธิ์
บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส เป็นบริษัทตัวแทนจำหน่ายบุหรี่ LM มาร์ลโบโร บริษัทแม่อยู่ที่อเมริกา
แต่บุหรี่ที่นำเข้าไทยเอามาจากฟิลิปปินส์ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพื่อจะเลี่ยงภาษีตามข้อตกลงอาฟต้า
เพราะฟิลิปปินส์เป็นประเทศในอาเซียน แต่มันไม่ใช่สินค้าของฟิลิปปินส์
แค่เอามาบรรจุซอง เอาใบยามาจากอเมริกาแล้วเอามาขายเฉพาะในประเทศไทย
สรุปฟิลลิป มอร์ริส หลีกเลี่ยงภาษีด้วยการแจ้งการนำเข้าราคาต้นทุนซองละประมาณ 7 บาท
ซึ่งเป็นการแจ้งต่ำกว่าความเป็นจริง
ปรากฏว่าสรรพสามิตไปตรวจพบว่ามีบริษัทอื่น เช่น
คิงเพาเวอร์ การบินกรุงเทพ มีการนำเข้าบุหรี่ลักษณะเดียวกัน มาจากต่างประเทศเหมือนกัน
แต่เสียค่าต้นทุน 27 บาทรวมภาษีแล้วตก 60 กว่าบาท เลยต้องกล่าวโทษแจ้งดีเอสไอให้ตรวจสอบ
ปรากฎผลตรวจพบว่ามีการสำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริงมาตั้งแต่ ปี 2546-2552
ทำให้ประเทศไทยขาดรายได้ไป 6 หมื่น 8 พันล้านเศษ
ดีเอสไอจึงมีมติดำเนินคดีฟิลลิป มอร์ริส และตั้งกรรมการสอบสวนมาตั้งแต่สมัยนายทักษิณ
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2549 กรรมการมาทั้งจากสรรพสามิตร ดีเอสไอ และผู้แทนอัยการ 3 คน
เมื่อสวบสวนแล้วกรรมการมีความเห็นควรที่จะสั่งฟ้อง
จึงส่งมาที่อัยการเมื่อ 2 กันยายน 2552
เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รู้ว่าจะสั่งฟ้องและเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่
เพราะมูลค่าสูงจึงทำหนังสือรายงานไปยังนายกฯ 2 ฉบับ
ฉบับแรกเมื่อ 26 มิถนายน 2552 อีกครั้งคือ 3 กันยายน 2552
เพราะฉะนั้นเรื่องฟิลลิป มอร์ริส เป็นคดีเก่าที่รับรู้มาทุกนายกฯ ตั้งแต่สมัยนายทักษิณเป็นต้นมา
ฟิลลิป มอร์ริส ก็วิ่งเต้นล้มคดีนี้มาตลอดแต่ไม่เคยสำเร็จ
จู่ๆ มาวันนี้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ได้เข้าแทรกแซงการสั่งคดีนี้ของพนักงานอัยการ
ปรากฏว่ามีผู้แทนการค้าไทยที่รัฐบาลตั้ง คือนายเกียรติ สิทธีอมร
ซึ่งวันนี้ก็ออกมายอมรับแล้วว่า ได้รับการร้องเรียนความไม่เป็นธรรมจากนักธุรกิจบริษัทบุหรี่นี้
และนายกฯก็มอบหมายให้นายเกียรติ ไปดูแล
แต่ไม่รู้ว่าไปทำอีท่าไหน เป็นที่น่าเชื่อว่า
บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส น่าจะมีการยื่นผลประโยชน์มาตลอด
แต่ไม่มีใครกล้ารับ เพราะมันเป็นธุรกิจบาป
และเป็นการไปช่วยธุรกิจบริษัทค้าบุหรี่ข้ามชาติ ยักษ์ใหญ่ที่สุดของโลก
และมีข้อปรากฏชัดเจนว่ามีการแจ้งราคาต่ำกว่าความเป็นจริง เลี่ยงภาษีจริง
ข้าราชการ นักการเมืองก็กลัวจะถูกครหา และหมดอนาคต
แต่สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ฟิลลิป มอร์ริส กลับได้รับความช่วยเหลือ
จนกระทั่งอัยการสั่งไม่ฟ้องเมื่อ 4 มกราคม 2554
“แปลกมาก เพราะอัยการที่เคยทำคดีนี้และเคยมีความเห็นว่าสมควรสั่งฟ้อง
แต่ทำอีท่าไหนไม่รู้ อัยการที่เคยมีคำสั่งฟ้อง กลับคำสั่งตัวเองกลายเป็นว่าไม่ฟ้อง
เพราะไม่ปรากฏว่าบริษัทนี้แจ้งราคาต่ำกว่าความเป็นจริง ไม่ปรากฎว่ามีการเลี่ยงภาษี”
นายประพันธ์กล่าว
นายประพันธ์ยังกล่าวอีกว่า
เรื่องนี้มันใหญ่ คดีที่นายทักษิณขายหุ้นให้เทมาเส็ก จำนวนที่หนีภาษีหมื่นกว่าล้าน ไม่เกิน 2 หมื่นล้าน
นายทักษิณจึงถูกขับไล่ ตอนนั้นประชาธิปัตย์ก็ออกมาด่านายทักษิณอย่างเสียผู้เสียคน
แต่มาวันนี้รัฐบาลไทยควรได้รับจากบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส ถึง 6.8 หมื่นล้านบาท
มากกว่าภาษีที่นายทักษิณขายหุ้นให้เทมาเส็ก 3 เท่า
ถ้าทำอย่างนี้ ประเทศไทยก็จะไม่ได้ภาษีแม้แต่สตางค์แดงเดียว
แล้วเงินจะตกเข้ากระเป๋านักการเมืองคนไหนล่ะ นึกไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นในรัฐบาลนี้
มันเป็นการปล้นภาษีของประเทศ และยังจะทำให้ต่อไปบริษัทบุหรี่ต่างชาติอื่นๆ ก็จะเอาอย่าง
และทุกวันนี้บุหรี่ต่างประเทศราคาพอๆกับบุหรี่ไทย บุหรี่ไทยกำลังจะเจ๊ง
โรงงานยาสูบซึ่งเป็นของกระทรวงการคลังก็กำลังแย่
และที่แน่ๆ คนที่เป็นผู้แทนการค้าของรัฐบาลจะมีผลประโยชน์ในกรณีนี้หรือไม่
สื่อและฝ่ายค้านสงสัยแล้ว เพราะนายเกียรติเคยทำงานที่หอการค้าระหว่างประเทศ
และเคยทำงานเป็นล็อบบี้ยิสต์ให้บริษัทฝรั่งมาก่อน จึงอยู่ในข่ายที่น่าสงสัยอย่างยิ่ง
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า รัฐบาลนี้เลวทุกด้านจริงๆ อีกเรื่องคือ
เรื่องมะนาว ปกติชาวสวนปลูกมะนาวจะมีรายได้เป็นกอบเป็นกำตอนหน้าแล้ง
ช่วงหน้าแล้งมะนาวจะแพง เกษตรกรก็จะมีรายได้ตอนนั้น
แต่เวลานี้พอเข้าหน้าแล้งรัฐบาลปล่อยให้มะนาวเวียดนามเข้ามาทางเขมร
แล้วขนเข้ามายังไทยวันละหลายร้อยตัน รายได้ที่เกษตรกรไทยควรจะได้ในหน้าแล้งก็ไม่ได้
สรุปแล้วประชากรตายทุกเรื่อง
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9540000029743