ที่มา ข่าวสด
"ศรีสาคร" ไฟลุกท่วม รถวอด14 หนีตายวุ่น จสต.เจ็บ
โจรใต้เหิมเหยียบจมูกตร.นราธิวาส วางระเบิดแฟลตที่พัก ไฟลุกท่วมสยอง โชคดีมีคนเจ็บแค่ 2 คน หลังขับกระบะโตโยต้าวีโก้ บรรจุระเบิดในถังแก๊ส 50 ก.ก. เข้าไปจอดใต้แฟลต ก่อนหลบหนีปาระเบิดอีกลูกใส่ตร.ที่สกัดจับ ก่อนให้พวกกดชนวนระเบิด ตูมสนั่นไฟลุกท่วม ใต้ถุนแฟลตรถยนต์เสียหาย 14 คัน ส่วนที่ทุ่งยางแดง ปัตตานี คนร้ายขี่จยย.ประกบยิงอดีตทหารพรานดับ จุฬาราชมนตรีนำผู้นำศาสนาพบนายกฯ ระบุมีคนตั้งใจให้แตกแยกทั้งยิงพระและอิหม่าม เชื่อนโยบายดับไฟใต้น่าจะมาถูกทาง เพราะทำต่อเนื่องกันมา และรัฐบาลแถลงตลอด ขณะที่ผบ.ทบ.ระบุโจรใต้หวังตอบ โต้เจ้าหน้าที่ แต่พุ่งเป้าหมายที่อ่อนแอ พระ ครู นักเรียน รองผบ.ตร.สั่งปรับแผนรปภ.พระ-ชุมชน ไทยพุทธใน 3 จังหวัดภาคใต้ หลังถูกกลุ่มคนร้ายพุ่งเป้าก่อเหตุ เน้นเขตเมืองเป็นพิเศษ
คาร์บอมบ์ - เจ้าหน้าที่ตรวจจุดเกิดเหตุใต้ถุนแฟลตตำรวจสภ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ซึ่งคนร้ายนำคาร์บอมบ์มาจอดก่อนกดรีโมตระเบิดสนั่นหวั่นไหว รถพังไป 14 คัน มีผู้บาดเจ็บ 2 คน คนร้ายปาระเบิดแหกวงล้อมตร.หนีไปได้ ตามข่าว
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 7 มี.ค. ร.ต.ท.วีระทัย ศรีหมั่น ร้อยเวรสภ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุระเบิดที่ใต้ถุนแฟลต 5 ชั้น ของเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ศรีสาคร ถ.บ้านฆอรอกาเว หมู่ 1 ต.ศรีสาคร จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.บรรลือ ชู เวทย์ รองผบก.ภ.จว.นราธิวาส พ.ต.อ.วุฒิพงศ์ เย็นจิตร ผกก.สภ.ศรีสาคร นายไพโรจน์ จริต งาม นายอำเภอศรีสาคร ร.ต.ท.นัฐวิทย์ วันเพ็ญศรี รองสว.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
เมื่อถึงที่เกิดเหตุเป็นแฟลตตำรวจ 5 ชั้น ชั้นล่างเป็นใต้ถุนสูง มีเสาห่างกันช่วงละ 3 เมตร เป็นที่จอดรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่พักอยู่ในแฟลตดังกล่าว ไฟกำลังลุกไหม้ลามขึ้นไปชั้น 2 หน่วยบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลตำบลศรี สาคร จึงฉีดน้ำดับไฟ กระทั่งผ่านไป 10 นาที เพลิงจึงสงบลง เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบพบ รถยนต์เก๋งและรถยนต์กระบะของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จอดอยู่ 14 คัน ถูกแรงระเบิดเสียหายทั้งหมด โดยเฉพาะรถยนต์กระบะโตโยต้าวีโก้ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บฉ-2400 ยะลา ซึ่งเป็นทะเบียนปลอม ที่คนร้ายใช้ซุกซ่อนระเบิดแสวงเครื่องใส่ไว้ในถังแก๊สหุ้งต้มหนัก 50 ก.ก. จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ จนเกิดระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ไฟลุกท่วม ชิ้นส่วนของรถยนต์กระ เด็นไปถูกกระจกหน้าต่างบ้านเรือนของชาวบ้าน ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเสียหาย 3 หลัง
นอกจากนี้ที่ผนังใต้ถุนอาคารยังถูกไฟไหม้เสียหาย พังลงมาทับรถยนต์เก๋งและรถยนต์กระบะของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนระบบน้ำประปา และระบบไฟฟ้าของแฟลตตำรวจยังถูกแรงระเบิด สร้างความเสียหายจนใช้การไม่ได้เช่นกัน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ประกอบด้วย จ.ส.ต.สานิตย์ ขวัญสุข ผบ.หมู่งาน ป.สภ.ศรีสาคร และชาวบ้านซึ่งเป็นชายไม่ทราบชื่อ ซึ่งถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณลำตัว ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ตำรวจและชาวบ้านได้ส่งตัวไปรักษาที่โรง พยาบาลศรีสาครไปก่อนหน้าแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมี ชายวัยรุ่น 1 คน ขับรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์เงิน ขับไปจอดไว้ใต้ถุนแฟลตตำรวจ ก่อนวิ่งไปซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของเพื่อนที่มารอรับ เจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นพิรุธ จึงวิทยุให้ช่วยกันสกัดจับ เมื่อคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ถึงหน้าบ้านพักตำรวจที่เปิดเป็นร้านค้า ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุ 100 เมตร จึงใช้ระเบิดชนิเอ็ม 26 ขว้างใส่ 1 ลูก ทำให้จ.ส.ต.สานิตย์ซึ่งยืนอยู่หน้าบ้านได้รับบาดเจ็บ จากนั้นประมาณ 30 วินาที คนร้ายที่คาดว่าแฝงตัวอยู่ในละแวกจุดเกิดเหตุ ใช้โทรศัพท์มือถือจุดชนวนระเบิดในรถกระบะโตโยต้า จนเกิดระเบิดขึ้นดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้ชาวบ้านที่เดินอยู่ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อาศัยอยู่บนอาคาร พากันอพยพครอบครัววิ่งลงมาชั้นล่าง ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อดูพฤติกรรมและรูปพรรณคนร้าย ที่ลงมือก่อเหตุร้ายในครั้งนี้แล้ว
ส่วนที่จ.ปัตตานี วันเดียวกัน เวลา 13.00 น. ร.ต.ท.ชัยทัต แย้มโพธิ์ใช้ ร้อยเวรสภ.ทุ่งยางแดง รับแจ้งเหตุคนร้ายยิงอดีตทหารพรานเสียชีวิต ที่บ้านปาเซปูเตะ ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมชุดพิสูจน์หลักฐาน ภ.จว. ปัตตานี พบศพนายสาทร ดำสงค์ อายุ 32 ปี อดีตทหารพราน ทพ.43 ถูกยิงที่ศีรษะ 2 นัด เสียชีวิต โดยก่อนเกิดเหตุนายสาทรกลับจากหาของป่า จะกลับบ้านที่บ้านปาเดปาลัส ต.ปากู ระหว่างทางมีคนร้าย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิงเสียชีวิตดังกล่าว
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ที่ผ่านมามีการปรับและเพิ่มมาตรการในเชิงรุก 2-3 เดือนแล้ว ยึดอาวุธสงคราม จับกุมแกนนำได้จำนวนมาก และขณะนี้มีการเตรียมรวบรวมกำลังปฏิบัติต่อเจ้าหน้าที่ แต่เป้าหมายที่อ่อนแอคือครู พระ และโรงเรียน จึงต้องเพิ่มมาตรการให้รัดกุมขึ้น ขอความร่วมมือจากประชาชน พระ และโรงเรียนปฏิบัติตามกรอบของทหาร บางคนอาจมองว่ามีทหารอยู่แล้วอันตราย จึงไม่อยากให้อยู่ด้วยระหว่างเดินทาง ซึ่งปัญหาเกิดขึ้นในช่วงที่ทหารไม่อยู่ในจุดๆ นั้น เกิดขึ้นในช่วงเช้า เย็นและชั่วโมงเร่งด่วน คือช่วงเช้าและช่วงเย็น ที่ทหารเคลื่อนไปดูแล ซึ่งกลุ่มผู้ก่อเหตุอาจใช้ช่วงเวลาดังกล่าวก่อเหตุ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ปัจจุบันเรามีมาตรา 21 เข้าไปรองรับ ทำให้กลุ่มก่อความไม่สงบ ติดต่อขอมอบตัวจำนวนมาก เป็นการสร้างความเข้าใจไม่ใช่ฟอกตัว เพียงแต่ให้เขากลับมาเนื่อง จากเขามีเจตนาเข้ามอบตัว เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ส่วนบุคคลที่เข้ามามอบตัวต้องดูแล และปฏิบัติการในเชิงลับ เปิดเผยไม่ได้ หาก เป็นคดีไม่ร้ายแรงมากก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นคดีที่เกิดความเสียหายผู้ที่เกี่ยวข้องก็อันตราย ขณะนี้แนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ ส่วนสถานการณ์ความรุนแรงถ้าอีกฝ่ายต้องการเอาชนะก็ต้องแรงขึ้น เพื่อให้ประชาชนหวาดกลัว ด้วยการฆ่าครู พระ ถ้าคนธรรมดาอาจเป็นข่าว 1-2 วัน แต่ถ้าฆ่าครู หรือพระจะพาดหัวข่าวได้หลายวัน คล้ายประชาสัมพันธ์ได้อย่างดี ตนไม่ได้ให้สื่อปิดบัง แต่ไม่อยากให้อยู่ในจุดมุ่งหมายของเขา ด้วยการนำเหตุการณ์ไปสู่สังคมภายนอก เจ็บคนเดียวไม่ได้ ตายคนเดียวก็ไม่ดี ต้องไม่มีคนเจ็บและตาย
"จากการประเมินของหน่วยข่าว สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเดือนที่ผ่านมา กลุ่มก่อความไม่สงบต้องการดำเนินการ 30 ครั้ง แต่ทำได้ 3 ครั้ง ถือว่า เราป้องกันเหตุร้ายได้มากกว่า 70-90 เปอร์ เซ็นต์ แต่เหตุที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งรุนแรง กระทบต่อขวัญกำลังใจประชาชนทั้งประเทศ ยอม รับว่าเราจะทำให้ดีที่สุดและอย่ากังวล ทหารไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น ส่วนการดูแลความปลอดภัยของพระสงฆ์ระหว่างบิณฑบาตนั้น ผมเคยให้วิธีดูแลพระสงฆ์ว่าจะมีทหารดูแลเหมือนเดิมโดยไปในพื้นที่ที่กำหนด หรือกรณี ที่ 2 ให้ประชาชนเคลื่อนที่มาหาพระให้สั้นที่ สุด นำพระไปไว้ในจุดหนึ่งที่ปลอดภัย แต่ผมไม่สามารถสั่งพระได้ เพราะเป็นเรื่องศาสนา ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 4 ผู้ว่าฯ พระ และกรมการศาสนา คงจะหารือกัน โดยมีอยู่ 2 วิธี คือ ให้คนมาหาพระ หรือให้พระมาหาคน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
วันเดียวกัน เวลา 08.00 น. นายอาศิส พิทักษ์ คุมพล จุฬาราชมนตรี พร้อมคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด 5 จังหวัดภาคใต้ เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล
จากนั้นนายอาศิสกล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบว่า เสียใจกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับทุกฝ่าย ก่อนหน้านั้นมีโต๊ะอิหม่ามถูกยิง และอยู่มาไม่กี่วันพระสงฆ์ก็ถูกยิง ซึ่งเป็นความพยายามจะทำให้เกิดความแตกแยกในหมู่ประชาชน และกระทบต่อความรู้สึกของทุกคนอย่างยิ่ง ซึ่งศาสนาอิสลามให้ความสำคัญต่อผู้นำศาสนา ทุกคนจะต้องไม่ละเมิดผู้นำศาสนา ต้องละเว้น ฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่คำสอนในศาสนาแน่ นอน ถือเป็นสิ่งที่ไม่พึ่งกระทำ ขอฝากเตือนประชาชนให้รู้เท่าทัน และสร้างความเข้าใจ เชื่อว่าคนในพื้นที่ก็มีความเข้าใจ แม้จะมีความพยา ยามทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันก็ตาม
นายอาศิสกล่าวว่า ปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้น เป็นปัญหาเชิงความคิด และสะสมมยาว นาน ต้องใช้เวลาสร้างความเข้าใจ ซึ่งรัฐบาลพยายามอยู่ แต่การแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงนั้นจะไม่จบ เหมือนปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ ต้องสร้างความเข้าใจ ต้องยกระดับการศึกษาของคนในพื้นที่ให้สูงขึ้น นี่คือการแก้ไขปัญหาอย่างถาวร ถือเป็นภารกิจของรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ต้องดูแล ส่วนผู้นำศาสนา เป็นฝ่ายให้กำลังใจ สร้างความเข้าใจในมิติที่เป็นคำสอน
ส่วนที่ผู้นำศาสนาในพื้นที่มักถูกระบุเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง นายอาศิสปฏิเสธว่า ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น ส่วนเยาวชนที่ถูกชักจูง เพราะเรื่องการศึกษา จึงได้บอกว่าต้องยกระดับการศึกษาให้สูงขึ้น เมื่อถามว่าขณะนี้ประชาชนในพื้นที่เข้าใจนโยบายรัฐบาลหรือไม่ จุฬาราชมนตรีกล่าวว่า คิดว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจนโยบายของรัฐบาล และ เข้าใจถึงความพยายามในการแก้ไขปัญหา
เมื่อถามว่ามองว่านโยบายรัฐบาลเดินมาถูกทางหรือไม่ นายอาศิสกล่าวว่า เป็นการทำที่ต่อเนื่องกันมา รัฐบาลแถลงอยู่ตลอดว่า จะแก้ปัญหาโดยสันติวิธี และทุกคนก็คิดว่าถูกต้องสำหรับการแก้ไขปัญหา อยากให้ฝ่ายปฏิบัติดำเนินการไปในแนวทางนี้ และเชื่อว่าสักวันจะสำเร็จ แม้จะใช้เวลามากก็ตาม
ผู้สื่อข่าวถามว่ามองว่าปัญหารุนแรงขึ้นหรือเบาลง นายอาศิสกล่าวว่า ช่วงต้นปีดูเหมือนว่าจะรุนแรงมากขึ้น เป็นอย่างนี้มาตลอด รุนแรงแล้วก็เบาลง และรุนแรงขึ้น เป็นอย่างนี้มาหลายปีแล้ว เมื่อถามว่าในฐานะผู้นำศาสนารู้สึกลำบาก ใจหรือไม่ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมุ่งเน้นความแตกแยกทางศาสนา จุฬาราชมนตรีกล่าวว่า ทุกคนหนักใจ ทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชน
เวลา 09.00 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) อ.เมือง จ.ยะลา พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผบ.ตร. พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชฏฐ์ ผบช.จชต. ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งเปิดสัมมนาผู้บริหารและผู้นำหน่วยตำรวจจังหวัดชาย แดนภาคใต้ ที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ 166 นาย
พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวก่อนเข้าร่วมประชุมว่า ในการลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อมาพูดคุยกับนายตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งในระดับผู้กำกับทุกสถานี เพื่อปรับพื้นฐาน โดยจะเน้นย้ำในการประเมินสถานการณ์ว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่เผชิญอยู่กับอะไร รวมทั้งความคาดหมายสถานการณ์ในอนาคต ซึ่งจะมีการปรับเปลี่ยนระบบการทำงานบ้าง ซึ่งจะมีการประเมินการทำงานกันต่อไป สำหรับกรณีคนร้ายยิงพระสงฆ์ในจ.ปัตตานี ตนได้เน้นย้ำให้ชุดสืบสวนเร่งงานสืบสวนเพื่อจับ กุมผู้ที่ก่อเหตุแล้ว และได้สั่งเพิ่มมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย มาตรการป้องกันต่างๆ ที่ต้องทำอย่างเข้มข้น ที่ผ่านมาการปฏิบัติงานร่วมกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครอง ก็ทำงานร่วมกันดี ไม่มีปัญหาอะไร
ส่วนกรณีคนร้ายพุ่งเป้าก่อเหตุในชุมชนคนไทยพุทธในพื้นที่ที่ผ่านมา ได้มีแผนร่วมกันกับฝ่ายปกครองและทหารในพื้นที่ ซึ่งจะต้องมีความเข้มข้นขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะในพื้นที่เขตเมืองต่างๆ ที่ได้เน้นย้ำอยู่เสมอว่า จะต้องดูแลเป็นพิเศษ ส่วนคดีต่างๆ โดยเฉพาะการปล้นปืนที่ฐานพระองค์ดำ จ.นราธิวาส ก็ออกหมายจับได้แล้ว และคาดว่าจะจับกุมตัวได้ในเร็วๆ นี้ ส่วน กรณีที่มีข่าวว่าเหตุยิงพระในจ.ปัตตานี เกิดจากการยิงโต๊ะอิหม่ามเสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ ก็เป็นความพยายามของคนร้ายที่ต้องการสร้างความแตกแยกให้กับคนในพื้นที่