ที่มา มติชน
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 12 มีนาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ถึงการพบและหารือกับคณะกรรมการการเลือก (กกต.) ตั้งเกี่ยวกับเงื่อนไขและข้ออติดขัดเกี่ยวกับการยุบสภาว่าตนได้ไปพบกับ กกต.เพื่อดูเรื่องความพร้อมที่เกี่ยวข้องกับการยุบสภาและการเลือกตั้ง ซึ่งได้มีการพูดคุยสอบถามประเด็นในเชิงของเทคนิคและปัญหาข้อกฎหมายทั้งหมด
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาตนได้ย้ำเสมอว่ารัฐบาลได้เข้ามาเพื่อคลี่คลายปัญหาต่างๆ ของบ้านเมือง ซึ่งขณะนั้นมีทั้งปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาทางการเมือง แทบจะกล่าวได้ว่าขณะนั้นคนมองประเทศไทยถึงขั้นที่จะเป็นรัฐที่ล้มเหลว แต่รัฐบาลก็ได้คลี่คลายปัญหาหลายเรื่องจนเห็นความพึงพอใจของพี่น้องประชาชนต่อนโยบายสำคัญๆ เช่น การเรียนฟรี เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและการประกันรายได้เกษตรกร ตลอดจนภาพรวมทางเศรษฐกิจก็มีความมั่นคงขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองก็ยังดำรงอยู่ สิ่งที่รัฐบาลได้ทำตลอด 2 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมาด้วยการรักษาความเป็นนิติรัฐและพร้อมจะพิจารณาคืนอำนาจให้ประชาชนในเวลาที่เหมาะสม วันนี้สิ่งที่เป็นปรากฏการณ์ชัดเจนคือสภาพปัญหาของบ้านเมือง เศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่องปากท้องของพี่น้องประชาชนก้าวไปสู่อีกขั้นหนึ่ง ก็คือเราอาจจะผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจมาแล้ว แต่ขณะนี้สภาพปัญหามันเปลี่ยนเป็นปัญหาเรื่องปากท้อง ของแพง
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนต้องการจะเห็นประเทศเดินหน้า ต้องการเห็นการเดินหน้าเพื่อมีคำตอบสำหรับพี่น้องประชาชน ผมไม่ต้องการให้ปัญหาเรื่องของการเมืองมาเป็นอุปสรรค มาเป็นสิ่งที่จะทำให้บ้านเมืองแทนที่จะมีความชัดเจน เดินหน้าต่อไปในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่กระทบกับพี่น้องประชาชน ต้องมาอึมครึมทางการเมืองอยู่ และด้วยเหตุผลนี้จึงอยากจะเรียนว่าการเลือกตั้งเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญ เมื่อสภาพปัญหามันพัฒนาเรื่องเศรษฐกิจเป็นอย่างนี้ แล้วเราต้องการความชัดเจน เสียงของพี่น้องประชาชนจะเป็นเสียงที่ชี้อนาคตของชาติบ้านเมืองได้ ซึ่งยังมั่นใจด้วยว่าเสียงนี้จะเป็นเสียงสำคัญที่สุด ดังที่สุดมากกว่าจะปล่อยให้สภาพการเมืองให้เป็นเรื่องของคนจำนวนน้อยแต่ส่งเสียงดัง แต่คนส่วนใหญ่ประสบกับปัญหาความเดือดร้อนแล้วไม่มีโอกาสออกสิทธิออกเสียง ใช้สิทธิใช้เสียง
“ก็ต้องเรียนว่าผมตั้งใจจะนำเรื่องขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อให้มีการยุบสภาไม่เกินสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นกรอบเวลาที่ผมค่อนข้างมั่นใจว่าความชัดเจนเรื่องกฎหมาย กฎระเบียบ การแบ่งเขตเลือกตั้งจะเรียบร้อย คือไม่มีปัญหาแล้วจากการได้พูดคุยกับ กกต. ในวันนี้ ผมทราบดีว่าอาจจะมีเพื่อนนักการเมือง เพื่อนพรรคร่วมรัฐบาล หรือเพื่อน ส.ส. ที่ไม่เห็นด้วย แต่ผมได้ตัดสินใจ เพื่อยืนยันเจตนารมณ์ของผมตั้งแต่ต้นว่าเราควรมีการเลือกตั้งก่อนที่สภาจะครบวาระ และเราควรจะได้เลือกจังหวะเวลาที่เหมาะสมเพื่อขจัดความไม่ชัดเจนและความอึมครึมต่อไป ดังนั้น จึงขอยืนยันว่าสัปดาห์หน้าจะเริ่มต้นกระบวนการเร่งรัดการพิจารณากฎหมายต่างๆ และจะดูความก้าวหน้าการทำงานต่างๆ ซึ่งได้พูดคุยกับ กกต.ในรายละเอียด แล้วไม่เกินสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม ผมก็จะนำเรื่องกราบบังคมทูลฯเพื่อให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งใหม่” นายอภิสิทธิ์กล่าว