ที่มา ประชาไท
ธิดา แจง กก.ติดตามสถานการณ์ฯ วุฒิสภา จวกกระบวนการยุติธรรมมีปัญหาตั้งแต่ขั้นแรก ฝากบอก "ประเวศ-อานันท์" เสื้อแดงต้องการแก้ความอยุติธรรม ไม่ใช่ความเหลื่อมล้ำ ชี้สัญญาณไม่น่าไว้ใจ ผู้นำทหารสักการะศาลหลักเมือง คล้ายก่อน รปห.ปี 49 ยันหลักฐานที่จตุพรเตรียมแฉ ของจริง
(10 มี.ค. 54) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการติดตาม สถานการณ์บ้านเมือง วุฒิสภา มีนายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว.ศรีสะเกษ ประธานคณะกรรมการ เป็นประธานการประชุม เชิญนางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ชี้แจงกรณีการดำเนินคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมเดือนเมษายน-พฤษภาคม 53
โดยนางธิดา กล่าวว่า การทำงานของตนยึดถือว่า ไม่คำนึงถึงใครเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แกนนำคนเสื้อแดง หรือคนเสื้อแดง แต่คำนึงประโยชน์ของประชาชนและประเทศเป็นหลัก ซึ่งเมื่อตนเข้ามา ก็พบปัญหาการดำเนินคดีกับคนเสื้อแดง เช่น ที่เชียงใหม่ มีคนถูกตัดสินตั้งแต่ปี 51 โทษจำคุก 20 ปี และขอความช่วยเหลือมาว่า การตัดสินดังกล่าวไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน เพราะเมื่อเทียบกับคดีที่มีคนเคยขับรถทับตำรวจแล้วถอยหลังก ลับมาซ้ำยังเพียงรอลงอาญา หรืออย่างกรณีช่างภาพญี่ปุ่น ตอนนี้ยังมาถกเถียงกันอยู่ว่า ปืนอะไร ใครเป็นผู้ยิง แต่ก็ตั้งข้อกล่าวหาใส่กันเสียแล้ว
นางธิดา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ สัมพันธภาพระหว่างคนในที่ชุมนุมกับคนที่อยู่ราชประสงค์ ผู้สื่อข่าวเป็นพยานได้ว่า ผู้ชุมนุมมีอาวุธหรือไม่มีอาวุธ ถูกจ้างมาหรือไม่ กระจกของห้างร้านไม่มีรอยขูดแม้แต่น้อยตลอด 3 เดือน แต่การตั้งข้อหาเกลื่อนไปหมดทั้งที่มีแค่ผู้เชี่ยวชาญมาดูแค่รูกระสุนแล้วบอกว่า เป็นอาก้านั้นมันไม่มีอะไรชัดเจน เหมือนกรณีหน้าสภาที่คนโดนแก๊ซน้ำตาแล้วบอกว่า ขาขาดมือขาด ฉะนั้นตำรวจต้องทำความชัดเจนก่อน แต่นี่ไม่ทำแล้วยังตั้งข้อหา จุดนี้ชัดเจนว่า กระบวนการยุติธรรมมีปัญหาตั้งแต่แรกสุดคือ ตั้งข้อหาไม่ถูกต้อง หลักฐานพยานก็ไม่ชัดเจน หรืออย่างคดีเผาศาลากลางในต่างจังหวัดแค่มีรูปยืนๆ อยู่ ณ ที่นั้น แต่หลักฐานอื่นไม่มี หรือการตั้งข้อหาก่อการร้ายกับแกนนำ ที่เกินความเป็นจริง นี่คือปัญหาความไม่ยุติธรรมที่เกิดกับประชาชน เป็นกระบวนการลงโทษคน ไม่ใช่ใช้การพิสูจน์เพื่อลงโทษคน
ฝากบอก "ประเวศ-อานันท์" เสื้อแดงต้องการแก้ความอยุติธรรม ไม่ใช่ความเหลื่อมล้ำ
"หลายคนกล่าวหาว่า 4-5 ปีที่ผ่านมา เราสู้เพื่อทักษิณ ถามว่า ถ้าใครจะเอาชีวิตไปเสี่ยงตายต้องใช้ เงินจ้างเท่าไหร่ ฉะนั้น สติปัญญาของสังคม สื่อ และนักวิชาการหากยังไม่ตื่นขึ้น สังคมไทยก็คงจบลง วันนี้คนเสื้อแดงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะที่เขามาสู้ประเด็นความยุติธรรม เพราะผู้ปกครองมองเห็นคนไม่เท่าเทียมกัน ทำให้ความยุติธรรมก็ไม่เท่าเทียม กัน สำแดงออกมาทางคดีความ ดิฉันไปหน้าศาลฎีกา มีเสา 6 ต้น หนึ่งนั้นคือ ความเสมอภาค และความยุติธรรมที่เราเรียกร้อง ถามว่า ที่มีคนไปล้อมทำเนียบฯตอนนี้ รัฐบาลกล้าใช้กฎหมายกับเขาหรือไม่ ถ้าเป็นคนเสื้อแดงจะโดนอะไร นี่อยุติธรรมชัดเจน ฉะนั้นคนเสื้อแดงไม่ได้ต่อสู้เกิน เลยไปจากหลักประชาธิปไตย" นางธิดากล่าวและว่า ขอฝากไปถึงกรรมการชุด นพ.ประเวศ วะสี และนายอานันท์ ปันยารชุนด้วย เราไม่ต้องการแก้เรื่องความเหลื่อมล้ำ เพราะปัญหาเฉพาะหน้าคือความยุติธรรม ส่วนเรื่องนั้นเอาไว้ก่อน
นางธิดา กล่าวว่า การใช้การทหารมาแก้การเมือง ทำให้คนตายจำนวนมาก ไม่ใช่วิสัยของอารยประเทศ คนเสื้อแดงชุมนุมทางการเมืองต่อสู้เพื่อยกเลิกกติกาทั้งหลายที่ไม่เป็นธรรม ให้ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน ตำรวจ กอ.รมน. นักวิจัย เข้าพื้นที่ชุมนุมได้ แต่ที่การ์ดต้องจับบางคนเพราะพกอาวุธเข้าที่ชุมนุม ฉะนั้นยืนยันว่า เจตนาการชุมนุมเพื่อให้ประเทศมีประชาธิปไตย ก้าวหน้า มองเห็นคนเท่าเทียมกัน ได้รับความยุติธรรมเท่าเทียมกัน แต่ปรากฏว่า กลับโดนสไนเปอร์ยิง อ้างว่า ป้องกันตนเองทั้งที่ยิงมาจากระยะไกล ถามว่า เป็นการป้องกันตัวเองตรงไหน ทั้งนี้ การตรวจสอบคน ต้องตรวจสอบจากการปฏิบัติ ไม่ใช่ตรวจสอบจากคำพูด
นางธิดา กล่าวว่า ก่อนวันที่ 19 พฤษภาคม 53 แกนนำคุยกับตัวแทนรัฐบาลหลายรอบ แต่เห็นว่า ไม่ไหวแล้วจึงเชิญ ส.ว.เข้าไปช่วยคุยด้วย น่าจะเป็นทางออกที่ดี และแกนนำพร้อมจะรับข้อเสนอของ ส.ว.ทุกประการ ตนเห็นว่า มี ส.ว.เข้าไปประสานคุย ก็คิดว่า น่าจะมีบทบาทหยุดยั้งทหารได้แม้จะเพียงชั่วคราว แต่ปรากฏว่า ส.ว.ไม่ได้รับเกียรติจากรัฐบาล รัฐบาลแค่เล่นละครคุยด้วยแต่ไม่เห็นวุฒิสภาในสายตาและตารางวันเวลาสลายชุมนุมยังเหมือนเดิม มีการตายรอบนอกพื้นที่มากกว่ารอบ ในพื้นที่ เช่น ที่วัดปทุมวนาราม แถมพยาบาลโดนยิง หรือนักข่าวโดนยิง คำถามคือ เจตนายิงเพื่อไม่ให้ถ่ายรูป ไม่ให้เข้าไปช่วยทางการแพทย์หรือไม่ เป็นการทหารป่าเถื่อนมาก ซึ่งตอนแรกความเชื่อยังบดบังความจริงในการรับรู้ของสังคม เวลาต่อมา ความจริงเริ่มเผยทีละน้อย จึงมีคนมาร่วมเสื้อแดงมากขึ้น ขณะที่ฝ่ายที่ใช้กำลังจัดการประชาชน แม้มีนักวิชาการหรืออภิสิทธิ์ชนจำนวนหนึ่งหนุนหลัง แต่แทบไม่มีประชาชนหนุนอยู่อีกแล้ว ตอนนี้บอกได้เลยว่า 24 ล้านคนที่เป็นแรงงานนอกระบบ เป็นคนเสื้อแดงเกือบหมด
ชี้สัญญาณไม่ดี ทหารไปศาลหลักเมือง เหมือนก่อนรัฐประหาร 49
นางธิดา กล่าวว่า ณ วันนี้ มีสัญญาณที่ไม่น่าไว้วางใจ เพราะผู้นำ 4 เหล่าทัพ เพิ่งไปสักการะศาลหลักเมืองใหญ่โต ซึ่งคล้ายตอนก่อนรัฐประหารปี 2549 มาก วันนี้ขนาดพรรคประชาธิปัตย์ยังเริ่มที่จะโดนลอยแพจากกลุ่มจารีตนิยมเดิมแล้ว แล้วพรรคอื่นจะไปเหลืออะไร ถ้ามีรัฐประหารแล้วไม่ยอมกัน คงยิงกันมากเหมือนลิเบีย วันนี้คนเสื้อแดงคงต้องเริ่มซ้อมต่อต้านรัฐประหารแล้ว การไม่ต่อต้านรัฐประหารเป็นเรื่องน่าอับอาย ทั้งนี้มีความพยายามไม่ให้เกิดการเลือกตั้ง แต่ถ้ามีเลือกตั้ง คงมีกลไกพวกนี้ไปแทรกแซง เช่น หาว่าเป็นพวกล้มสถาบัน การเมืองมีมือที่มองไม่เห็นผลักดัน เป็นคำพูดของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ พูดถึงคนที่ประชาชนไม่รู้ แต่มีบทบาททางการเมือง เหมือนคำว่าประชาธิปไตยที่พูดไม่ได้ ซึ่งฝรั่งเรียกบ้านเราแบบนี้ แน่นอนว่า คนเห็นรัฐบาล กลไกรัฐ แต่บางครั้งเกิดการขับเคลื่อนบางอย่างที่ไม่ได้มาจากความประสงค์ของผู้บริหาร จึงกลายเป็นมีบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ทางปรากฏการณ์ แต่ในทางหลักการก็คือระบอบอำมาตยาธิปไตย ภายใต้เสื้อคลุมประชาธิปไตย รัฐบาลนี้เป็นประชาธิปไตยเสื้อกั๊ก คือ แขนข้างหนึ่งที่ทะลุออกมาคือกองทัพ อีกข้างคือตุลาการภิวัตน์ มี ส.ว.สรรหา ค้ำยัน เสื้อกั๊กเป็นรูเหมือนกับมีประชาธิปไตยเพียงนิดเดียว
อย่างไรก็ดี นางธิดากล่าวว่า เสื้อแดงก็จะพยายามสู้ให้ได้เสียงข้างมากในการเลือกตั้งให้ได้ แต่ถ้าแพ้ก็ยอมรับ แต่ นปช.ก็จะยังอยู่ แต่ชนชั้นกลาง และปัญญาชนก็มีผลกับการชนะหรือไม่ชนะด้วย เพราะถ้าออกมาร่วมสู้ ก็จะมีพลังมากขึ้น แต่เกรงว่า จะไม่ออกมา เพราะมีตำแหน่งแห่งที่ในสังคมแล้ว
ยันหลักฐานจตุพร "ของจริง"
นางธิดา กล่าวว่า ในอนาคตที่ผู้ชุมนุมออกมาร่วมมากขึ้น การนำมวลชนจะคุมกลุ่มต่างๆ ที่ต่างกันได้หรือไม่นั้น นปช.ยืนยันการเอาชนะโดยยึดสันติวิธี ตนไปเชียงใหม่เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ไปถามบางกลุ่มที่มีฮาร์ดคอร์ว่า จะเอาฮาร์ดคอร์แค่พันคน หรือเอาทั้งสังคมมาสนับสนุน ตรงนี้ชัดเจนว่า ถ้าชอบธรรมสังคมจะอยู่ด้วยและจะชนะอย่างยั่งยืน จึงพยายามกล่อมพวกฮาร์ดคอร์ทั้งหลาย ให้เปลี่ยนใจ นอกจากนี้ เรื่องหลักฐานต่างๆ การสลายชุมนุมที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. เพิ่งออกมาเปิดเผยและเตรียมพูด ในสภา ตนยืนยันว่า ของจริง การที่รัฐบาล ทหาร พยายามจะใช้ยุทธวิธีบอกว่า ตัดต่อ หรือบอกว่า นายจตุพร เชื่อไม่ได้ มันได้ผลเพียงกลุ่มหนึ่ง แต่จะสร้างความไม่พอใจกับคนอีกจำนวนมากที่เห็นด้วยตาตนเองโดยเฉพาะเหตุวัดปทุมฯ ที่คนเป็นพันๆ คนเห็น แต่ถ้าทหารไม่ยอมรับ ก็คงออกมารัฐประหารแล้วนิรโทษกรรมตนเอง ถามว่านี่คือคนดีประเภทไหน ที่ทำผิดแล้วไม่ยอมรับ เหมือนร่าง พ.ร.บ.ชุมนุมที่รัฐบาลพยายามจะออก ในอนาคตถ้ามีประชาธิปไตย ตนไม่ขัด แต่ตอนนี้ไม่มี กฎหมายนี้จึงเป็นเครื่องมือที่ไม่ชอบธรรม จะให้ไปขออนุญาต ถามว่า คนที่ถืออำนาจมาโดยถูกต้องหรือไม่