ที่มา thaifreenews
โดย bozo
เมื่อขุนพลผู้กุมเมืองหลวงเสื้อแดงภาคอีสานอย่าง "ขวัญชัย" ขยับ จึงต้องติดตาม...
โดย....ชัยฤทธิ์ ยนเปี่ยม
"ทุกคนที่ไปหาท่านทักษิณ มีแต่ไปฟ้องด่าขวัญชัยอย่างนั้น คนนี้ฟ้องว่า
ขวัญชัยจะรวบอำนาจ นายก็เครียดนะ ปัญหาทุกอย่างไปรวมอยู่ที่ดูไบหมด
นี่คือสิ่งที่ทำไมนายกฯทักษิณจึงรักผม ไว้ใจผม เพราะผมไม่เคยเอาความทุกข์ไปให้ท่าน
และผมเดือดร้อนทุกวันนี้ ผมต่อสายตรงถึงท่านได้ทุกเวลา
ขวัญชัย ไพรพนา
"ผมโดนรังแกจากไหนต่อไหน แต่ผมก็แก้ไขปัญหาได้ด้วยศักยภาพของผม
แม้แต่เรื่องหมู่บ้านเสื้อแดงที่ลูกน้องผมที่ออกไปเพ่นพ่านอยู่เนี่ย
ก็ไปใส่ผมทางเฟซบุ๊ก ทางอินเทอร์เน็ต ผมก็ไม่เป็นไร ถือว่าระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน
ผมเชื่อมั่นผมทองแท้ ผมไม่ใช่ทองเทียม"
ความขัดแย้งในขบวนการเสื้อแดงที่ปะทุขึ้นอีกรอบเป็นที่สนใจอีกครั้ง
หลังจาก ขวัญชัย ไพรพนา หัวหน้าใหญ่แดงอีสาน ออกมาวิจารณ์
การตั้ง "หมู่บ้านเสื้อแดง" อย่างเผ็ดร้อนว่าเป็นพวกหาประโยชน์
ขณะเดียวกันก็เตรียมทำ "เสื้อแดงภาคอีสาน" ให้เข้มแข็ง แยกออกจากแดง นปช.
เมื่อขุนพลผู้กุมเมืองหลวงเสื้อแดงภาคอีสานอย่าง "ขวัญชัย" ขยับ จึงต้องติดตาม...
วันนี้ เมื่อพรรคเพื่อไทยชนะเป็นรัฐบาลขวัญชัยมองว่า ภารกิจของเสื้อแดงต้องเปลี่ยนไป คือ
ประคับประคองให้กำลังใจรัฐบาลยิ่งลักษณ์ทำงาน เพราะเราถือเป็นผู้สร้างรัฐบาล
แต่อีกด้านก็ต้องตรวจสอบการทำงานของ สส. และรัฐมนตรี อะไรไม่ถูกก็ต้องวิจารณ์
โครงการใหญ่ที่ขวัญชัยกำลังทำเพื่อขยายฐานเสื้อแดง คือ
สร้างเสื้อแดงใน 20 จังหวัดภาคอีสานให้แข็งแกร่ง
เป้าหมายเพื่อให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งยกภาคอีสาน
เจ้าตัวเปรียบเหมือนเอาเสาโทรเลขมาลง ก็ได้รับเลือกไม่ต่างจากภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์
แต่โครงการนี้อาจต้องชะลอไว้ก่อน เพราะมีแกนนำ นปช. ขอร้องไว้ กลัวจะเกิดภาพแตกแยก
"เดิมเรานัดแกนนำอีสานมาคุยกันที่อุดรฯในวันที่ 28 ส.ค.นี้
แต่หลังจากออกข่าวก็มีฟีดแบ็กกลับมา เสื้อแดงบางคนโทร.หาณัฐวุฒิว่า
ผมตั้งตัวเป็นใหญ่ในภาคอีสาน
เต้นก็เป็นห่วงว่าภาพมันจะเกิดความแตกแยกระหว่าง นปช. กับเสื้อแดงอุดรฯ
ผมก็เลยโทร.คุยกับเต้น เต้นเลยบอกว่าทาง นปช.กำลังประชุมกัน
ผมเลยบอกว่าอย่างนั้นให้ นปช.ทำไปก่อน แล้วพี่จะทำทีหลัง
เพราะผมรักไอ้ตู่ ไอ้เต้น ไม่อยากผิดใจกับน้องนุ่งเมื่อน้องนุ่งขอร้องมา ผมก็ต้องหยุด"
ตามแผนของขวัญชัย จะเดินสายให้ครบ 20 จังหวัดในภาคอีสาน
เพื่อหาแกนนำที่มีอุดมการณ์ อดทน เสียสละ
เบื้องต้นเล็งไว้จังหวัดที่พรรคเพื่อไทยยังไม่ชนะยกทีม เช่น
บุรีรัมย์นครราชสีมา อุบลราชธานี จากนั้นถึงมาดูจังหวัดที่เสีย 1 ที่นั่ง เช่น
สุรินทร์ ศรีสะเกษ ชัยภูมิ แล้วค่อยมาทำจังหวัดที่ชนะทั้งหมดหลักการคือ
เสื้อแดงต้องตรวจสอบ สส. เหมือนอย่างชมรมคนรักอุดร
ที่ไม่ใช้ทุนของ สส.จึงอยู่ได้มา 5 ปี แต่ถ้าเมื่อไหร่ไปขอเงิน สส. เมื่อนั้นก็เจ๊งทันที
เจ้าตัวเล่าว่าแนวทางทั้งหมดได้ให้ พ.ต.ท.ทักษิณดูแล้วและก็เห็นชอบ
จนได้พิมพ์เป็นเอกสารถึงจุดยืน 2 หมื่นแผ่นแจกให้ชาวอุดรฯทราบ
"วันนี้แกนนำ 20 จังหวัดเขาศรัทธาผมอยู่แล้ว เขาเชื่อมั่นในตัวผม
เพราะการประกาศไม่รับตำแหน่ง สส. ไม่ลงปาร์ตี้ลิสต์ แล้วตำแหน่งต่างๆ
ในสภาผมไม่เคยมาสนใจเลย ผมไม่เคยไปขอเป็นที่ปรึกษาใคร
ผมบอก 'นาย' ไว้แล้วไม่ต้องมาห่วงผม คราวที่แล้วที่ได้ประจำสำนักนายกฯ
ผมก็ไม่ได้ขอเลย เป็นความกรุณาจากคุณหญิงอ้อ (คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร)
ที่เห็นผมทำงานหนัก ก็สั่งเนวินให้มอบให้ผม สองเดือนเท่านั้นที่ผมเป็นอยู่และก็ลาออก"
บทบาทที่เปลี่ยนไปกับการเป็นผู้ตรวจสอบผู้แทนพรรคเพื่อไทยด้วยกัน
ถือเป็นการคุม สส.และรัฐมนตรีอย่างนั้นหรือ ขวัญชัยแย้ง ไม่ใช่คุม เราเป็นฝ่ายสนับสนุน
แต่ถ้าทำไม่ดีออกนอกลู่ ผมจะเป็นคนด่าเอง
"ผมจำเป็นต้องตรวจสอบ สส.เพื่อไทยด้วยกัน
เพราะเขาได้ตำแหน่งโดยไม่ออกแรง ไม่ต้องใช้เงินมาก
และคนเสื้อแดงก็มีหน้าที่อุ้มพวกคุณเข้าสภา
หาเสียงเพื่อคุณโดยไม่ได้รับเงินจากคุณเลย เฝ้าหน่วยเลือกตั้งให้พวกคุณหมด
สส.ทุกคนได้ประโยชน์จากผมหมด แล้วผมก็เป็นองค์กรภาคประชาชน
ผมมีมวลชนอยู่ในมือ ถ้าผมไม่มีบทบาท แสดงว่าผมทำไป
เพื่อขอเงินชาวบ้านกินไปวันๆ ไม่ตอบแทนอะไรสังคมหรือ สส.ต้องไม่คิดอย่างนั้น"
"ถ้า สส.พรรคเพื่อไทยทำงานไม่เข้าตาประชาชน
สมัยหน้าก็อย่าหวังว่าจะได้ลงเพราะผมจะนำเสนอต่อพรรคให้คนเสื้อแดง
ต้องมีส่วนร่วมกำหนดบทบาท สส.ในพื้นที่จะเอาใครลง หรือไม่เอาใครลง
โดยอาจมีระบบไพรมารีโหวต เพราะประชาชนเป็นคนหาเสียงให้พรรคเพื่อไทย
จนสามารถฝ่ากระสุนในอีสานมาได้ถึง 104 ที่นั่ง จาก 126 ที่นั่ง"
"ที่ผมกล้าพูดตำหนิ สส.ได้ เพราะเราไม่เคยขอ สส. 5 ปีมานี้
อาณาจักรเสื้อแดงถึงเกิดขึ้นได้ แต่เวลาผมตำหนิ สส.
ก็เอามาฟ้องผู้ใหญ่ในพรรค ทางผู้ใหญ่ในพรรคก็โทร.มาบอกผมว่า
ขวัญชัยอย่าด่า สส.มากนัก แต่ผมบอกว่าไม่ได้มันไม่ใช่ด่านะ
ชาวบ้านมาร้องเรียนกับผมร้อยเรื่องพันเรื่อง
ถ้าผมไม่วิพากษ์วิจารณ์แล้วผมจะอยู่ได้อย่างไร"
กระนั้นหัวหน้าแดงอีสาน ยอมรับว่า
ในความใหญ่โตของเสื้อแดงก็มีกลุ่มที่เก็บเกี่ยวหาประโยชน์จากเสื้อแดงมาก
ต่างจากเขาที่มีอุดมการณ์ผ่านการต่อสู้ ติดคุกมา 9 เดือน
จนกลายเป็นวีรบุรุษ ที่คนอุดรฯ ยอมรับว่าทำเพื่อส่วนรวม
"มีคนใกล้ตัวนายกฯ ทักษิณมาเป็นนายทุนให้ไอ้พวกคนนี้อยู่
ผมก็ไม่พูดให้กระทบกระเทือนใจกัน เพราะแต่ละคนมีผลประโยชน์ทั้งนั้น
ทำงานเพื่อให้นายเห็นผลงาน เพื่อต่อรองอะไรก็แล้วแต่ผมไม่รู้
แต่ละคนอยากโชว์ผลงาน
เพราะว่ามี สส.บางคนไปหนุนเสื้อแดงอีก ไปหนุนกลุ่มคนขึ้นมาต่อสู้กับผม
ใครที่ออกจากผมไป รับไปอยู่ด้วยหมด เพราะต้องการต่อรอง
จะทำแดงขึ้นมาแข่งกับขวัญชัย เพราะขวัญชัยมันสั่งไม่ได้ สส.ก็สั่งขวัญชัยไม่ได้
ผมไม่อยากเอ่ยชื่อดีกว่า ในจังหวัดอุดรฯ ของผมนี่แหละที่สร้างปัญหาขึ้นมา
มันเริ่มจากจุดนี้และก็ขยายไปเรื่อย"
"เวลาผมให้ สส.อุดรฯ 9 คนขึ้นเวที มีพูดได้คนเดียวสรุปให้ 2-3 นาที
อีก 8 คน ไม่ให้พูด บางคนก็โกรธมาก
แต่มันเป็นเวทีของผมผมไม่ได้เอาเงินคุณมาจ่ายค่าเวที
เป็นเงินของผมและชาวบ้าน
คุณจะมาช่วยผม 2,000-3,000 บาท เป็นเรื่องของคุณ ผมไม่ได้ขอ
"ปัญหาการเรียกรับผลประโยชน์ หรือเหลือบในดงแดง
ขวัญชัยบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ รับรู้ลึก
แต่ช่วงที่ได้นั่งคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ 4 ชั่วโมง
ไม่เคยเล่าให้ฟังเพราะสงสารเนื่องจากทุกวันนี้เห็นอดีตนายกฯ ทุกข์ใจ
อยากกลับบ้านแสนสาหัส แล้วจะเอาความทุกข์ไปให้รับรู้ทำไม เดี๋ยว "นาย" จะเครียดเปล่าๆ
"พวกผลประโยชน์มีไม่มาก แต่เสียงมันดังคือ
กลุ่มคนที่ไปจากผมมีคุณภาพทั้งนั้น แต่เผอิญมันพกความเห็นแก่ตัวไปด้วย
เพราะมันอยากจะเด่น ดัง แบบผม แต่ผมดังมาก่อน
ผมเป็นนักจัดรายการบันเทิงมา
ผมมีต้นทุนมาก่อนผมปั้นนักร้องมา ฉะนั้น ความดังมันอิ่มตัวมานานแล้ว
ผมต้องการอยากสร้างผลงาน เพราะเป็นลูกเขยอุดรฯ"
นปช.ต้องลดบทบาทลง
อดไม่ได้ที่ต้องถามว่า
ทำไมช่วงหลัง"แดงอุดรฯ"ต้องแยกกันเดินกับ "แดง นปช."
ขวัญชัย อธิบายว่า ไม่แปลก เพราะชมรมคนรักอุดรเกิดก่อน นปก.
และ นปช.และเป็นกำลังหลักของ นปช. ในการชุมนุมใหญ่ปีที่แล้ว
คนมาที่ผ่านฟ้าฯ ราชประสงค์2,000 คนต่อวัน ตลอด 60 วันของการชุมนุม
ขวัญชัย อธิบายว่า มีความศรัทธาใน "3 เกลอ" มาก
แต่เมื่อ 3 เกลอ ลดบทบาทลง"ตู่-เต้น" ไปเป็น สส.
"พี่วีระ" ไปจัดทีวี เหลือธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธาน
ซึ่งก็ไม่ได้รับการยอมรับจากแกนนำทั้งหมดจึงเป็นปัญหา
"ผมไม่ศรัทธาอาจารย์ธิดา ผมก็ต้องถอนมา
นี่ผมออกจากคุกมาครึ่งปี ไม่ไปร่วมประชุมแกนนำ นปช.เลยนะ
ตอนที่พวกผมอยู่ในคุก อาจารย์ธิดาเคลื่อนไหวอะไรดูดีไปหมด
แต่หลังจากนั้นผมดูว่าอาจารย์ธิดาไม่ฟังเหตุผลคนอื่น
เขาตัดสินใจเอง เผด็จการเกินไป ไม่ฟังคนอย่างพวกผม
แต่เมื่อพวกผมออกจากคุกมา อาจารย์ธิดาควรลดบทบาทลงบ้าง
ถามพวกผมบ้าง เพราะพวกผมเป็นแกนนำ
เมื่อก่อนแกไม่ได้เป็นแกนนำ แกอยู่เบื้องหลัง ไม่เคยขึ้นเวที"
แต่เวลาแกนนำ นปช. ประชุมก็ยังมีคนเข้าร่วม?
ก็ดูสิว่าใครมีราคาบ้าง ถ้าคนพวกนี้จัดเวทีจะมีคนมาเท่าไหร่
ผมถามหน่อย นอกจากคนที่ไปฟังการแถลงข่าว 100-200 คน ก็หน้าเดิมๆ ทั้งนั้น
แต่ภาพรวมของประเทศพวกคุณได้รับความศรัทธาแค่ไหน
ถ้าไม่มี "ตู่-เต้น" ถามว่าคนจะมาเยอะหรือไม่ ต้องยอมรับความจริงกันบ้าง
"ชินวัฒน์ แรมโบ้ ดร.ประแสง ไวพจน์เขาก็ไม่เอาอาจารย์ธิดาแล้ว
แต่ก็ยังมีกลุ่ม วิสา ไพจิตร วรวุฒิ ที่อยู่กับอาจารย์ธิดา
บางคนก็โทร.หาผมว่า อยู่กันแบบอึดอัดมากเรียกว่าไม่มีความจริงใจต่อกัน
อยู่เพราะอาศัยภาพมวลชนคนเสื้อแดง แต่ความผูกพันของ นปช. กับสมาชิกมันไม่มี"
ขวัญชัย ยังเห็นว่ากิจกรรมของ นปช.ควรลดบทบาทลง
เพราะแกนนำหลายคนได้เป็น สส.แล้ว จึงไม่ควรทำตัวเป็นนกสองหัว
ส่วนอาจารย์ธิดามีแนวคิดเป็นวิชาการ เป็นคอมมิวนิสต์เก่า
ก็ไม่ควรเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ เพราะไม่ใช่นักประชาธิปไตย
ถ้าแกนนำ นปช.อยู่ในสภากันหมด แล้วขานอกสภา
ก็ต้องเป็นขวัญชัยทำมากกว่าอาจารย์ธิดา? "ต้องเป็นทางผมแน่นอน แต่ขอเวลาผมนิดนึง"
สำหรับโครงสร้าง นปช.ที่กำลังเดินหน้าคัดเลือกกรรมการระดับรากหญ้า
ทั้งประเทศไปสู่บอร์ด นปช.ชุดใหม่ที่จะเข้มแข็งกว่าเดิมขวัญชัยไม่เชื่อว่าจะได้ตัวแทนที่แท้จริง
"คนอยากดังมันเยอะ ไปตั้งโดยที่ไม่รู้ความเป็นมาของคนแต่ละคนเลยเนี่ย
และคนเหล่านี้เอาคำว่า นปช.ไปหากิน คนที่น่าสงสารคือคนเสื้อแดงจริงๆ"
"ผมเคยเลือกตั้งมาครั้งหนึ่งตอนตั้งชมรมใหม่ๆ เมื่อปี 2549 มีการโหวตในที่ประชุม
สุดท้ายแต่ละคนก็เอาตำแหน่งไปหาประโยชน์ผมสั่งปลดกลางอากาศเลย
เพราะมีการทุจริตกันขึ้น เงินในบัญชีหายไปหมด มีคนให้เช็คมา 5 หมื่นบาท
แต่ผมไปตรวจสอบบัญชีกลับมีการทุจริตกัน ฝ่ายบัญชี ฝ่ายการเงิน
ผมปลดหมดเลย 3-4 รุ่นแล้ว กระทั่ง 2-3 ปีมานี้ที่ผมเอาเมียผมมาดูแลเรื่องการเงิน
มันจึงกลายเป็นองค์กรที่มีความแข็งแกร่งตอนนี้มีเงินอยู่ในชมรม 4-5 ล้านบาท"
หมู่บ้านเหลือบแดง!
เป็นประเด็นร้อน หลังจาก ขวัญชัย ไพรพนาออกมาชำแหละ "หมู่บ้านเสื้อแดง"
ที่ตั้งขึ้นในภาคอีสานว่า เป็นกลุ่มผลประโยชน์ที่หากินกับเงินบริจาค
เขาเล่าว่า วันนี้มีกลุ่มที่ไปหากินกับคนเสื้อแดงเยอะ
เดิมคิดจะพูดตั้งแต่ช่วงก่อนการเลือกตั้งแล้ว
แต่กลัวกระทบ จนมีสื่อถามหลายครั้งจึงพูดปรามไปเบาๆ
ขวัญชัย บอกว่า คนเสื้อแดงเป็นผู้เสียสละใครทำอะไรที่เกี่ยวกับคนเสื้อแดง
เขาบริจาคหมดทั้งข้าวของเงินทอง นี่คือน้ำใจของคนอีสาน
แต่คนที่เข้าไปทำไม่มีจิตวิญญาณของอุดมการณ์ของความเสียสละของความเป็นส่วนรวม
กลับเห็นแก่ตัวเอง คนที่ออกไปเคลื่อนไหวจัดตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง คือ
ลูกน้องเก่าที่อยู่ในชมรมคนรักอุดรฯประมาณ 10 คนที่หาประโยชน์จากเหตุการณ์นี้
"ผมถามหน่อยจะตั้งทำไมหมู่บ้านเสื้อแดง
ในเมื่ออุดรธานีประกาศเป็นเมืองหลวงคนเสื้อแดงมาแล้ว
และคุณไปที่หมู่บ้าน ก็เป็นการฉวยโอกาสใช่ไหม
คุณจัดคนในหมู่บ้านมา 20-30 คน ปักป้าย ติดธง ติดรูปทักษิณจบเท่านั้นหรือ
คุณได้สัญลักษณ์แต่คุณไม่ได้มวลชน สื่อต่างประเทศซีเอ็นเอ็นก็สนใจมาทำข่าว
เลยกลายเป็นกระแส อย่าง จ.ปทุมธานี และพระนครศรีอยุธยา
ก็หลงกระแสไปกับเขา มันจึงเกิดเป็นโดมิโนไปเรื่อยๆ
คนที่ออกมาพูดก็ไม่รู้เรื่องว่าการสร้างหมู่บ้านเสื้อแดงมันเป็นเพียงสัญลักษณ์ ไม่มีมวลชน
คนเหล่านี้ไม่เคยออกมาต่อสู้กับพวกเรา"
"ถามว่าหมู่บ้านเสื้อแดงประกาศรวมคน จะมีคนถึงพันคนไหมมารวมตัวกัน
วันนี้ความสำเร็จที่เกิดขึ้น
เพราะชมรมคนรักอุดรฯ สร้างมวลชนไว้ทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล ทุกอำเภอ 20 อำเภอ
นี่คือของจริง เวลาผมชุมนุมแต่ละทีทำไมได้ถึง 4-5 หมื่นคนตลอด
ไม่ต้องจ้างคนมาฟังคุณยิ่งลักษณ์ไปปราศรัยที่ จ.อุดรธานี
ในนามขวัญไพรพนา เป็นคนดำเนินการให้"
ประธานชมรมแดงอุดรฯ ระบุว่า ที่ออกมาพูดอย่างนี้
อาจกระทบ นปช.บางคนในระดับท้ายแถว ที่ไปหากินกับคนเหล่านี้
อย่างพ.ต.ต.เสงี่ยมสำราญรัตน์ไปทำหมู่บ้านเสื้อแดงที่อุดรธานีและก็ออกมาโวยวายที่ผมคัดค้าน
"คนเหล่านี้ได้ประโยชน์จากเงินบริจาค คุณลงทุนเท่าไหร่ผมถามหน่อย
ซื้อธง ป้ายเท่าไหร่แต่เงินบริจาคคนนี้ 100 คนนั้น 100 ได้ร้อยคนก็หมื่นหนึ่งแล้ว
สิ่งสำคัญที่สุดที่ผมเป็นห่วงคือเราต้องยอมรับว่า
เสื้อแดงเกิดมาจาก "ไอ้ห้อย"ตั้งแต่ตอนที่เป็น นปก.
ถ้าเกิดเขาสร้างแดงเทียมขึ้นมา แล้วเอาอาวุธไปซ่อนไว้ ปืน 5 กระบอกระเบิด 2 ลูก
เอายาบ้าไปใส่ แล้วเอาตำรวจไปจับ ข่าวพาดหัวหน้าหนึ่ง
หมู่บ้านเสื้อแดงสะสมอาวุธ ซวยไหม คนเสื้อแดงที่มีอุดมการณ์ทั่วประเทศเสียหมด
และจะเข้าไปสู้คดีล้มเจ้า มันจะเข้าทางเขา นี่คือความห่วงใยของผม"
สำหรับขวัญชัยเห็นว่า ต้องยุติหมู่บ้านเสื้อแดง
เอาภาพ พ.ต.ท.ทักษิณลงให้หมด ไม่ให้เกิดความรู้สึกท้าทาย
และกลับมาทำภาคอีสานให้แดงทุกจังหวัด จากปัจจุบันชนะยกจังหวัด12 แห่ง
แต่ก็ยังเหลืออีก 8 จังหวัดที่หายไปบ้าง
"คุณสร้างภาพกันนี่ คุณอยากได้ประโยชน์และคุณก็ต่อรองไปหานายกฯ ทักษิณ
วันนี้ทุกคนช่วยทักษิณหมด แต่คนที่มีหัวใจแท้จริงรักทักษิณอย่างผมมีไหม
ผมถามหน่อย ที่ไม่ได้เอาประโยชน์ นี่คือสิ่งที่ผมยืนยันว่าการทำมวลชนคนเสื้อแดงทำได้
แต่ต้องหาแกนนำที่มีหัวใจอย่างผมที่ไม่ได้สนใจตำแหน่ง ไม่สนใจลาภยศ"
ค่าชดเชยอย่าให้มันเว่อร์
ถึงแม้ไม่มีตำแหน่ง สส. หรือ รัฐมนตรี
แต่ขวัญชัยก็ภูมิใจและมีความสุข ที่ได้อยู่อย่างยิ่งใหญ่
“ผมเดินเข้าพรรค ผมเดินอย่างเท่เลย ผมไม่ได้สส. กรรมการบริหารพรรค
แต่ทุกคนก็ให้การต้อนรับผม ผู้ใหญ่เอ็นดูผมหมด คนอุดรก็ยอมรับผมแล้ว
ออกจากคุกมา ผมใส่เสื้อแดงตลอดในอุดรฯ เดินห้าง เดินตลาดไปไหน
เป็นการวัดเรตติ้ง พิสูจน์สายตาคน เขาชื่นชมผมหมด
พ่อค้าคณบดีเมืองอุดรฯ พิสูจน์ได้ ถ้าขวัญชัยเลว
นักธุรกิจการค้าชื่อดัง “เสี่ยต้อยติ่ง” สุวิทย์ พิพัฒน์วิไลกุล
ก็คงไม่ช่วยเหลือด้วยเงิน 11 ล้านบาท จากที่ผมโทรศัพท์กริ๊งเดียว
มาให้ประกันลูกน้องผม จนศาลปล่อยตัว นี่คือสิ่งที่คนยังคาดไม่ถึง
ขนาดหัวหน้าศาลอุดร ก็ไม่คิดว่า ขวัญชัยจะทำได้
และเขาก็เห็นแล้วว่าคนอย่างผมไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง
เบื้องหลัง ความช่วยเหลือที่ศาลอุดรฯ ปล่อยตัวชั่วคราว 22 เสื้อแดงข้อหาเผาศาลากลาง
โดยวางหลักทรัพย์คนละ 1 ล้านบาทจนกลายเป็น “อุดรโมเดล”
ที่นำไปสู่การขอยื่นประกันตัวแนวร่วมเสื้อแดงตามเรือนจำต่างๆ
อีก 100 กว่าคนทั่วประเทศ ขวัญชัยเล่าว่า
“เรายื่นประกันไป 5 ครั้งก็ไม่ได้ แต่พอผมใช้กระแสสื่อ
สปอร์ตไลต์ทุกสปอร์ตไลต์ส่องไปที่อุดรฯทั้งหมด
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ผมถึงได้ประกัน ต้องการกันแบบนี้หรือ
คุณบอกอย่าใช้กฎหมู่ แต่คุณต้องการให้มีกฎหมู่ใช่ไหม
วันจันทร์คนของผมไปที่ศาลประมาณ 400-500 คน
อยู่ที่เรือนจำ 400-500 คน เพื่อรอรับนักโทษผมออกมาจากคุก
แต่ศาลเลื่อนไปเป็นวันอังคาร พอเป็นวันอังคารบ่ายสองมาบอกผมว่า
ให้ประกันแต่ต้องเพิ่มหลักทรัพย์อีกคนละ 5 แสน 22 คน ก็ 11 ล้าน
และต้องเอาสส. 10 คนที่มาเซ็นเมื่อวานนี้กลับมาอีก
นี่คือสิ่งที่มันเกิดขึ้น มันเป็นบุญวาสนาของพวกผม และของลูกน้องผมที่อยู่ในคุก”
อย่างไรก็ตาม กับ ข้อเสนอของ จตุพร พรหมพันธ์
ที่ให้รัฐจ่ายเงิน 10 ล้านกับศพผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ชุมนุมปีที่แล้ว
ขวัญชัย กลับเห็นต่างว่า ไม่ควรให้ความสำคัญกับเรื่องเงินมากเกินไป
เพราะ มันเป็นแค่ตุ๊กตาที่จตุพร อุปโลกขึ้นมาเพื่อลดความปวดร้าวของญาติผู้เสียชีวิต
จึงประกาศตัวเลขนี้ แต่เมื่อมีคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ
จะลดลั่นอย่างไรก็ค่อยว่า ตามความเหมาะสม
"อย่าให้มันเว่อร์เกินไป เขาได้รับการชดใช้มาแล้วกี่แสน 4 แสน 8 แสน ก็ว่ากันไป
ควรจะเยียวยาเพิ่มเติมอีกเท่าไรเป็นเรื่องคณะกรรมการ
ครอบครัวคนเสื้อแดงที่เขาต้องการวันนี้ คือ
สะสางประวัติศาสตร์ตรงนี้ให้ได้ หาข้อเท็จจริงให้ปรากฎในสังคม
อย่าให้มันเป็นเหมือน 14 ตุลา หรือ พฤษภาทมิฬ คนผิดต้องได้รับการลงโทษ”
ประธานชมรมคนรักอุดรปิดทิ้งท้าย"
http://www.posttoday.com/วิเคราะห์/รายงานพิเศษ/106187/กว่าผมจะเป็นวีรบุรุษ