ที่มา Thai E-News
โดย คุณปูบ้าน
ที่มา เวบไซต์ thaifreenews
5 เมษายน 2552
หลังจากที่ได้สัมผัสพี่น้องชาวเสื้อแดงที่อยู่ในที่ชุมนุมหน้าทำเนียบ และได้สอบถามจากเพื่อน ๆ ผู้มีจิตใจเป็นสีแดงเหมือน ๆ กัน ทุก ๆ คนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ด้วยความฮึกเหิมว่า วันที่ 8 เมษายนนี้ จะต้องไปเข้่าร่วมชุม เพื่อแสดงพลังขับไล่อมาตยาธิปไตยให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทยให้ได้
และดูเหมือนจะมีคนตอบว่า “ไป” มากกว่า “ไม่ไป” ชนิดที่เทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ไม่ได้เลย
พูดง่าย ๆ ก็คือ สัญญาณวันที่ 8 เมษายน สำหรับคนเสื้อแดงได้กลายเป็นวันแห่งสัญลักษณ์การรุกรบ ชนิดที่ต้องถึงขั้น “แตกหัก” กับระบอบอำนาจเดิมอย่างแน่นอน.....
นึก ๆ แล้ว ก็น่าตื่นเต้นสำหรับผู้ที่ไม่เคยเข้าร่วมชุมนุมมาก่อน ซึ่งก็วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นา ๆ
“จะมีการปะทะกันไม๊ ?....
จะมีการล้อมปราบหรือเปล่า ?....
จะสู้อำนาจของเขาได้หรือ ?....
ถ้าีมีรัฐประหารเกิดขึ้นจะทำอย่างไร ?....” ฯลฯ
สำหรับนักสู้หน้าจอ หรือ นักสู้กองหลังจำนวนมาก ก็มักจะแสดงความเห็นเชิงความห่วงใยในลักษณะนั้นเสมอ....
แน่นอนว่า ความเคลื่อนไหวในวันที่ 8 เมษายนที่จะถึงนี้ คงจะไม่ใช่การเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องอย่างธรรมดา ๆ เหมือนที่ผ่านมา
แต่สำหรับการชุมนุมของคนเสื้อแดงในวันที่ 8 นี้ เป็นการต่อสู้ของอำนาจคู่ 2 อำนาจ คือ อำนาจเผด็จการที่ครองประเทศมาอย่างยาวนาน และอำนาจประชาชนที่แท้จริงที่ต้องการเรียกร้องอำนาจของตนคืนมา....
ไม่มีใครสามารถทราบได้อย่างแท้จริงว่า เมื่อประชาชนจำนวนนับแสนคน มารวมตัวกันเพื่อขับไล่อำนาจเผด็จการในวันที่ 8 เมษายนที่จะถึงนี้ จะมีอะไรเกิดขึ้นในวันนั้นบ้าง
เหตุการณ์อาจจะผ่านไปอย่างสงบ เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นคือ แค่มีคนจำนวนมากมารวมตัวกันเรียกร้องแล้ัวก็เลิกรากันไป หรืออาจจะมีคนจิตวิตกบางคน นำกองกำลังทหาร ออกมาทำการปราบปรามประชาชนโดยใช้กำลัง ก็เป็นไปได้ทั้ง 2 ทาง....
แต่ที่แน่ ๆ สิ่งที่ประเทศนี้ไม่สามารถจะปฏิเสธต่อไปได้อีกแล้ว ก็คือ ประชาชนไทยได้สร้างอำนาจคู่ขึ้นมาเพื่อคานอำนาจของเผด็จการ และเรียกร้องให้นำประชาธิปไตยกลับคืนมาเป็นของประชาชนไทยอย่างสมบูรณ์อีกครั้ง
สัญญาณความเคลื่อนไหวอย่างมีนัยยะสำคัญของประธานองคมนตรี ที่ไปปักหลักอยู่ที่บ้านไ้ร้กังวล จังหวัดนครราชสีมา หลังจากถูกเปิดเผยอย่างหมดเปลือกว่า เป็นผู้กุมอำนาจเผด็จการ และือิทธิพลทางการเมืองมาอย่างยาวนาน อีกทั้งมีนายทหารและกลุ่มผู้สนับสนุน พล.อ. เปรม จำนวนมาก ที่ออกมาแสดงพลังข่มขู่คนเสื้อแดงในยามนี้.... แสดงให้เห็นชัดเจนว่า อำนาจเผด็จการที่ครองประเทศอยู่ในเวลานี้ คงจะไม่ยอมรามือง่าย ๆ อย่างแน่นอน
อำนาจเป็นสิ่งหอมหวานสำหรับผู้่ี่ที่ได้ครอบครอง และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด หรือจะอยู่ในสภาพใด มนุษย์ก็ยังคงกระหายหาอำนาจอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย....
พล.อ. เปรม แม้จะอายุอยู่ในวัยที่เรียกได้ว่า “วัยชรา” ซึ่งควรจะมีชีวิตอย่างสุขสงบ และได้รับความเคารพนับถือย่างสูงจากผู้คนในชาติ ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี และรัฐบุรุษ
แต่ในทางตรงกันข้าม เรื่องราวกลับมิได้เป็นเ่ช่นนั้น เมื่อความจริงที่ถูกปิดซ่อนเอาไว้ ตลอดระยะเวลาหลายสิบปี ได้ถูกเปิดเผยออกมาอย่างหมดเปลือก ภาพของ พล.อ. เปรม ผู้เป็นรัฐบุรุษที่แสนสุภาพ กลับกลายเป็นภาพของ ซาตานผู้กระหายเลือดภายในพริบตา
สถานการณ์วันที่ 8 เมษายนนี้ เป็นสถานการณ์การสู้รบของประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศ กับอำนาจเผด็จการเดิม ที่ครอบครองประเทศนี้....
อำนาจเผด็จการ ทรงพลังด้วยสรรพอาวุธและสถานะทางการปกครอง เนื่องด้วยครองอำนาจต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน.... ซึ่งคงเป็นไปได้ยาก ที่จะยอมสละอำนาจนั้นไปโดยง่าย
แต่ขณะเดียวกัน ประชาชนผู้รักประชาธิปไตย ซึ่งได้ตื่นขึ้นมาจากความมืดบอดทั้งปวง ก็คงจะไม่ยอมให้อำนาจเผด็จการ แย่งชิงอำนาจไปจากประชาชนอีกอย่างแน่นอน
การปะทะกัีนครั้งนี้ คงยากที่จะมีคำว่า “เสมอ”
หลายครั้งที่ผ่านมา เมื่อปะทะกันระหว่างอำนาจของประชาชนกับอำนาจเผด็จการ และเมื่อเผด็จการใกล้จะพ่ายแพ้ ก็มักจะมีเหตุการณ์ที่ทำให้ออกลูกเสมอทุกครั้ง...
แต่สำหรับครั้งนี้คงยาก เพราะคงจะไม่มีใครในประเทศนี้ ที่เป็น “ผู้ใหญ่” เพียงพอ ที่จะยุติความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับเผด็จการอมาตย์ในครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน
เมื่อพลังฝ่ายประชาชนไม่ยอมหยุดการต่อสู้ครั้งนี้ แน่นอนว่า เผด็จการอมาตย์ก็คงไม่ยอมถอยเช่นกัน
พลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ 2 อำนาจ ต่างก็วิ่งเข้าหากันด้วยกำลังแรง และไม่มีฝ่ายใดยอมหยุด หรือยอมถอย การปะทะกันครั้งนี้ ต้องมีผลออกมาไม่ทางใดก็ทางหนึ่งคือ “ไม่ชนะ ก็แพ้”
วันที่ 8 เมษายนนี้ จะไม่เป็นเพียงแค่พี่น้องชาวเสื้อแดงรวมกลุ่มกัน เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยเท่านั้น แต่จะเป็นวันที่ประชาชนจะร่วมกัน เขียนประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยขึ้นใหม่เพื่อประเทศนี้
ประชาธิปไตย จะต้องได้รับการสถานปนาขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ในประเทศไทย เพื่อประชาชนไทย และโดยประชาชนไทย...........
พีน้องประชาชนไทยผู้รักประชาธิปไตยทุก ๆ ท่าน เวลาของท่านที่จะเป็นนักสู้เพื่อประชาธิปไตย “ตัวจริงเสียงจริง” มาถึงแล้ว
วันที่ 8 นี้ จะไม่มีนักสู้หน้าจอ หรือ นักสู้กองหลังอีกต่อไป แต่ทุก ๆ คนจะกลายเป็นนักสู้ประชาธิปไตยภาคสนาม และท่านจะเป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์หน้าสำคัึญหน้าหนึ่งสำหรับประเทศนี้....
เวลาของท่าน และข้าพเจ้าได้มาถึงแล้ว มิใช่เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง แต่เืพื่อลูกหลานของเรา และเพื่อประเทศไทยอันเป็นที่รักของเราทุก ๆ คน ต่อไปในอนาคต