WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, September 10, 2010

‘ศิริโชค’มุดคุก! หรือจะเป็นลาง?

ที่มา บางกอกทูเดย์




‘ต่อพงษ์’ลุยไม่เลิก... เกิดอะไรกับ ‘บูท’?
กลายเป็นหนังเรื่องยาวไปแล้ว กรณีที่นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์
และคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี ดอดเข้าคุก
เพื่อไปเยี่ยมนายวิคเตอร์ บูท ผู้ต้องหาค้าอาวุธที่เรือนจำบางขวาง

งานนี้แม้จะมีการพาดพิงไปถึงฮอลีวูด
แต่เชื่อแน่นอนว่าทางฮอลีวูดคงไม่ใช้สิทธิพาดพิง
และไม่เอาเรื่องราวของนักการเมืองไทยไปทำเป็นหนังอย่างแน่นอน

เพราะไม่ว่าอย่างไรเรื่องนี้มีกลิ่นของการผิดศีลข้อ 4 ในพุทธศาสนาอย่างแน่นอน

เพียงแต่ว่า ณ วันนี้ สถานการณ์บ้านเมือง และกลไกอำนาจทางการเมืองมันผิดเพี้ยนไปหมด
จากการที่มีกลุ่มขั้วอำนาจเข้ามาเล่นเกมยึดกุมอำนาจรัฐอย่างเห็นได้ชัด

ผิดก็ให้เป็นถูกได้ และแน่นอนที่คิดว่าถูกก็สามารถพลิกให้กลายเป็นผิดได้อย่างสบาย

สถานการณ์เช่นนี้แน่นอนว่า ความยุ่งเหยิงทางการเมืองของไทย
ยังต้องผจญวิบากกรรมอีกยาวไกล

ยิ่งนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน อยู่ในสภาวะ
ที่ต้องตอบแทนบุญคุณคนรอบข้างสารพัด ไล่มาตั้งแต่
กลุ่มอำนาจ กลุ่มนายทหารบางกลุ่ม กลุ่มแกนนำพันธมิตร กลุ่ม ส.ส. กลุ่มนักการเมือง...
แค่นี้ก็เห็นแล้วว่าจะเหลือความเป็นตัวของตัวเอง หรือเหลือสติสัมปชัญญะสักเท่าไร

ต่อให้เป็นนักเรียนนักศึกษาเรียนดีของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดก็ตาม
มาเจอสิ่งที่ในตำราไม่ได้เขียนไว้ ก็จอดไม่ต้องแจวเหมือนกัน

เพราะเมื่อติดหนี้บุญคุณที่สานฝันดันก้นให้เป็นนายกรัฐมนตรีทางลัด
เมื่อทหารจะของบ หรือจะขอตำแหน่ง จะกล้าทัดทานได้หรือ

หรือเจอนักการเมืองที่เปลี่ยนสีประดุจเปลี่ยนกางเกงใน พร้อมจะกอดกับใครก็ได้
จะร้องห่มร้องไห้เมื่อไหร่ก็ได้... เมื่อติดบ่วงไปแล้ว
ทุกวันนี้รู้ทั้งรู้ว่าค่ายนี้นิยมยัดโครงการ อภิมหาโปรเจกต์เข้ามาเป็นระยะๆ ในครม.
ล้วนแล้วแต่หลักหมื่นหลักแสนล้านบาท แล้วจะทำอะไรได้

ได้แต่เล่นดึงเกมดึงเวลาประคองตัวไปวันๆ แต่ไม่กล้าที่จะหักกลางลำ
ก็เลยต้องให้เก้าอี้บ้าง ให้โครงการเล็กๆบ้างเป็นน้ำจิ้มไปตามเกม

แต่ข้าราชการทั่วไปเขาไม่สนุกด้วยแน่ มีอย่างที่ไหน
ถ้าโดนอันดับ 2 อันดับ 3 ลัดคิวข้ามหัว ยังพอกล้ำกลืนฝืนทน
แต่นี่เลยเอาลำกับที่ 54 ข้ามหัวรวดเดียวมาอยู่หน้าลำดับที่ 1
จะไม่เจ็บปวดกระดองใจได้อย่างไร

เพราะบางคนตอนที่เด็กเส้นยังเป็นแค่นายอำเภออยู่เลยนั้น
คนอื่นเป็นถึงรองผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว...
ใครจะคิดว่า จะมีรายการนั่งเรือเหาะข้ามหัวกันได้ขนาดนี้

แม้แต่บรรดาคนรอบข้าง อย่างนายศิริโชค
ที่สื่อมวลชนอุตส่าห์เป็นห่วงเป็นใยนายอภิสิทธิ์จะเสียภาพลักษณ์และเปลืองตัวโดยใช่เหตุ
อุตส่าห์ตั้งฉายาให้นายศิริโชคแบบประชดประชันให้ทั้งนายอภิสิทธิ์และนายศิริโชครู้ตัวว่า

“วอลล์เปเปอร์”

แทนที่จะสำนึกที่ไหนได้กลับยิ่งภูมิใจ เสนอหน้าใกล้ชิดได้อย่างเปิดเผย
ในขณะที่นายอภิสิทธิ์ก็ไม่มีแม้แต่จะกระแอมไอสักนิดเพื่อห้ามปราม

แล้วจะไม่ให้คนทั่วไปเข้าใจผิดว่าคงมีตำแหน่ง ผู้ช่วยนายกรัฐมนตรี...
อะไรประมาณนั้นได้อย่างไร

แต่โบราณสอนไว้นานกาเล ว่าเลี้ยงหมาให้ระวังนะลูก หมาจะเลียปากเอา

วันนี้กรณีของนายศิริโชคที่มุดคุกบางขวาง
จึงกลายเป็นประเด็นลามไปถึงนายอภิสิทธิ์ให้เปื้อนไปด้วย

รู้เห็นเป็นใจหรือเปล่า??? ... ใช้ให้ไปหรือไม่???...

หรือว่าจริงๆแล้วไม่รู้อะไรเลย แต่สุดท้ายต้องพลอยโจนไปด้วย

งานนี้จึงทำให้พรรคเพื่อไทยใช้เป็นเกมในการตรวจสอบอย่างเข้มข้น

ยิ่งเมื่อจับพิรุธพูดไม่ตรงได้ทีละชอตทีละซีน สังคมยิ่งเหวอว่าอะไรกันนี่

เริ่มจากวันที่มุดเข้าคุก ทีแรกก็ว่าเข้าไปตามกระบวนการปกติ
แต่มาเจอหลักฐานยันว่าเข้าไปในวันที่ 15 เมษายน
ซึ่งเป็นวันหยุดราชการที่ราชทัณฑ์ห้ามเยี่ยม...
นั่นแสดงว่าจะต้องมีการใช้กำลังภายใน
ใช้ความเป็นรัฐบาล
ใช้ความเป็นคนใกล้ชิดนายกฯในการเปิดคุกให้เข้าไปใช่หรือไม่?

ต่อมาก็มาเจอประเด็น ว่าแนะนำตัวเป็นผู้ช่วยนายกรัฐมนตรี
เพราะเวลาชี้แจงว่าไม่เข้าใจว่าไปทำไม ไปในฐานะอะไร ก็บอกว่าไปในฐานะ ส.ส.
เพราะเห็นเป็นคดีดัง...
ทั้งๆที่คดีอื่นที่ดังกว่านี้ มีอีกมากมาย ไม่เห็นคิดจะไป

ยิ่งทางซีกนายบูทยืนยันว่า มีการแนะนำตัววาเป็นผู้ช่วยนายกรัฐมนตรีจริงๆ
ไม่งั้นจะไปเอามาจากไหน นายศิริโชคก็ออกแบบสีข้างถลอกเลยว่า
คงเป้นความเข้าใจผิดเพราะนายบูทไม่เข้าใจภาษา
ก็เลยอาจจะไปแปลหรือสื่อความให้ภรรยาให้ทนายฟังผิด

คงลืมไปว่า วิคเตอร์ บูท นั้นเป็นนักค้าอาวุธ เป็นอดีตเคจีบี
ที่สำคัญยังเคยทำหน้าที่เป็นล่าม เรื่องภาษาสากลสำหรับคนประเภทนี้ ต้องถือว่าชิลด์ๆ...
คนไปเรียนต่างประเทศแบบนายศิริโชค ที่กลับมาแล้วพยายามพูดไทยคำอังกฤษคำ
จะมีความรู้ภาษาอังกฤษดีกว่านายบูทจริงๆหรือ???

งานนี้ก็เลยกลายเป็นเรื่องและบานปลายอย่างที่เห็น

เพราะนักการเมืองคลื่นลูกใหม่ไฟแรงอย่าง
นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ ไม่ตลกด้วย
เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เสี่ยงต่อการกระทบกระเทือนความสัมพันธ์
ระหว่างประเทศกับแค่เฉพาะประเทศรัสเซียเท่านั้น

แม้แต่สหรัฐอเมริกาก็กระทบกระเทือนไปด้วยแล้ว

แถมรัสเซียยังมีการตั้งคำถามดังไปทั่วโลก ว่า
มาตรฐานกฎหมายไทยเชื่อถือได้แค่ไหน มี 2 มาตรฐานหรือไม่???

คณะกรรมาธิการต่างประเทศ รัฐสภา จึงอยู่เฉยไม่ได้

นี่คือสาเหตุที่นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ในฐานะประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ
ต้องเข้าไปพบนายวิคเตอร์ บูท ที่เรือนจำ เพื่อซักถามข้อมูลข้อเท็จจริง ว่าอะไรกันแน่

ขณะเดียวกันก็ต้องเชิญนายศิริโชค ให้ เข้าชี้แจงกรณีที่มุดคุกไปพบนายวิคเตอร์ บูท ด้วย

เพราะนายต่อพงษ์ ยืนยันว่า คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ เข้าพบนายบูทแล้ว
แต่ได้รับข้อมูลต่างกัน
โดยนายศิริโชค ชี้แจงว่า เป็นการทำหน้าที่ของส.ส. ที่ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง

แต่ในท่าทีและควมต้องการ ซึ่งตรงกันทั้งการบอกของนายบูท
และการยอมรับของนายศิริโชค ก็คือ นายศิริโชคพยายามที่
จะหาจุดเชื่อมโยงระหว่างนายบูท กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้ได้

รวมทั้งพยามหาจุดเชื่อมโยงว่าอาวุธที่จับได้เกี่ยวข้องกับการชุมนุมของคนเสื้อแดงด้วยหรือไม่???

ส่วนจะมีการยื่นข้อเสนอใดๆหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ยากจะมีใครยอมรับ
เพราะลำพังแค่เข้าไปกับใคร หรือเข้าไปคนเดียว ประเด็นนี้ก็ยังซัดกันนัวอยู่เลย

ทั้งๆที่การขนอาวุธนั้นถูกจับได้เมื่อเดือนธ.ค.52 ก่อนที่จะมีการชุมนุมของคนเสื้อแดงด้วยซ้ำ!!!

แถมนายจตุพร พรหมพันธ์ุ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช. ยังตั้งคำถามตรงๆว่า
ถ้าแบบนี้ทำไมถึงไม่ยอมเพิ่มข้อกล่าวหาให้กับนายบูท แต่กลับปล่อยตัวลูกเรือจำนวน 5 คน คือ
ชาวเบรารุส และชาวคาซัคสถานที่ถูกจับกุมพร้อมหลักฐานอาวุธชัดเจน แต่กลับจับกุมนายบูทไว้

และที่บอกว่ามีการนำอาวุธสงครามไปใช้การชุมนุมนั้น ไม่ทราบว่า
นายศิริโชคได้เห็นอาวุธหรือไม่
เพราะอาวุธสงครามยาวเป็นเมตร จะไปใช้ในการชุมนุมได้อย่างไร?

เนื่องจากตอนนั้นภาพข่าวต่างๆมัชัดเจนว่าอาวุธที่จับได้ เป็นจรวดขีปนาวุธ
โดยไม่ได้มีการกล่าวถึงจรวดอาร์พีจี แต่อย่างใด

ก็เลยกลายเป็นการปะทะคารมกันอย่างรุนแรงระหว่างนายจตุพรกับนายศิริโชค กระทั่ง
นายเจริญ คันธวงศ์ ที่ปรึกษากมธ. ต่างประเทศ ได้กล่าวเตือนสติว่า
อย่าใช้เวทีกมธ.ต่างประเทศเป็นเวทีโต้เถียง
โดยใช้อารมณ์ ขอวิงวอนให้อยู่ประเด็นและเกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย

ซึ่งนายต่อพงษ์ ได้ให้แต่ละฝ่ายสรุป โดยนายจตุพร กล่าวสรุปว่า
ถึงแม้ว่าตนจะไม่เปิดอภิปรายถึงนายศิริโชคเข้าพบนายบูท
หรือสื่อมวลชนไม่เขียน ทางการรัสเซียก็รับรู้ได้ว่า ประเทศไทยกำลังทำอะไร ดังนั้น
นายศิริโชคอย่าโทษบุคคลอื่น

และตนขอเรียกร้องให้กรรมาธิการหรือหน่วยงานใดก็ตามที่เกี่ยวข้อง
ขอให้ดำเนินการที่เกี่ยวข้องต่อ เพราะสิ่งที่นายศิริโชคเปิดเผยในที่ประชุมนั้น ชัดเจนแล้วว่า
มีความเชื่อมโยงการค้าอาวุธกับนายบูท ซึ่งนายศิริโชคที่ระบุว่า ทำเพื่อประเทศ
ก็ต้องไปให้ปากคำที่เป็นข้อมูลเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ เพื่อทำคดีเพิ่ม

หากนายศิริโชคไม่ดำเนินการใดๆ จะถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตนจะติดตามดู

ด้านนายศิริโชค กล่าวว่า สิ่งที่ตนพยายามบอกวันนี้คือ
การเข้าไปพบนายบูทของกมธ.ต่างประเทศนั้น
นายบูทไม่ได้บอกความจริงกับกมธ.ทั้งหมด ผมยืนยันว่าไปเอาข้อมูลเรื่องเครื่องบินที่ถูกจับ
ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องหรือแทรกแซงคดีของนายบูทอย่างที่ถูกกล่าวหา

ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ว่าอย่างไรก็คงยังไม่จบง่ายๆแน่

ยิ่งนายวิคเตอร์ ได้พยายามยื่นหนังสือเป็นภาษาอังกฤษความยาว 5 หน้า
ให้คณะกรรมาธิการต่างประเทศ เพื่อเป็นลายลักษณ์อักษรในการให้ข้อมูล
แต่เนื่องจากจะต้องมีการตรวจสอบของกรมราชทัณฑ์
ก่อนที่จะส่งต่อไปให้คณะกรรมาธิการต่างประเทศ
ซึ่งสุดท้ายทางกรมราชทัณฑ์ พิจารณาไม่ให้เปิดเผยหนังสือดังกล่าว

จึงยิ่งกลายเป็นปมประเด็นมากขึ้นไปอีก และก่อให้เกิดข้อสงสัยมากขึ้นสำหรับสังคมไทย

งานนี้จึงต้องถือว่า นายศิริโชค โสภา เปลืองตัวอย่างที่สุด
และพลอยทำให้นายอภิสิทธิ์ ต้องร้อนไปด้วย

เพราะนี่คือผลงานของวอลล์เปเปอร์ของนายอภิสิทธิ์นั่นเอง!!

ที่สำคัญหลังความจริงปรากฏ ไม่ใครก็ใครอาจจะต้องย้ายนิวาสถานกันบ้างก็ได้???