เมื่อเวลา 17.40 น. วันที่ 6 กันยายน รายการข่าวเรื่องเด่นเย็นนี้ ทางทีวีช่อง 3 ในช่วงเจาะข่าวเด่น ของ"สรยุทธ สุทัศนะจินดา" ได้นำ นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ต่างประเทศ และนายศิริโชค โสภา ส.ส. สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ คนสนิทนายกรัฐมนตรี มาออกในรายการ
กรณี นายศิริโชคเข้าเยี่ยมนายวิคเตอร์ อนาโตลเจวิช บูท ผู้ต้องหาค้าอาวุธชาวรัสเซีย เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา ทำให้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ต่างประเทศ ที่มีนายต่อพงษ์ ไชยสาส์น จากพรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นประธาน ต้องรุดไปไปเยี่ยมนายวิคเตอร์บูทเมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมาบ้าง จนมีการแถลงข่าวตอบโต้กันไปมาระหว่าง 2 ฝ่าย เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา
ต่อพงษ์ : ข้อมูลจากการแถลงของคุณศิริโชค โสภา กับข้อมูลจากการแถลงของภรรยานายวิคเตอร์ บูธออกมาไม่ตรงกัน ซึ่งประเด็นนี้ก็ตั้งประเด็นได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องทางการเมืองหรือไม่ เพราะเราเป็นนักการเมืองและคนที่เกี่ยข้องก็เป็นนักการเมือง แล้วข้อมูลที่ล่องลอยต่างๆนั้นอะไรจริงอะไรเท็จ
ส่วนตรงนั้นกรรมาธิการก็ตั้งคำถามว่าควรนำความจริงมาสู่สาธารณชน จึงเข้าไปพบวิคเตอร์ บูธ ซึ่งก็ได้มีการซักถามอย่างตรงไปตรงมา ตามที่เป็นข้อมูลตามสาธารณะที่คุณศิริโชคได้บอกว่าไปในนามสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ของปวงชนชาวไทย ตามที่วิคเตอร์ บูธได้นำเสนอตอนท้าย แต่ตอนแรกเป็น"ผู้ช่วยส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี" ถ้าบอกในลักษณะแบบนั้นก็คือเป็นส่วนของรัฐบาล ถ้าบอกว่ารัฐบาลเกี่ยวข้องแล้วจะกลายเป็นก้าวก่ายอำนาจศาลหรือไม่ ซึ่งประเด็นคำถามคือเจตนาของคุณศิริโชคเข้าไปเพื่ออะไร
ศิริโชค : ถ้าบอกว่าเป็นผู้ช่วยส่วนตัวก็หมายถึงเป็นในนามส่วนตัวอยู่แล้ว ถ้าสมมติพูดแบบนั้นจริง แต่พอดีผมไม่ได้พูด ผมเข้าไปแนนะตัวในฐานะส.ส. ต้องเข้าใจว่าคุณวิคเตอร์ บูธเป็นผู้ต้องหาระดับโลก เขาจะไปบอกคุณต่อพงศ์ทุกอย่างที่เป็นความจริงหรือเปล่า ผมยืนยันว่าผมไปพบข้อมูลที่ฝ่ายค้านศรีลังกากล่าวหาคุณทักษิณไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าอาวุธ ผมก็เข้าไปเพื่อเอาข้อมูล แต่คุณต่อพงษ์เข้าไปแล้วใช้กรรมาธิการต่างประเทศอ้างเพื่อเข้าไปป้องความจริงให้กับคุณทักษิณ ต่อมาก็พิสูจน์ให้เห็นชัดว่าตกลงสิ่งที่เกิดขึ้นคือแก้ตัวให้กับคุณทักษิณและพ่อค้าความตาย
ต่อพงษ์ : ถ้าคนที่ถูกกล่าวอ้างไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ โดยท่านจตุพรถามในที่ประชุมงบประมาณว่าท่านศิริโชคเข้าไปจริงหรือไม่ แต่คุณศิริโชคก็ต่อความยาวสาวความยืดออกไปไปเกี่ยวข้องกับคุณทักษิณ ซึ่งท่านไม่ได้อยู่ในที่นั้น และท่านก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้เลย ประเด็นมันเกิดขึ้นเมื่อโดนพาดพิงแต่บุคคลที่ถูกพาดพิงไม่สามารถมาชี้แจง แล้วใครจะให้ความเป็นธรรม
ศิริโชค : จริงๆแล้วคุณทักษิณมีโอกาสชี้แจง เพราะฝ่ายค้านศรีลังกาแถลงตั้งแต่เดือนเมษายน ผมเอาข้อเท็จจริงของฝ่ายค้านมาพูด ตนจึงต้องเข้าไปหาข้อเท็จจริงจากนายวิคเตอร์ บูธ
สำหรับข้อเท็จจริงประเด็นเรื่องที่จะพิสูจน์คำถามว่า นายศิริโชค เข้าไปเพื่อต่อรองว่าถ้าให้ร้ายคุณทักษิณจะไม่ถูกดำเนินการ หรือไม่ นายต่อพงศ์ กล่าวว่า ประการแรกนายวิคเตอร์ บูธเขาบอกว่าคุณศิริโชคให้อ่านรายงานที่คุณศิริโชคกล่าวอ้างมาหรือก็คือข้อมูลของฝ่ายค้านศรีลังกา เมื่อวิคเตอร์ บูธอ่านแล้วจึงถามว่า "มันเกี่ยวอะไรกับผม"
ถ้าถามว่าต้องลำเลียงสินค้า เขาก็วาดแผนที่ให้เลยจากเคฟ ถ้าจะไปเปียงยาง มัน 1 หมื่นไมล์ คุณก็บินจากเคียฟไปเปียงยางแล้วลงมาจำหน่ายตามสินค้านั้นๆไม่ดีกว่าหรือ ทำไมเครื่องบินลำนั้นต้องบินจากเคียฟแล้วมายูเออี จากยูเออีมาไทยเพื่อเติมน้ำมัน แล้วไปเปียงยาง แล้วจากเปียงยางจึงมากรุงเทพฯ แล้วจากนี้จะไปไหนก็เรื่องของเขา แต่การที่ต้องย้อนลงมามันใช้ระยะทางถึง 25,000 ไมล์ สื่อความหมายว่า ถ้าลงทุนทางธุรกิจก็เจ๊ง นัยยะของคนที่ดำเนินการก็ต้องมีเบื้องหลัง เขาก็ตั้งคำถามว่าไม่รู้ว่าใคร แต่คนที่ทำต้องมีอำนาจแน่ คือคุณวิคเตอร์ บูธบอกว่าคุณศิริโชคถามว่า คุณรู้จักคุณทักษิณหรือไม่ เคยทำธุรกิจหรือไม่ แม้กระทั่งเคยคิดจะทำธุรกิจด้วยกันไหม ซึ่งคุณวิคเตอร์ก็บอกว่าไม่รู้จัก ตรงนี้ก็ต้องให้ความเป็นธรรมด้วย
ศิริโชค : การที่จะเข้าไปคุยกับผู้ค้าอาวุธระดับโลกต้องมีข้อมูลให้ดี ไม่อย่างนั้นก็โดนเขาต้ม ที่เขาบอกว่าเครื่องบินบินจากเคียฟนี่ไม่จริง ในแผนการบินแสดงว่าบินมาจากอาเซอร์ไบจัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณวิคเตอร์ บูธบอกนั้นไม่จริง และในแอร์เวย์ บิลล์นั้นเขาไม่ได้ลักลอบสินค้า แต่เขายัดไส้สินค้า คือทำเป็นว่าเป็นเครื่องบินพาณิชย์ ก็เลยต้องบินตามจุดต่างๆ ซึ่งต้องตรวจข้อมูลมาก่อนไม่อย่างนั้นก็จะโดนเขาหลอกว่ามาจากเคียฟ
ต่อพงษ์ : ตั้งคำถามต่ออีกว่า
ถ้าบอกว่ามีการยัดไส้ แล้วทำไมไม่จับนักบินทั้ง 5 คนและเครื่องบิน ทำไมถึงปล่อยไปและยึดแค่อาวุธซึ่งตรงนี้เป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วว่ามันมีอะไรอยู่เบื้องหลัง พยายามโยงใยให้เห็นว่ามีบุคคลเกี่ยวข้อง โดยกระบวนการทั้งหมดเป็นการสร้างขึ้นมาและนำไปพูดโดยไม่ตรงความเป็นจริง อยากให้สาธารณชนรับทราบว่าให้หยุดการใส่ร้ายกัน
ศิริโชค : ต้องดูว่าเครื่องบินเป็นของใคร จดทะเบียนชื่ออะไร เช้าต่ออย่างไร ซึ่งมันเป็นปัญหาที่หลบซ่อนเพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าใครเป็นเจ้าของเครื่องบิน ตนเห็นเครื่องบินลำนี้มีส่วนเกี่ยวกับวิคเตอร์ บูธ
ต่อพงษ์ : ขอตั้งคำถามเพิ่มเติมว่า คุณศิริโชคจะจับกุมึณทักษิณ ทำไมคุณศิริโชคไปถามกับนายวิคเตอร์ บูธ
ศิริโชค : คุณต่อพงษ์ไม่รู้เรื่องที่ผมไปคุยมา นายวิคเตอร์ บูธถามกล่าวว่า สหรัฐไม่มีความจริงใจกับเราเลย ซึ่งผมไม่อยากจะพูดเพราะมันกระทบประเทศที่ 3 นายวิคเตอร์กล่าวว่า ถ้าสหรัฐมีความจริงใจจริงป่านนี้ก็ต้องจับคุณทักษิณให้เราได้แล้ว ผมถามว่าถ้าผมมีหมายเลขเครื่องบินของคุณทักษิณแล้วเราจะทำอย่างไร ซึ่งตรงนี้มันเป็นคำถามต่อเนื่องที่สนทนาต่อกัน
ต่อพงษ์ : ประเด็นคือสิ่งที่นายศิริโชคกล่าวมามันไม่ตรงกันกับข้อมูลในสาธารณะ ผมจึงมีหน้าที่ถามว่า สิ่งที่นายศิริโชคพูดจริง เท็จอย่างไรเพราะคำแถลงการณ์ภรรยานายวิคเตอร์ออกมาไม่ตรงกัน
นอกจากนี้ ในประเด็นข้อคำถามว่า นายศิริโชคไปหานายวิคเตอร์ บูธเพียงคนเดียวจริงหรือไม่
ศิริโชค : ยืนยันว่า ผมไปพบนายวิคเตอร์เพียงคนเดียวจริง
ต่อพงษ์ : นายวิคเตอร์ บูธกล่าวว่า มีคนมาเยี่ยม 2 คนแต่งตัวคล้ายกันใส่กางเกงสแลคสีดำ เสื้อเชิ้ตสีขาว และแจ็คเก็ตสีดำ และมาโดยไม่แจ้งสถานะตัวเอง
ศิริโชค : เวลาผมไปหานายวิคเตอร์ ผมไปนั่งรอประมาณ 5 นาที โดยมีเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์นั่งฟังอยู่ข้างใน แต่ผมไม่แน่ใจว่านายวิคเตอร์ บูธพูดถึงเรื่องอะไร เพราะเขาเป็นพูดต้องหา