ที่มา ข่าวสด
คาดเชือก คาถาพัน
อย่างที่ผู้นิยมการชมนิยายบอกเอาไว้แต่ไหนแต่ไรว่า
หนังชีวิตต้องดูกันยาวๆ
แล้วหนังชีวิตเรื่องเก่า 20 ปียังไม่จบอย่าง "นิยายรักซาอุฯ" ก็หวนคืนจอเป็นรอบที่เท่าไหร่จำไม่ได้
รู้แต่ว่ามาหนไหน ดังระเบิดหนนั้น
ไม่ว่าฉายช่วงรัฐบาลไหน รัฐบาลนั้นก็ออกอาการจับไข้
ยิ่งมาฉายในช่วงรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งขึ้นชื่อว่านิยมหนังสยองขวัญต่างประเทศ
ไม่ว่าจะเป็น "ยุทธการล่าหนูรอบโลก" "แกะขาวในหมู่แกะดำสุวรรณภูมิ" "ม่านไม้ไผ่ไม่ซี้ด้วย" หรือ "ระหว่างกรงเล็บหมี-อินทรี"
ยิ่งหนักข้อเข้าไปใหญ่
ทั้งที่ดูจากหนังรอบก่อนๆ ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่า เวลาที่หนังเรื่องนี้ฉาย จะเกิดภาวะถล่มทลายทางรายได้ (ของชาวบ้าน) ทุกครั้งไป
ไม่นับหน้าตาที่แหกเป็นริ้วปลาช่อนอีกต่างหาก
ก็ยังดันทุรังไปกระตุ้นให้เขาสร้างหนังภาคใหม่กลับมาฉายอีกจนได้
ท่ามกลางความงงงวยของผู้ชมคนอื่นๆ ทั่วไป ที่แทบไม่เชื่อสายตาว่า จะมีคนเอาประโยชน์ส่วนตนหรือประโยชน์ของพวกเป็นใหญ่
แล้วโยนประโยชน์ของส่วนรวมไปกระทืบทิ้งได้หน้าตาเฉย
ไม่น่าเชื่อ แต่ก็เกิดขึ้นแล้ว
ทำเองกับมือแล้วยังมี หน้าบอกว่า หนังออกฉายเมื่อไหร่จะส่งจดหมายไปชี้แจงทำความเข้าใจ
ทำเป็นเรื่องเล่นไปได้
นี่ถ้าเขาปิดวิกเมืองไทย ตัดใจว่าต่อไปนี้เลิกกันที จะไม่มีหนังมาฉาย ไม่มีเยื่อใยต่อกันอีกแล้ว
ใครจะรับผิดชอบความ เสียหายที่เกิดขึ้น
ธรรมดาเวลาพูดถึงคนแกว่งเท้าหาเสี้ยน ก็มักจะเป็นเรื่องของเท้าใครเท้ามัน
ใครคัน ก็เจ็บเท้าไปเอง
แต่นี่ผ่าเอาเท้าชาวบ้านไปแกว่ง เสี้ยนตำก็ตำเท้าชาวบ้าน กลัดหนองก็ระบมชาวบ้านอีก
คิดออกมาได้ยังไง
ไม่อาย ไม่รู้สึก ไม่สำนึกกันบ้างหรือ
หรือไม่เชื่อว่ากรรมมีจริง?
เพื่อไทย
Wednesday, September 8, 2010
แกว่งเท้า
คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม