ที่มา ข่าวสด
ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
เป็น อันว่าในวันพรุ่งนี้ 7 ก.ย. สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะได้มีผบ.ตร.ตัวจริงเสียที เมื่อพล.ต.อ. วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ซึ่งมีพระบรมราชโองการโปรด เกล้าฯให้ดำรงตำแหน่งผบ.ตร.เรียบร้อยแล้ว
จะเข้ารับหน้าที่ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป
เป็นผบ.ตร.ตัวจริง หลังจากที่พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการมายาวนานถึง 11 เดือนเศษ
รักษาการยาวนาน จนแทบลืมกันไปแล้วว่า ตำ แหน่งจริงๆ ของพล.ต.อ.ปทีปนั้นคือ จเรตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.อ.ปทีปก็ต้องกลับไปเป็นจเรตำรวจแห่งชาติ ในอีกกว่า 20 วันสุดท้ายก่อนเกษียณ
ถือว่าไปพักผ่อนในช่วงสุดท้าย หลังจากที่ต้องแบกรับอะไรต่อมิอะไรมากมาย โดยที่ไม่มีอำนาจเด็ดขาดเพียงพอ
กลายเป็นแค่เหยื่อของนักการเมืองที่ไม่มีประสิทธิภาพและขาดศิลปะในการบริหาร!
ส่วนพล.ต.อ.วิเชียร ถือว่ามาอย่างสง่างาม ผ่าน มติก.ต.ช.อย่างเป็นเอกฉันท์
มีอายุราชการถึงปี 2556 คงต้องโชว์ความสามารถและคุณธรรมในการบริหารองค์กรให้ปรากฏ
ในการแต่งตั้งนายพลล็อตแรกที่ผ่านมา ถือว่ามีส่วนร่วมในการจัดทำบัญชีบางส่วน ยังไม่เต็มที่นัก
แต่เป็นผู้ผลักดันหลักอาวุโส เอามาเป็นไม้บรรทัดสกัดการวิ่งเต้นได้อยู่หมัด
โดยเฉพาะระดับผบช.อาวุโส 11 คน ดันขึ้นเป็นผู้ช่วยผบ.ตร.หมด เถียงไม่ได้!
การโยกย้ายระดับต่อไปคือรองผบช.และผู้การ ซึ่ง เลื่อนไปต้นเดือนหน้า คราวนี้จะพิสูจน์ฝีมือของผบ.ตร. คนใหม่
จะสามารถทานแรงบีบของฝ่ายการเมืองได้มากน้อยเพียงใด
ประเด็นนี้น่าคิด เพราะองค์กรตำรวจไม่เคยหนีพ้นการแทรกแซงของนักการเมือง
น่าสังเกตว่า ในช่วงนี้เพิ่งโปรดเกล้าฯตำแหน่งในกองทัพ ไล่เลี่ยกับการตั้งผู้นำตำรวจ
มัก มีข้อวิเคราะห์ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และพล.ต.อ.วิเชียร ผบ.ตร. เพื่อนร่วมรุ่นเดียวกัน จะกลายเป็นฐานอำนาจค้ำยันรัฐบาลอภิสิทธิ์!?
นั่นก็มองถูกในแง่มุมหนึ่ง
แต่มองอีกมุมหนึ่ง ในบางเรื่องบางจังหวะ หากฝ่ายการเมืองขาดความชอบธรรม
ความเป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่เหนียวแน่น จะผนึกเป็นพลังรักษาความถูกต้องของบ้านเมือง
โดยที่อำนาจการเมืองไม่สามารถบีบได้ง่ายดาย
บางครั้งกองทัพและตำรวจต้องประกาศความเป็นกลไกของรัฐ มิใช่ของรัฐบาล!