WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, September 10, 2010

เมื่อละอ่อนร่องอกงาม .. ด่าพระไพศาล

ที่มา ประชาไท


พลันที่ได้อ่าน “ไม่เถียงแต่ด่า” ของ คุณคำ ผกา ในมติชนสุดสัปดาห์ฉบับล่าสุด (3-9 ก.ย.53) มีเนื้อหาวิวาทะที่เธอมีต่อวิสัชนาของพระไพศาล วิสาโล ที่ตอบข้อวิพากษ์ของคุณภัควดีที่มีต่อบทสัมภาษณ์ของพระไพศาล(http://www.visalo.org/article/letterToPakawadee.htm) บทความ “ไม่เถียงแต่ด่า” กระตุกความสนใจตั้งแต่กองบรรณาธิการ คิดคำประกอบพาดปกหนังสือ “ไม่เถียง แต่ “ด่า” อุบาสิกี คำ ผกา ขึ้น”ธรรมาสน์” เทศน์ พระไพศาล วิสาโล” อยู่ใต้ภาพหวือหวาเป็นเปลือยครึ่งตัวอลังการด้วยเสดสี อวดเต้าปทุมถันคู่งามที่เจ้าของโพสท่าถ่ายเชิงศิลปะอย่างหน้าระรื่น

พระพิศาล วิสาโล สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยมีบทบาทร่วมในแนวทางอหิงสาต่อเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 จนเป็นเหตุให้ถูกล้อมปราบภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และถูกคุมขังในเรือนจำเป็นเวลา 3 วัน ปัจจุบันเป็นพระนักเผยแผ่ นักคิดนักเขียนพระพุทธศาสนารุ่นใหม่ มีผลงานปรากฏในรูปสื่อโทรทัศน์ หนังสือ และบทความออกมาอย่างสม่ำเสมอ
บทบาทพระสงฆ์ในสังคมไทยนอกจากเป็นผู้นำด้านจิตวิญญาณ และเป็นตัวแทนในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ แล้ว ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบันบทบาทพระสงฆ์ที่มีต่อการเมืองการปกครองของไทยมักเป็นภาพสะท้อนของแต่ละบริบทของสังคมในแต่ละช่วง
หลังจากกรุงศรีอยุธยาแตกเมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๐ เจ้าพระฝาง มหาเถราจารย์ชาวเหนือ เป็นก๊กใหญ่ก๊ก 1 ใน 5 มีเจตนาดีที่จะรวมประเทศให้เป็นหนึ่ง แต่สุดท้ายทุกก๊กถูกปราบโดยก๊กสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เจ้าพระฝาง มีสถานภาพเป็นพระภิกษุแต่ก็มีส่วนในการช่วยบ้านเมืองดังทราบกันดีในประวัติศาสตร์ชาติไทย
สมเด็จพระพนรัตน วัดป่าแก้ว ต้นตำหรับพระสงฆ์กับการเมืองไทย อันจะเป็นแบบอย่างของการเกี่ยวข้องกับการเมืองของพระสงฆ์ไทยในปัจจุบันนี้
เมื่อครา พ.ศ. 2135 สมเด็จพระนเรศวรมหาราชกับสมเด็จพระเอกาทศรถทรงทำยุทธหัตถีมีชัยชนะเหนือกรุงหงสาวดี ภายหลังชัยชนะในครั้งนั้น สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้โปรดให้ลูกขุนปรึกษาโทษข้าราชการชั้นแม่ทัพนายกองที่ทิ้งให้สองพระองค์พลัดหลงอยู่ในวงล้อมข้าศึก มีโทษถึงประหารชีวิตหลายคน
สมเด็จพระนพรัตน เป็นผู้มีปรีชาสามารถ แตกฉานในพระพุทธวจนะ ได้พาพระราชาคณะ ๒๕ รูป เข้าไปเฝ้าถวายพระพรถามข่าวสงคราม และด้วยวาทะหลักแหลมของท่าน ได้ช่วยให้บรรดาข้าราชบริพารซึ่งถูกตัดสินประหารชีวิตแล้ว ให้รอดพ้นจากพระราชอาญาโทษได้
ต้นปีระกา พ.ศ.2308 กษัตริย์พม่าประสงค์จะตีกรุงศรีอยุธยา จึงให้กองทัพเข้ามาทางเมืองเชียงใหม่ ลงมาตีกรุงศรีอยุธยา ก่อนที่กรุงศรีอยุธยาจะเสียเอกราชเป็นครั้งที่ ๒ นั้น ได้เกิดวีรกรรมขึ้น ชาวบ้านเมืองสิงห์ เมืองวิเศษไชยชาญ เมืองสรรค์ได้รวมตัวกันที่บ้านบางระจัน ต่อสู้กับพม่าอย่างเต็มกำลังความสามารถไม่ให้กรุงศรีอยุธยาแตกได้ถึง ๕ เดือน โดยมีพระอาจารย์ธรรมโชติ พระเกจิอาจารย์ชื่อดังในยุคนั้นได้มาเป็นที่พึ่งทางใจบำรุงขวัญและกำลังใจของชาวบ้านด้วยการลงผ้าประเจียดและตะกรุด พิศมร แจกจ่ายแก่ชาวบ้านและผู้นำชาวบ้านที่ค่ายบางระจัน
หรือแม้แต่ต้นกรุงรัตนโกสิทร์ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหมรังสี) มีความเป็นห่วงว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.๔) จะทรงหมกมุ่นในเรื่องกามคุณเพราะ สมัยนั้นมีข้าราชบริพารนิยมเอาบุตรหลานทั้งชายหญิงเข้ามาถวายตัวรับใช้ในพระราชวังมาก ผู้ชายเข้าไปเป็นมหาดเล็ก แต่สำหรับผู้หญิงก็ต้องไปเป็นพระสนม เมื่อพระสนมมีมาก พระเจ้าอยู่หัวก็ต้องทรงดูแลใส่พระทัยมากไปด้วยเหมือนกัน
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) เกรงว่า พระเจ้าอยู่หัวจะทรงหมกมุ่นในเรื่องมาตุคามมาก จนหลงลืมราชการบ้านเมืองไป เวลากลางวันแสก ๆ จึงได้จุดไต้เข้าไปในพระราชวัง ในระหว่างที่เดินไปนั้น พร่ำพูดว่า “ในวังนี้ไม่มืดมนนักหรอก !
พวกข้าราชบริพารพบท่านเข้า จึงได้นำความขึ้นกราบทูลให้ทรงทราบ พระเจ้าอยู่หัวจึงเสด็จออกมาที่พระลานหน้าพระราชวังแล้วก็ตรัสกับสมเด็จพระพุฒาจารย์ว่า “ รู้แล้วล่ะ เออ กลับไปเถอะ
กล่าวเช่นนี้ ใช่ว่าจะยกให้พระไพศาล มีกฤษฎาบารมีเยี่ยงอดีตมหาเถราจารย์ เพียงแต่จะชี้ให้เห็นว่าบทบาทพระสงฆ์กับการเมืองก็มีบ้างตามยุคตามสมัย อยู่คู่สังคมไทยมาเนิ่นนาน กรณีพระไพศาลผมก็หาได้เห็นด้วยกับบทสัมภาษณ์และงานเขียนของพระไพศาลทั้งหมด เพียงแต่อยากให้ปุถุชนทึบหนาเช่นเราฉุดคิดว่าเราควรกำหนดท่าทีต่อบทบาทของพระสงฆ์อย่างไร จึงจะพองาม และพระสงฆ์เองก็ควรตระหนักในบทความร่วมสมัยของท่านด้วย
กรณีบทความ “ไม่เถียงแต่ด่า” ที่คุณคำ ผกา มีต่อพระไพศาล นั้น เมื่อผมบรรจงอ่านไล่เลียงไปจนจบ โดยระหว่างบรรทัดนั้น ค่อนจะตะขวิดตะขวางต่อวลีไม่สุภาพคล้ายผรุสวาจาที่เธอประดิษฐ์ประดอยออกมาเป็นระยะๆ บางคำถึงขั้นเพื่อนฝูงหรือแม้แต่น้องๆ ในสำนักงาน ยิงคำถามใส่ผมว่า “คิดอย่างไร ” เพราะรู้ว่าผมเคยอยู่ในแวดวงดงขมิ้นมาก่อน เป็นมากกว่าขะโยม (เด็กวัด) เสียด้วยซ้ำ
ผมเป็นชาวเหนือค่อนจะภูมิใจและติดตามงานของคุณคำ ผกาที่มีพื้นเพอยู่ไม่ไกลกันนัก ผมเองเห็นด้วยและคล้อยตามหลายประเด็นที่ คุณคำ ผกา ได้วิจารณ์แนวการสัมภาษณ์และบทความของพระไพพล อย่างเรียกได้ว่าแทบจะพูดแทนได้ดียิ่งกว่าที่ใจคิด เพราะจากการติดตามงานของพระไพศาล พักหลังๆ ก็ดูจะค่อนไปอย่างที่คุณคำ ผกา วิจารณ์อยู่บ้าง แต่บางทีคำบางคำที่จะใช้สำหรับบางสถานะบุคคลต้องคำนึงถึงมารยาททางสังคมด้วย น่าจะเหมาะ
เอาหละ..ครับ..ในที่นี้ขอนำบางช่วงที่คุณคำ ผกา นำเสนอไว้ “ ได้อ่านบทสัมภาษณ์และบทความของพระไพศาล วิสาโล อยู่เนือง ๆ ตามหน้าหนังสือพิมพ์ในช่วงสาม-สี่เดือนที่ผ่านมาด้วยความอดทน เพราะยิ่งอ่านยิ่งสัมผัสถึงความดัดจริตของท่านชัดเจน” ...ยิ่งวรรคทองที่เธอขมวดว่า “อ่านแล้ว แหวะ แหวะ จะอ๊วก! (และนั่น คืออารมณ์ที่แท้ของฉันเมื่ออ่านบทความพระไพศาล” เป็นไงครับ..สะอึกไหม ถ้าเป็นคนจำพวกฮาร์ดคอร์ดุเดือดเลือดพล่านก็คงสะใจ แต่หากลึกซึ้ง ละเอียดอ่อนจะว่ากระไร
ท่านผู้อ่านลองทบทวนประโยคนี้ของ คุณคำ ผกา “ท่านพูดออกมาได้อย่างไรว่า ตราบใดที่ผลการสอบสวนยังไม่ออกมาว่า “ใครฆ่า” อภิสิทธิ์ยังมีความชอบธรรมที่จะเป็นหัวหน้าคณะรัฐมนตรีเป็นนายกรัฐมนตรี! นี่เป็นสิ่งที่พระอย่างท่านต้องทบทวนให้จงหนัก ต้องล้วงลึกตรวจสอบสภาวะจิตใจของท่านให้จงหนักว่า แท้จริงแล้ว ท่านคงความเป็นกลางอย่างที่ชอบอ้างหรือไม่ เพราะนี่หากไม่เป็นการตบตาประชาชน ท่านก็ตบตาตนเองจนบอดสนิท” ดูเหมือนว่าคุณคำ ผกา กำลังสอน(ผมไม่ใช้คำว่าขึ้นธรรมาสน์เทศน์ เพราะไม่ควรยิ่ง) พระไพศาล และได้ตัดสินอะไรบางอย่างในตัวพระไพศาลไปเรียบร้อยแล้ว
ทัศนะที่คุณคำ ผกา มีต่อพระไพศาล หากดูจากคนข้างนอกดูเหมือนว่าจะเป็นการแสดงท่าทีที่ไม่เหมาะสมยิ่ง ตรงบทสรุปของคุณคำ ผกา ที่ขมวดตบท้ายว่า“บอกตามตรงว่ามันน่าขยะแขยงในสายตาโลกียชนอย่างเราๆ” อันที่จริงคุณคำ ผกาควรจะใช้คำว่า “ฉัน” แทนคำว่า “เราๆ” เพราะเชื่อว่ามีปุถุชนในโลกนี้อีกจำนวนไม่น้อย ที่อาจมีความเห็นแย้งกับพระไพศาล แต่จะยังไม่ด่วนสรุปหรือตัดสินท่าน เพียงเพราะมีทัศนะที่ไม่ตรงกันในบางเหตุการณ์ และจะไม่เลือกใช้คำที่ไม่น่าเชื่อว่ากลั่นมาจากผู้ชื่อว่าได้รับการศึกษาถึงปริญญาเอกเช่นนี้
แม้ในบทวิสัชนาของพระไพศาล ท่านเองจะระบุว่า “ใครก็ตามย่อมมีสิทธิที่จะแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์อาตมาได้อยู่ดี เพราะพระภิกษุนั้นไม่ควรอยู่เหนือคำวิจารณ์ และสมควรถูกวิจารณ์ด้วยหากคิด พูด หรือทำไม่ถูกต้อง (ในสังคมไทยสมัยก่อน เป็นเรื่องธรรมดามากที่พระจะตกเป็นหัวข้อของการนินทาและวิจารณ์ประชดประชันอย่างเผ็ดร้อนในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ นิทานตาเถรยายชี โดยชาวบ้านที่นับถือพระศาสนา ) ดังนั้นอาตมาจึงเห็นด้วยกับคุณภัควดีว่า “หากจะมีผู้อ่านท่านใดมาวิพากษ์วิจารณ์ด่าว่าผู้เขียน โดยยกเอาบาปกรรมนรกมายัดเยียดให้ ย่อมเป็นเรื่องไร้สาระ”
ถึงกระนั้นท่าทีที่เราควรทำกับพระในฐานะผู้นำด้านจิตวิญญาณหรือจะในฐานะเพื่อนมนุษย์ร่วมโลกก็ตาม ความมุ่งดีต่อกัน ความเป็นกัลยาณมิตรก็ควรหลงเหลืออยู่บ้าง หาใช่คำกล่าวคำหยาบ คำด่า หรือมีเจตนาที่อยู่ในโทสะมูลจิต พูดด้วยอาการกระแทกกระทั้น กดให้ท่านต่ำลง
คุณคำ ผกา “ไม่เถียงแต่ด่า” พระ บาปไม่บาปผมไม่รับรู้ ขึ้นอยู่กับจิตของคุณคำ ผกา แต่หากมองจากมุมมารยาททางสังคมก็ดูจะสุ่มเสี่ยงยิ่งนัก
มีคำฝากเตือนถึงคุณคำ ผกา ด่าพระ ระวัง...ขี้กลากจะขึ้นหัว นรกจะกินกระบาล
ใครจะว่าไร้สาระ ก็ช่างเถอะ.....
……..
อ้างอิง
http://www.src.ac.th/web/index.php?option=content&task=view&id=427

http://www.mbu.ac.th/index.php?option=com_content&task=view&id=543&Itemid=148