ตามปรากฏการณ์ก็คงไม่ผิดไปจากที่เซียนรุ่นเก๋าอย่าง "บิ๊กเติ้ง" นายบรรหาร ศิลปอาชา หลงจู๊ใหญ่พรรคชาติไทยพัฒนา ฟันธงกันแบบไม่ให้กำลังใจ
คงไม่มีทาง ชาตินี้คงปรองดองไม่ได้
โดยหมายเหตุ ถ้าคนไทยพูดจากันด้วยภาษา "เทพเทือก" นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ผู้จัดการใหญ่รัฐบาล ที่ตั้งแง่ทันที แค่เห็นชื่อ "บิ๊กจิ๋ว" พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย เป็นคนนำทีมเจรจาแล้วหนักใจ
ชิงบลัฟพรรคเพื่อไทยอย่าปรองดองแต่ปาก
อารมณ์ใกล้เคียงกับภาษา "ตุ๊ดตู่" นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช. แดงทั้งแผ่นดิน ที่สวนหมัดทันที ถ้าพรรคประชาธิปัตย์เอาเท้ายื่นมาแทนมือ ก็ต้องเจอเท้ายื่นกลับไป
พรรคเพื่อไทยไม่ใช่ขอทานแบมือขอให้ปรองดอง
ยังไม่ต้องฟังใคร แค่ยึดเอาตามขาใหญ่ 2 คนนี้ก็ส่อแววแท้งแล้ว
แต่บังเอิญฝ่ายรัฐบาลไม่ได้มีแค่ "เทพเทือก" ที่กุมอำนาจการตัดสินใจสูงสุด เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทยลูกข่ายนายใหญ่ ก็ไม่ได้มีแค่นายจตุพรที่สั่งซ้ายหันขวาหันได้
โดยสถานะก็น่าจะเป็นแค่ "ม้า" ที่ถูกไสออกมาหยั่งเชิงกัน
ตามปรากฏการณ์ที่ประเมินกันได้ อยู่ๆ "มุกปรองดอง" คงไม่ถูกโยนออกมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ในจังหวะที่ตัวเอกตามท้องเรื่องอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ก็ส่งสัญญาณสงบศึก ในจังหวะซุ่มยุติความเคลื่อนไหว เช่นเดียวกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็แบะท่าพร้อมเจรจา
อาการเหมือนจับ "สัญญาณพิเศษ" ได้
ล่าสุดก็เป็นนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมายอมรับว่า เบื้องหลังแผนการปรองดอง 5 ข้อที่ได้ออกแถลงการณ์ มีการหารือกันจริงระหว่างตนเองกับเอกอัครราชทูตต่างประเทศ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. จากพรรคประชาธิปัตย์ นักวิชาการต่างชาติของสหประชาชาติ รวมทั้งนายทหารใหญ่
ยี่ห้อ "ปลอดประสพ" กับ "คุณชายสุขุมพันธุ์" สถานะการันตีสายสนกลใน
ไม่ใช่แค่นักเลือกตั้งอาชีพ
ที่แน่ๆโดยอาการล่าสุด "เทพเทือก" รีบออกมาตัดบทที่ตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์ฐานแสดงอาการไม่รับแผนปรองดอง อ้างเป็นแค่ความเห็นส่วนตัว ยังไม่มีโอกาสปรึกษานายกฯอภิสิทธิ์ ว่ากรณีดังกล่าวจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
"เรื่องความพยายามสร้างความปรองดองเป็นเรื่องที่รัฐบาลตั้งใจจะทำให้สำเร็จ เพราะนายกฯได้ประกาศชัดเจนและได้ลงมือดำเนินการไปแล้ว ส่วนขั้นตอนที่จะดำเนินการกับกลุ่มไหน ฝ่ายไหน เมื่อไหร่ อย่างไร ก็ต้องปรึกษาหารือกันและว่าเป็นกรณีไป เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำไปวิพากษ์วิจารณ์เพื่อที่จะให้เกิดปัญหากัน ต่อไปผมจะไม่ให้ความเห็นในสิ่งที่พรรคเพื่อไทยได้พูดหรือพยายามพูดในเรื่องนี้"
พูดเหมือนคนเพิ่ง "โดนเบรกหัวทิ่ม" มา
เอาเป็นว่า โดยสถานะปัจจุบัน "เทพเทือก" กำลัง "มือขึ้น" กับขั้วอำนาจซ้อนในรัฐบาล เล่นเข้าขากับคู่ซี้ต่างค่าย "เนวิน ชิดชอบ" และทีมงานบูรพาพยัคฆ์ ล็อกไว้ทั้งอำนาจและขุมข่ายผลประโยชน์
การออกมาขวางลำแผนปรองดองเสี่ยงถูกครหาได้ ในบรรยากาศที่ทุกฝ่ายชูธงเชียร์ให้บ้านเมืองสงบ ยกเว้นพวกที่กำลังเสวยสุขบนความแตกแยก
ทั้งหมดทั้งปวง ไม่ว่าเบื้องหน้าเบื้องหลังจะมีที่มาอย่างไร แต่ต้องยอมรับว่ามุกปรองดองรอบนี้ ระดับสัญญาณเข้มที่สุดนับแต่เกิดเหตุแตกแยกในบ้านเมือง
เรื่องของเรื่องมันเป็นบวกกับยี่ห้อประชาธิปัตย์ ที่ไม่เคยลงทุนอะไร
โดยเฉพาะถ้าเลือกจังหวะเล่นเป็น ในสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังอยู่ ในภาวะเบาตัว แม้เงินบาทแข็งค่าจากเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้าต่อเนื่อง แต่การส่งออกก็ยังไม่มีปัญหา จังหวะที่เอื้ออำนวยโดยบังเอิญทั้งๆที่รัฐบาลมัวยุ่งกับปมการเมืองรายวัน
ไม่ได้ใส่ใจกับการบริหารจัดการเรื่องเศรษฐกิจสักเท่าไหร่
ตามจังหวะรายการนี้ นอกจากประชาธิปัตย์จะได้เล่นกระแส "ปรองดอง" ประคองเกมเข้าสู่โหมด "รัฐบาลเพื่อชาติ" ยังได้โอกาสปรับกระบวนยุทธ์ในการบริหาร ที่เห็นๆกันอยู่ นายกฯอภิสิทธิ์ยังขาดพวกมืออาชีพที่จะดีลงานกับนักธุรกิจ พ่อค้า นักลงทุน
ตามยุทธศาสตร์ปูทางเศรษฐกิจในระยะยาว
ตีตั๋วเป็นตัวยืนในทีม "รัฐบาลเพื่อชาติ".
ทีมข่าวการเมือง รายงาน