ที่มา Thai E-News
โดย ไกรก้อง กูนอรลัคขณ์
3 มีนาคม 2554
การเคลื่อนไหวของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย เพื่อให้มีการกระจายการถือครองไม่ให้มีการกระจุกตัวของที่ดินทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด และได้เสนอทางเลือกในการจัดการที่ดินในรูปแบบใหม่”โฉนดชุมชน” ซึ่งไม่เน้นความเป็นกรรมสิทธิ์ของปัจเจกชนและกรรมสิทธิ์ของรัฐแต่ให้ความสำคัญกับการจัดการที่ดินโดยกลุ่ม โดยชุมชน
ประเวศ วะสี และอานันท์ ปันยารชุน หัวหน้าคณะกรรมการปฏิรูปฯ ก็ได้เสนอให้มีการจำกัดการถือครองที่ดิน
นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เองก็เคยประกาศนโยบายที่จะเก็บภาษีที่ดินที่ก้าวหน้า และโฆษณาประชาสัมพันธ์ในการทำโฉนดชุมชนที่มี สื่อทีพีบีเอส เป็นกระบอกเสียง เสมือนว่า มีการทำโฉนดชุมชนเกิดทั่วขอบเขตประเทศไทย ทั้งๆทำได้น้อยนิดมาก เป็นการหลอกลวงคนดูโดยสื่อเสรีก็ว่าได้
เนื่องเพราะไม่พูดข้อเท็จจริงทั้งหมดตามแบบอย่างที่สื่อมักทำเป็นประจำ หรือพูดเพียงน้อยนิดให้เป็นน้ำจิ้มมากกว่าเจาะลึก หรือแฉการโกหกมดเท็จของรัฐบาล
ดูเหมือนทุกอย่างลงตัว ดูเหมือนใครๆก็เห็นด้วยกับการปฏิรูปที่ดิน กระจายการถือครองที่ดิน จำกัดการถือครองที่ดิน
แต่ทำไม เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย ได้ชุมนุมประท้วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ร่วมแรมเดือน อดตาหลับขับตานอน ตากแดดตากฝน อดทนกับความยากลำบาก เพื่อต่อสู้ให้บรรลุเป้าหมาย
ในด้านหนึ่ง อาจบอกได้ว่า เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทยทวงสัญญาที่นายกรัฐมนตรีรับปาก แต่ไม่กระทำการณ์
หรือนายกรัฐมนตรีก็ใช้สำนวนโวหารเหมือนที่เป็นมาในหลายเรื่องหลายราวแต่ไม่ปฏิบัติจริงสักที
หรือนายกฯใช้ภาษาที่นิ่มนวล บุคคลิกที่ดูดี แต่ธาตุแท้อาจจะคนละเรื่องก็ได้ ต้องพิสูจน์การที่ปฏิบัติจริงรูปธรรมที่เป็นจริง
เหมือนดั่งป้ายประท้วงของเครือข่ายปฎิรุปที่ดินแห่งประเทศไทยที่ว่า
‘โฉนดชุมชน เพื่อคนจน รัฐบาลตอแหลไม่แน่จริง”
“ประชาธิปโฉด อภิชั่ว รับปากมั่ว ทำไม่ได้จริง”
“แก้ปัญหาที่ดิน โดยจับชาวนาเข้าคุก”
ใครหลายคนก็เคยเห็น ประเวศ วะสี และอานันท์ ปันยารชุณ เสนออะไรดีๆ เพ้อๆ ฝันๆต่อสังคมในการแถลงข่าว ในห้องสัมนนา ณโรงแรมหรูๆ ใช้งบประมาณไม่พอเพียงเป็นแน่
ครั้งนี้ประเวศ และอานันท์ ก็มีข้อเสนอให้มีการจำกัดการถือครองที่ดินต่อรัฐบาลที่ทั้งสองหนุนช่วยหนุนหลังอยู่ แม้จะเพิ่งผ่านโศกนาฎกรรมสังหารหมู่ประชาชนคนเสื้อแดงก็ตาม และไม่เคยเคลื่อนไหวเลยให้หาคนฆ่าคนสั่งฆ่ามาดำเนินการตามกฎหมายให้เกิดความยุติธรรมที่เขาทั้งสองชอบท่องเอ่ยต่อสังคมเป็นประจำ
แต่ข้อเสนอก็คงว่างเปล่า รัฐบาลไม่ดำเนินการตามข้อเสนอ และ ประเวศ วะสี และอานันท์ ปันยารชุณ ก็คงหาเรื่องใหม่ๆมาทำ พร้อมเสนอต่อรัฐบาลอีกครา และแน่นอนว่า งบประมาณทั้งหลายนั้นต้องมาจากรัฐบาลเป็นแน่แท้ในการกระทำการ
อันที่จริง ประเวศ วะสี อานันท์ ปันยารชุณ ก็น่าจะเริ่มต้นเป็นตัวอย่างให้ใครต่อใคร โดยการนำที่ดินที่ตัวเองและเครือญาติ หรือคนในส่วนแวดวงตนเอง ที่มีใกล้ชิดอยู่ มาปฏิรูปเป็นแบบอย่างให้ใครต่อใครจะดีไหมละ ?
มิใช่วันๆด่า เอาแต่พวกนักการเมือง และควรเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินต่อสาธารณะเหมือนเช่นนักการเมือง น่าจะตรงไปตรงมาดี ?ในฐานะนักการเมืองที่ไม่ชอบลงเลือกตั้ง
ส่วนกระผมคิดเห็นว่า การกระจายการถือครองที่ดิน ย่อมแยกไม่ออกกับการพัฒนาประชาธิปไตยในบ้านเรา สังคมยิ่งเป็นประชาธิปไตย การกระจายการถือครองที่ดินย่อมมีมากขึ้น
เนื่องเพราะว่า “ความเป็นประชาธิปไตย” ย่อมต้องเปิดเผยข้อมูล ย่อมต้องไม่ปกปิด ย่อมทำให้เห็นความแตกต่างความเหลือ่มล้ำของผู้มีอำนาจกับผู้ไร้อำนาจ ย่อมทำให้มีการตรวจสอบ ย่อมทำให้ไม่ปิดบัง ย่อมทำให้ไม่มีอภิสิทธิ์ชนใดๆ
“ความเป็นประชาธิปไตย” จึงเป็นอนาคตในการปฏิรูปที่ดิน กระจายการถือครองที่ดินเหมือนเฉกเช่นการจำกัดการถือครองที่ดินที่เกิดขึ้นจริงในประเทศต่างๆ บนโลกใบนี้