ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ เหล็กใน
สมิงสามผลัด
กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เป็น 2 องค์กรใหญ่ที่มีหน้าที่รับผิดชอบใหญ่หลวง
ทั้งดูแลการบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และพิทักษ์ปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน
แต่บทบาทของทั้ง 2 องค์กรกลับสร้างความแคลงใจให้คนเสื้อแดงเป็นอย่างยิ่ง
เริ่มที่การทำงานของดีเอสไอภายใต้การนำของนายธาริต เพ็งดิษฐ์
ที่ผ่านมาแทบแยกไม่ออกจากรัฐบาลเลย
คดีความของคนเสื้อแดง หรือคดี 91 ศพเหยื่อสลายม็อบเป็นตัวอย่างชัดเจน
อืดอาดล่าช้าจนถูกมองไม่มีความเป็นกลาง !?
โดยเฉพาะคดีฆ่าช่างภาพชาวญี่ปุ่นที่ล่าสุดดีเอสไอเปิดประเด็นปืนอาก้าขึ้นมาท่ามกลางความงุนงงของสังคม
เพราะคดีนี้โอนไปให้ตำรวจนานแล้ว
แต่กลับให้พล.ต.ท.อัมพร จารุจินดา อดีตนายตำรวจมาวิเคาะห์ภาพถ่ายศพแล้วฟันธงเป็นปืนที่ไม่มีใช้ในกองทัพ
ผิดทั้งวิธีการ มารยาท และกระบวนการกฎหมาย
เลยถูกตั้งคำถามเรื่องของเจตนา !?
ขณะที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ก็ถูกมองว่าละเลยบทบาทของตัวเอง
เพิ่งเห็นบทสัมภาษณ์ของนางอมรา พงศาพิชญ์ ประธานกสม. ที่วิพากษ์วิจารณ์เรื่อง 7 แกนนำนปช.ที่เพิ่งได้ประกันตัวชั่วคราว
"เชื่อว่าการอยากลองของของแกนนำน่าจะมีขึ้น คงไม่อยู่เฉย เพราะออก (จากเรือนจำ) มาก็ต้องมีการเคลื่อนไหวให้รู้ว่าเขายังอยู่ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะมีการยุบสภาเมื่อไร"
สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของนางอมราต่อการชุมนุมของคนเสื้อแดง
ทำเหมือนไม่เข้าใจสิทธิพื้นฐานของประชาชนในการชุมนุมต่อต้านรัฐบาล
ทำเหมือนไม่รู้ว่าอำนาจรัฐเป็นฝ่ายใช้กำลังสลายการชุมนุมจนเกิดการบาดเจ็บล้มตายเมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค.53
จนเกิดการตั้งคำถามถึงการทำงานของกสม.ในการปกป้องสิทธิกรณีความตาย 91 ศพ และผู้บาดเจ็บอีกกว่า 2 พันคนมาโดยตลอด
และยังละเลยการปกป้องสิทธิของเสื้อแดงหลายร้อยคนที่ถูกจองจำอยู่ในคุกอีกด้วย
มองอยู่อย่างเดียวว่าบ้านเมืองจะวุ่นวาย หากมีการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลขึ้นอีก
ตรงนี้ขัดกับเจตนารมณ์ในการก่อตั้งกสม.
ท่าทีของกสม.และดีเอสไอที่ดูเหมือนจะเลือกข้างแล้ว
จะกลายเป็นชนวนเหตุสำคัญ ซึ่งนำไปสู่ความปั่นป่วนวุ่นวายของบ้านเมืองในอนาคต