ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ เหล็กใน
มันฯ มือเสือ
เป็นอันว่าวิปรัฐบาลกับวิปฝ่ายค้านตกลงกัน
ถึงกรอบเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐมนตรีรวม 10 คน ว่าจะให้อภิปรายกันแบบจุใจ 4 วัน
ส่วนจะเป็น 4 วันไหน 9-12 มี.ค. ตามที่ฝ่ายรัฐบาลคุยว่าพร้อม หรือยื้อเป็นสัปดาห์ถัดไปตามที่พรรคร่วมรัฐบาลเสนอ ต้องให้ท่านประธาน ชัย ชิดชอบ ตัดสินอีกครั้ง
ภายใน 4 วันนี้ จะแบ่งเป็นฝ่ายค้านได้อภิปราย 40 ชั่วโมง รัฐมนตรีชี้แจง 20 ชั่วโมง และเผื่อเวลาสำหรับการประท้วงอีก 6 ชั่วโมง รวมทั้งสิ้น 66 ชั่วโมง
นักวิเคราะห์การเมืองหลายคนเห็นตรงกัน
ถ้าดูจากเนื้อหาตามที่ฝ่ายค้านวางกรอบไว้ 3 ประเด็น คือ การสลายการชุมนุมเดือนเม.ย.-พ.ค. 53 ที่มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก การทุจริตคอร์รัปชั่นในรัฐบาล และการบริหารงานผิดพลาดบกพร่อง
การอภิปรายครั้งนี้น่าจะดุเดือดเลือดพล่านไม่แพ้ครั้งไหนๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอภิปรายมีขึ้นใกล้เคียงกับช่วงเวลาที่รัฐบาลยืนยันว่าจะยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายน่าจะใส่กันไม่ยั้ง
แต่ที่พูดกันมากคือฝ่ายค้านไม่ได้หวังผลโค่นล้มรัฐบาลให้ได้ในทันทีทันใด แต่คงต้องการจะฝากรอยแผลให้รัฐบาลติดตัวไปลงสนามเลือกตั้ง
ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลก็อ่านเกมของฝ่ายค้านออกเช่นกันและเตรียมพร้อมรับมือมาอย่างดี
เอาเป็นว่าต่างฝ่ายต่างรู้ว่าในจังหวะการเมืองเข้าสู่ปลายยกสุดท้าย ใครพลาดพลั้งโอกาสจะเรียกคะแนน คืนคงยาก
อย่างไรก็ตามจากบรรยากาศโหมโรง เกทับกันไปมาระหว่างนี้ เซียนการเมืองยังไม่กล้าให้ราคาว่าใครเป็นต่อหรือใครเป็นรอง
เพราะดูฟอร์มแล้วต่างฝ่ายต่างมั่นอกมั่นใจ
การที่ฝ่ายรัฐบาลแสดงความพร้อมให้สภาเปิดอภิปรายโดยเร็ว น่าจะเป็นการหวังผลทางจิตวิทยาในการข่มขวัญฝ่ายตรงข้ามมากกว่า
ส่วนซีกฝ่ายค้านพรรคเพื่อไทย เชื่อว่า นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หัวหน้าทีมอภิปรายน่าจะทำการบ้านมาอย่างดี เนื่องจากครั้งนี้ไม่เพียงเป็นศึกชี้ชะตาอนาคตของพรรค
แต่ยังเป็นการชี้ชะตาตัวนายมิ่งขวัญเองด้วย ว่าจะ โชว์ฟอร์มสมฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่
66 ชั่วโมงหลังระเบิดศึกจะเป็นคำตอบ
ระหว่าง "เฮียมาร์ค-เฮียมิ่ง" ใครจะอยู่ใครจะไป