ที่มา Voice TV
หลังจากที่บรรดาชาติตะวันตก ภายใต้การนำของสหรัฐอเมริกา และ อังกฤษ พร้อมด้วย ฝรั่งเศส เยอรมัน และ อิตาลี ต่างพร้อมใจกันส่งกองกำลังของตัวเอง รวมถึงกองกำลังขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เข้าประชิดชายแดนลิเบีย เรียบร้อยแล้ว ทั้งทางเรือ และทางอากาศ
ล่าสุด สื่อต่างประเทศ รายงานในวันนี้(3 มี.ค.)ว่า พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี ประธานาธิบดีของลิเบีย ได้ออกมาประกาศ พร้อมรบทำสงครามกับนานาชาติ ที่จะเข้ามารุกรานอย่างเต็มที่ และยกตัวอย่างว่า จะทำให้กองทัพนานาชาติรู้จัก และได้รับความเสียหายเหมือนกับการต่อสู้ในเวียดนาม ที่ทหารสหรัฐฯ พ่ายแพ้แบบย่อยยับมาแล้ว โดยระบุเบื้องต้นว่า มีอาวุธ มีกระสุนจำนวนมาก ในการที่จะต่อสู้กับชาติตะวันตก ที่จะแทรกแซงสถานการณ์ภายในของลิเบีย
ในขณะที่ กลุ่มผู้ประท้วง และผู้นำฝ่ายค้านของลิเบีย ซึ่งยึดฐานที่มั่นในเมืองเบงกาซี ได้มีโอกาสเจรจากับประธานาธิบดี บารัก โอบามา ของสหรัฐอเมริกา เรียกร้องให้นานาชาติ โจมตีฐานที่มั่นของกองกำลัง ที่สนับสนุนกัดดาฟีอยู่
อย่างไรก็ตาม กองทัพนานาชาติ ยังทำได้แค่เคลื่อนกำลังเข้ากดดัน ในย่านใกล้เคียงเท่านั้น ยังไม่มีการเปิดโจมตี เพราะว่า สหรัฐอเมริกา และ นานาชาติ ไม่ได้รับความเห็นชอบแบบเบ็ดเสร็จ จากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพราะจีน และ รัสเซีย ยังคงสงวนสิทธิ์ ในเรื่องดังกล่าว รวมถึงยังถูกมองว่า การรุกรานเข้าไปของชาติตะวันตกนั้น หวังเพียงผลประโยชน์ ด้านน้ำมันเพียงอย่างเดียว
ขณะเดียวกันสำนักข่าวต่างประเทศ รายงานในวันนี้(3 มี.ค.)ว่า หลุยส์ โมเรโน โอคัมโป อัยการของศาลอาญาระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ในวันนี้ จะมีการไต่สวนมูลฟ้อง ที่มีการยื่นฟ้อง พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชน ที่ออกมาชุมนุมประท้วง ตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 1,000 คน ตามรายงานขององค์กรสิทธิมนุษยชน เพื่อตัดสินว่า จะออกหมายจับ หรือไม่
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในลิเบีย ยังคงวุ่นวาย มีการปะทะกันอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปะทะกันของกลุ่มผู้สนับสนุนกัดดาฟี ที่พยายามจะโจมตี ยึดเมืองฝั่งตะวันออกของประเทศ คืนจากกลุ่มผู้ประท้วง ในขณะที่นานาชาติ พยายามส่งกำลังทหารเข้ากดดัน หวังที่จะทำให้สถานการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้น อยู่ทุเลาเบาบางลงตามลำดับ