ที่มา vattavan
วาทตะวัน สุพรรณเภษัช
กรณี 4 ส.ส.ของพรรคแกนนำรัฐบาล ซึ่งเป็นตัวแทนจังหวัด ซึ่งเป็นพื้นที่ซึ่งมีปฏิบัติของการ “ก่อการร้าย” ทางภาคใต้ ประเทศไทย ได้ร่วมกันแถลงเมื่อ 23 ก.พ.2554 อย่างเปิดเผย ณ สถานที่สำคัญของทางราชการ คือ “รัฐสภา” นั้น
ได้สร้างความขัดเคือง ให้กับฝ่ายทหารเป็นอย่างมาก เพราะ ส.ส.พวกนี้ดันลอยหน้าลอยตา ออกมาแถลงในทำนองว่า
กองทัพภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ล้มเหลวในการจัดการกับสถานการณ์ภาคใต้ ที่เพิ่มความรุนแรงหนักยิ่งขึ้น ส่งผลให้ผู้คนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก อีกทั้งยุทธวิธีก็ได้พัฒนาไปอย่างกองทัพ ตามไม่ทันการก่อการร้าย!
นี่เป็นการประจานผู้นำกองทัพและดูแคลน ผบ.ทบ. คนปัจจุบันว่า มีประสิทธิภาพในการทำงานต่ำ!!
ด้วยความก้าวร้าวและคะนองปาก ของบรรดา ส.ส.พรรคประชาธิเปรตอย่างนี้เอง ที่ทำให้กลุ่มนายทหารยังเติร์กถึงกับฉุนขาด ที่รัฐบาลจงใจปล่อยให้ ส.ส.พรรคดักดานทั้ง 4 คนนี้ รวมหัวกัน จงใจลบหลู่ผู้บังคับบัญชาของพวกตน และยังกำแหงไปประกาศประจานกันถึงกลางรัฐสภา ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญอีกด้วย โดยมุ่งหมายจะให้ข่าวสารนี้ เผยแพร่ไปทั้งในและนอกประเทศ
นายทหารกลุ่มนี้ จึงไม่ลังเลที่จะส่งสัญญาณความไม่พอใจรัฐบาล ออกมาให้ประชาชนคนไทย ได้เห็นอย่างชัดชัดเจน จนผู้คนต่างพูดกันอื้ออึงว่า ไอ้ ส.ส.พวกนี้มัน...
“อ้อนตีน...ปฏิวัติ!”
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ คนโตของพรรคดักดาน ต้องออกมาเล่นละคร แสดงท่าทีฮึดฮัดไม่พอใจ และกำราบ ส.ส.จอมทะลึ่งทั้ง 4 ตัว ให้อยู่ในแถวในแนวเหมือนชาวบ้านเขา เพราะหากทหารยึดอำนาจเข้าจริง ความเดือดร้อนก็จะตกอยู่กับนักการเมือง ที่จะโดนหนักกว่าคนอื่น ก็คือนักการเมืองพรรคดักดานของตัวเอง ที่เป็นแกนนำรัฐบาล ในขณะนี้นั่นแหละ
ผู้คนที่มองเผินๆก็บอกว่า เหตุที่พรรคซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลโลซก ต้องออกอาการ “เต้น” อย่างหนัก เพราะกลัวทหารปฏิวัติ และข่าวการปฏิวัติก็ไม่ใช่เรื่องเหลวไหล หรือไม่มีมูล เพราะขนาดคนอย่าง นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการนางเอกประจำวิก กกต. ถึงออกมายุส่งว่า
ถ้าปฏิวัติได้...ปฏิวัติเลย!
(*ดูไทยรัฐ 2 มี.ค.2554)
ดังนั้น ระยะนี้กระแสข่าวแพร่ออกมาอย่างหนาแน่นว่า หากมีการยึดอำนาจครั้งใหม่นี้ ฝ่ายผู้ยึดอำนาจ จะมีปฏิบัติการแบบฉับพลับทันที คือ
1. จะต้องมีการยึดหรืออายัด ทรัพย์สินของกลุ่มนักการเมืองพรรคร่วมรัฐบาลและผู้สนับสนุน ทั้งสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์โดยพลัน และให้มีระยะเวลาตรวจสอบทรัพย์สิน ยาวนานได้ถึง 10 ปี
2. เพิกถอนหนังสือเดินทาง ของนักการเมืองที่ถูกยึดทรัพย์ และห้ามเดินทางออกนอกประเทศ โดยเด็ดขาด
3. นักการเมืองที่ถูกยึดทรัพย์ จะเคลื่อนไหวทางการเมืองไม่ได้ จนกว่าจะสิ้นสุดกำหนดระยะเวลาตรวจสอบทรัพย์สิน
4. นักการเมืองที่ถูกยึดทรัพย์ หรือถูกเพิกถอนหนังสือเดินทาง หากถูกจับกุม ในความผิดฐานพยายามเดินทางออกนอกประทศ จะต้องถูกจำคุก 10 ปี
จึงมีข่าวหนาหูว่า กลุ่มนักการเมืองที่ชาวบ้านตราหน้าว่าเป็น “จอมแดก” ที่มองเห็นตัวกันอยู่ในปัจจุบัน กลัวลูกเด็ดขาดของการรัฐประหารครั้งใหม่ (ถ้ามี) จนมีข่าวแพร่ออกมาว่า
ขณะนี้ผู้ที่อยู่ในข่ายจะต้องถูกยึดทรัพย์ จึงมีความพยายามยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินจำนวนมาก ออกนอกประเทศไปแล้ว!
แม้จะเป็นกระแสข่าว หรือบางคนอาจบอกว่าเป็นข่าวลือข่าวร้าย แต่ในฐานะที่คนอย่าง “วาทตะวัน” มีประสบการณ์ในด้านการข่าว และเคยเป็นกรรมการฝ่ายตรวจสอบทรัพย์สินมาก่อน พิเคราะห์ด้วยความรอบคอบแล้ว เห็นว่า
ข่าวสารเรื่องนี้ มี ‘เค้ามูล’ ความเป็นไปได้ อยู่มากทีเดียว!
ดังนั้น ความพยายามของพรรคประชาธิเปรต ที่พยายามออกข่าวให้ร้ายกับฝ่ายทหาร และคราวนี้ถึงขั้น ส.ส.ของพรรค “บังอาจ” ประกาศก้องในทำนองขู่ว่า จะปลดหรือเปลี่ยนผู้บัญชาการทหารบก ในที่ทำการของรัฐสภา
ชวนให้ถูก ‘กระทืบ’ เป็นอย่างมาก!
อย่างไรก็ตาม ก็มีคอการเมืองบางส่วน กลับให้ความเห็นว่า นี่คงไม่ได้เป็นความคิดของ 4 ส.ส. จากจังหวัดแดนผู้ก่อการร้ายระบาดเองหรอก หากแต่น่าจะเป็นเพราะกลยุทธ์ของตัวกลั่นๆในพรรคนี้ ที่จะสร้างความเสียหาย ให้กับฝ่ายทหาร และเป็นแผนการที่มีความมุ่งร้าย หมายที่จะทำให้ทหารแตกแยกกับประชาชนคนในชาติ ด้วยเกรงว่า
ทหารจะทำการปฏิวัติ โค่นล้มรัฐบาลกาลีที่กำลังบริหารประเทศอยู่ในขณะนี้ นั่นเอง!
จึงออกมาปฏิบัติการ...ตีปลาหน้าไซเสียก่อน!!
สำหรับผมเองนั้น เมื่อได้รับฟังความเห็นคอการเมืองรายนี้ดังกล่าว และพิจารณาแล้วเห็นว่า
การวิเคราะห์ของเขา ก็มีส่วนถูกอยู่บ้าง เพราะรัฐบาลในอดีตที่มีพรรคประชาธิเปรตเป็นแกนนำ เคยถูกทหารยึดอำนาจมาแล้ว และครั้งล่าสุดก็เกิดขึ้นในยุคของ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ถึงขนาด นายชวน หลีกภัย ต้องเผ่นหนีตายออกจากทำเนียบแทบไม่ทัน เพราะมีข่าวว่า
คนกลุ่มขวาจัด จะบุกเข้าไป ‘กระทืบ’ ถึงทำเนียบ!
ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ซึ่งตอนนั้นยังเป็น ส.ส.หนุ่มของพรรคดักดาน ต้องพานายหัวชวน เล็ดลอดออกจากทำเนียบ ไปหลบภัยอยู่ที่บ้านคุณสนั่น เกตุทัต พ่อตาของอาจารย์ดำรง ลัทธพิพัฒน์
การยึดอำนาจจึงยังเป็นสิ่งที่นักการเมือง โดยเฉพาะนักการเมืองที่ชั่วร้าย
กลัวนักกลัวหนา!
อย่างไรก็ตาม ก็มีพรรคพวกผมบางคน ที่ติดตามการเมืองมาตลอด มีความเห็นที่แตกต่างออกไปอีก โดยเขาบอกกับผมว่า
นี่เป็นยุทธวิธีง่ายๆของพรรคเก่าแก่ ที่มัก ‘โยน’ ความล้มเหลวในการบริหารบ้านเมืองไปให้คนอื่นอยู่เป็นประจำ ตามสันดานของพรรคนี้ ที่มีมาอย่างต่อเนื่องไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่ควรรับฟังกันเอาไว้!
ที่คิดไกลไปกว่านั้น ก็บอกว่านี่เป็นกลยุทธ์แบบง่ายๆของพรรคดักดาน ที่จะ ‘ดักคอ’ การปฏิวัติรัฐประหาร เพราะในขณะนี้ ‘เงื่อนไข’ ที่ทหารจะทำการปฏิวัตินั้น สมบูรณ์มาก อักทั้งประชาชนได้รับรู้เรื่องการ ‘คอรัปชั่น’ แบบเอิกเกริกเกริกไกร ของรัฐบาลกาลีชุดนี้ โดยทั่วกันแล้ว
ระยะนี้ผมสังเกตว่า ผู้คนฟังวิทยุ 97.75 ที่ถ่ายทอดเสียงสดๆจากการชุมนุมที่สะพานมัฆวาน มากกว่าสถานีวิทยุอื่นๆ ส่วนพี่น้องที่รับ ASTV ได้ ก็ดูกันทางโทรทัศน์
ทั้งนี้ เป็นเพราะคนกลุ่มผู้ชุมนุม เขาโจมตี นายมาร์ค มุกควาย กับพรรคเก่าแก่ และพรรคร่วมรัฐบาลโลซกของเขา อย่างจริงจัง แบบโดนกันถ้วนทั่วทีเดียว
การระดมโจมตีนี้ ได้กระทำด้วยการปราศรัยอย่างต่อเนื่อง พร้อมเสนอหลักฐานที่มีมูลรับฟ้งได้ กินเวลานานเข้าเดือนที่สองแล้ว และไม่ได้ซาลงเลย หากยิ่งทวีความหนักหน่วงมากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะที่ผู้คนสนใจมาก คือ
ข้อมูลเกี่ยวกับการคอรัปชั่นกันอย่างมโหฬาร ทั้งของพรรคแกนนำและพรรคร่วมในแก๊งรัฐบาลโลซก ที่พี่น้องประชาชนคนไทยได้ยินแล้ว ต่างพากันเชื่อ ถึงกับอุทานด้วยความท้อแท้ว่า
“มันแดกกันบรรลัย...วายวอดดดดดดด!!!
ที่โดนใจผมไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะข้อมูลของกลุ่มมัฆวานปาร์ตี้นั้น ฟังเข้าท่าดี มีเหตุมีเหตุผลอยู่พอสมควร แต่น่าเสียดายอยู่นิดเดียว คือ
คนกลุ่มสีเหลืองนี้ เข้าใจนายมาร์ค มุกควาย กับพรรคกาลีของเขาล่าช้าเกินไป ปล่อยให้นายมาร์ค มุกควายและลิ่วล้อ ฉกฉวยโอกาส มาเกาะกุมอาศัยอยู่กับการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อเหลืองตั้งแต่เริ่มต้นขบวนการ จนมีโอกาสได้เข้าบริหารประเทศ และทำการคอรัปชั่นสร้างความเสียหาย ให้กับแผ่นดินไทยของเรามา เป็นเวลานานกว่า 2 ปีแล้ว
บรรดานักศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยมัฆวาน เพิ่งมา “ตาสว่าง” และได้เห็นสัจธรรม และความเลวร้ายของนักการเมืองกาลีพรรคนี้ ชัดเจนมากขึ้นทุกที ถึงขนาดคนอย่าง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำคนสำคัญ ถลันออกมาด่าสับนายมาร์ค ป่นปี้แหลกลาญเป็นชิ้นๆ ว่า
“ไม่ฉลาด! ขี้ขลาด!! ตอแหล!!!”
โอ้โฮ เฮะ!... ถ้าเป็นผมโดนด่าประณามอย่างไม่ไว้หน้า กลางที่สาธารณะอย่างนั้น หากไม่ฆ่าอีตาจำลองทิ้ง คงต้องเอาหัวไปซุกใต้กองผ้าถุงแม่ เพราะมันเจ็บจี๊ดเข้าไปถึง ขั้วหัวใจจริงๆ!!
ใช่แต่มหาจำลอง จะโจมตีหนักหน่วงคนเดียวเท่านั้น ทีมข่าวการเมือง ‘ไทยรัฐ’ ยังได้รายงานเมื่ออังคาร ที่ 1 มี.ค. 2554 ว่า
นายมาร์ค มุกควาย ไปทำเก๋ที่ตลาดจตุจักร โดนแม่ค้าในตลาดโจมตีด้วยวาทะดุเดือดไม่แพ้กันว่า
“ไอ้ตอแหล! ไอ้ฆาตกร! ไอ้รัฐบาลผีดิบ...ออกไป!!!”
นั่นไง...เห็นไหมครับ ไม่ว่าจะเป็นนายพลที่เป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรี อย่างจำลอง ศรีเมือง หรือแม่ค้าจตุจักร ก็มีความเห็นเกี่ยวกับตัวนายมาร์ค มุกควาย เหมือนๆกันอย่างไม่ผิดเพี้ยน!
ผมไม่รู้ว่าลูกหมออรรถสิทธิ์ฯ หลานปู่หมอใช้ ที่ชื่อ อภิแสบ ภักดีโพเดียม จะมีความรู้สึกอย่างไร หรือละอายแค่ไหน?
เห็นทีจะต้องให้เป็นหน้าที่ ของผู้ต้องการทราบ ไปไต่ถามกันเอง
ที่ผมข้องใจมากอีกประการหนึ่ง คือเรื่อง “สัญชาติ” ซึ่งมีคนพูดกันมากในระยะนี้ แต่ผมเห็นว่า ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไร ที่นายมาร์ค มุกควาย ต้องไปเสียเวลาเลี้ยวลด เมื่อถูกถามว่า
“มีสัญชาติ ‘อังกฤษ’ หรือไม่?”
ถ้าเป็นผม จะตอบว่า
“มีสัญชาติอังกฤษที่ติดมาพร้อมการเกิด แต่ตามหลักสายโลหิตแล้ว ผมเป็นคนสัญชาติไทยด้วย”
แค่นี้ก็จบ ไม่ต้องตกไปเป็น “ขี้ปาก” ของผู้คน เพราะดันเลี่ยงไปตอบเล่นมุกว่า
“ผมไม่ได้มีสัญชาติ...มอนเตเนโกร!”
ปล่อย ‘มุกควาย’ ออกมาแบบโจ๋สมัยนี้ พูดกันว่า “ทำเก๋ เท่ สง่า แต่ก็ต้อง...ตกม้าตายห่า” เพราะสุดท้ายนายมาร์ค มุกควาย ก็ไปไม่รอด ต้องไปยอมรับในสภาผู้แทนราษฎร ว่า
มีสัญชาติอังกฤษจริง...ฮี่โธ่!
เรื่องสัญชาติของนายมาร์ค มุกควาย นั้น จะเป็นปัญหาขึ้นมา ก็ต่อเมื่อเป็นเหตุปัจจัย ให้ศาลคดีอาญาระหว่างประเทศ รับฟ้อง ในคดีสังหารหมู่ประชาชน ในฐานะที่ยังคงถือสัญชาติอังกฤษอยู่ด้วย
เรื่องนี้ผมยังไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์ เพราะดูเหมือนระยะทางเดินของการฟ้องร้อง ยังคงจะต้องใช้เวลาอีกไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม การมีสัญชาติอังกฤษด้วย จะเป็นประโยชน์ต่อนายมาร์ค มุกควาย อย่างยิ่ง โดยเฉพาะในกรณีที่โดนทหารทำรัฐประหาร หากเจ้าตัวหลบหนีเข้าไปในประเทศอังกฤษ ที่เป็นแผ่นดินเกิด ก็จะได้รับการคุ้มครองทันที และจะไม่ถูกส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน เช่นเดียวกับอดีตประธานาธิบดี ฟูจิโมริ แห่งเปรู ที่หลบหนีคดีสังหารประชาชน เข้าไปในญี่ปุ่น หรือหากเอาใกล้ตัวหน่อย ก็กรณีนายใจ อึ้งภากรณ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ
นอกจากนั้น ถ้ามีการปฏิวัติรัฐประหาร และนายมาร์ค มุกควาย หลบหนีออกนอกประเทศไม่ทัน ก็สามารถหลบเข้าไปอยู่ในสถานทูตอังกฤษ ก็จะได้รับความคุ้มครองทันทีเช่นกัน ในฐานะที่เป็นพลเมืองของประเทศอังกฤษ
คราวนี้ เห็นกันจะจะหรือยัง ว่า ทำไมนายมาร์ค จึงไม่ยอมสละสัญชาติอังกฤษ ก็เพราะการถือสัญชาตินี้เอาไว้ด้วย จะเป็นประโยชน์กับตัวเขา ดังที่ผมได้กล่าวไว้ข้างต้นนั่นเอง!
สิ่งที่ผมเห็นว่า เป็นเรื่องไม่ชอบหรือไม่สมควร ที่คนเป็นนายกรัฐมนตรี จะถือสองสัญชาติพร้อมกัน ขณะเข้าบริหารประเทศ ทั้งนี้ ก็เพราะว่า
หากเมืองไทยของเรา มีการเจรจาหรือตัดสินใจ กับประเทศที่มีความขัดแย้งกับประเทศอังกฤษ เช่น ประเทศอาเจนตินา หรือประเทศฝรั่งเศส ฯลฯ แล้ว ไทยอาจถูกมองจากมิตรประเทศเหล่านั้นว่า
เข้าข้าง...ประเทศอังกฤษ!
หรืออย่างนายมาร์ค มุกควาย ไปเยือนอังกฤษ แล้วให้บริษัทเทสโก โลตัส ของอังกฤษ เข้าพบเป็นรายแรก มาถึงวันนี้ ก็หนีไม่พ้นที่จะถูกมองว่า
ยังไงๆ นายกฯสัญชาติอังกฤษ ก็ต้องเอื้อประโยชน์ให้กับอังกฤษ!
จริงหรือเปล่าล่ะ!
ยิ่งไปกว่านั้น หากผมจะตั้งข้อสงสัยว่า
การที่อังกฤษห้ามนายกฯทักษิณเข้าประเทศ โดยอ้างเรื่องโทษ “จำคุก” ในคดีผิดตามกฎหมาย ป.ป.ช.นั้น เป็นเพราะอังกฤษเอื้อประโยชน์ ในการที่จะปูทางให้นายมาร์ค มุกควาย ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้งๆที่อังกฤษเป็นแม่แบบของชาติประชาธิปไตย ย่อมรู้ดีว่า...
การที่คุณทักษิณฯถูกดำเนินคดีนั้น ก็สืบเนืองมาจากการปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งผู้นำชาติไทยคนนี้ ได้ถูกสอบสวนด้วยกฎหมายพิเศษ ที่ออกโดยคณะรัฐประหาร มาใช้บังคับกับนายกฯทักษิณโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ไม่ชอบธรรม อีกทั้ง ค.ต.ส. ที่ตั้งมาสอบสวน ก็ถูกตั้งโดยคณะปฏิวัติเช่นเดียวกัน และกฎหมายดังกล่าว ก็ดันออกมาบังคับใช้กับคนๆเดียว ทั้งๆที่ประมวลกฎหมายอาญาของไทย ก็ยังบังคับใช้กับบุคคลทั้งประเทศ โดยไม่ได้เปลี่ยนแปลง
มีแต่เพียง “ทักษิณ” คนเดียวเท่านั้น ที่ต้องถูกพิจารณาด้วยกฎหมายพิเศษ ที่แตกต่างไปจากประชาชนเพื่อนร่วมชาติคนอื่นๆทั้งประเทศ!
ที่แน่ๆคือ กฎหมาย ป.ป.ช. มาตราซึ่งเป็นต้นเหตุให้ทักษิณถูกจำคุก ไม่มีในกฎหมายอังกฤษ ทั้งก็ยังขัดแย้งกับหลักกฎหมายในเรื่อง Double criminality อีกด้วย
ผมไม่เชื่อว่า อังกฤษชาติผู้นำประชาธิปไตยของโลก จะไม่รับรู้ในข้อสงสัย ที่ผมตั้งเอาไว้ ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว เพราะเขานั้นเป็นชาติเก่าแก่ ที่ชาญฉลาด
ดังนั้น อังกฤษย่อมรู้ดีว่า การจำกัดพื้นที่นายกฯทักษิณ ย่อมเป็นการเอื้อประโยชน์ ในการที่จะแผ้วทางสะดวก ให้กับคนที่มีสัญชาติของเขา (และไม่มีท่าทีที่จะสละสัญชาติ ที่ได้มาจากการเกิดทิ้งไปด้วย) นั่นคือ นายมาร์ค มุกควาย ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของสยามประเทศให้จงได้ เพื่อตอบสนองผลประโยชน์ของอังกฤษ ที่มีอยู่ไม่น้อย บนผืนแผ่นดินไทย
สำหรับผมแล้วมองว่า การยังถือสัญชาติอังกฤษของนายมาร์ค มุกควาย เป็นเรื่องการขาด ‘ความสง่างาม’ ของการเป็นผู้นำรัฐบาล เพราะจะหลีกเลี่ยงไม่ได้กับการ ‘ถูกตั้งข้อรังเกียจ’
ต่อนานาชาติว่า...
...เป็นเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน ขาดความถูกต้องชอบธรรม ไม่เป็นไปตามหลัก good governance หรือที่คนไทยเรียกขานว่าธรรมาภิบาล เพราะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว เจ้าตัวอาจให้การสนับสนุนกิจการของอีกสัญชาติ ที่ตนถืออยู่ มากกว่าที่จะพึงปฏิบัติต่อชาติอื่น...
...หรือใครจะว่า...ผมพูดไม่จริง!?
ท่านผู้อ่านที่เคารพครับ
กรณีที่มีผู้พยายามพิสูจน์ว่า นายมาร์ค มุกควาย เป็นบุคคลสองสัญชาตินั้น นอกจากเป็นการพิสูจน์สัญชาติแล้ว ยังเป็นการพิสูจน์ทั้ง...
สันดานของนายมาร์ค และสันดานอังกฤษ อีกด้วย!!!
...................
ท้ายบท ผมเคยเขียนบทความเกี่ยวกับบทบาทอังกฤษ และได้รับความสนใจจากแฟนๆไม่น้อย จึงอยากให้ท่านได้มีโอกาสได้อ่านกันคือ
1. บทความชื่อ “ด่วนมาก*** จดหมายจากสถานทูตอังกฤษ กรณีขอตัวอดีตผู้นำ มาดำเนินคดีในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน!?” http://www.manager.co.th/Columnist/ViewNews.aspx?NewsID=9500000092042
บทความนี้มีผู้เข้าไปอ่าน มากกว่า 7,700 คน/ครั้ง
2. บทความชื่อ ***ด่วนที่สุด!...จดหมายจากเอกอัครราชทูตอังกฤษ ถึงหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน!!
http://www.vattavan.com/detail.php?cont_id=99
บทความนี้มีผู้เข้าไปอ่าน มากกว่า 10,500 คน/ครั้ง
ท่านผู้อ่าน คงจะหัวเราะ...ชอบใจแน่ๆ!!!
………………
(***บทความประจำสัปดาห์ ตอน พิสูจน์สัญชาติ-พิสูจน์สันดาน!!! ออนไลน์วันเสาร์ ที่ 5 มีนาคม 2554)