ที่มา Thai E-News
เฉพาะตัวเลขของขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน ประมาณการณ์ว่า มีการนำเข้าน้ำมันเถื่อน วันละ 5 ล้านลิตร กำไรสุทธิโดยยังไม่หักค่าใช้จ่ายที่ วันละ 65 ล้านบาท จ่ายเป็นค่าไฟเขียว ให้เจ้าหน้าที่รัฐ (บางคน) และอื่นๆ ลิตรละ 5 บาท ตกเดือนละ 25 ล้านบาท ยังเหลือเป็นกำไรอยู่ถึง 40 ล้าน เดือนละเท่าไหร่ ปีละเท่าไหร่คิดเอาเองครับ
โดย ปาแด งา มูกอ
2 มีนาคม 2554
ตั้งแต่ให้สัมภาษณ์ เหตุการณ์ไฟใต้ของท่าน ผบ.ทบ. ในหลายครั้ง ก็เพิ่งจะโดนใจและถูกใจที่สุดก็คราวนี้เอง
ถูกต้องแล้วครับ ท่านมาถูกทางแล้ว ท่านประยุทธ แต่ไม่อยากให้ท่านใช้คำว่า “อาจจะ” ใช่หรือไม่ใช่ฟันธงไปเลย “อย่าแทงกั๊ก” ถ้าจะทำเพื่อประเทศชาติจริงๆ
ผบ.ทบ.ยอมรับแก๊งค้ายา-อิทธิพลเถื่อนผสมโรง
" สำหรับผู้ที่ก่อเหตุร้ายต่างๆ ในอดีตมีการแบ่งกลุ่มกันทำงาน แต่ในปัจจุบันมีการรวมกลุ่ม อย่าลืมว่าที่ผ่านมาไม่มีความชัดเจนว่าใครเป็นหัวหน้า และทางฝ่ายรัฐก็ไม่สามารถที่จะไปพูดคุยกับฝ่ายตรงข้ามได้ ไม่เฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดจากผู้ก่อความไม่สงบอย่างเดียว แต่อาจจะ มีเรื่องของยาเสพติด การกระทำผิดกฎหมายมาเกี่ยวข้องด้วย และในขณะนี้ผมได้สั่งการให้ กอ.รมน.ภาค 4 ไปดูแลเรื่องยาเสพติดด้วย เป็นการลดปัญหาแทรกซ้อนที่อาจให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ทั้งน้ำมันเถื่อน ยาเสพติด ผู้มีอิทธิพล ก็ อาจเป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้ทั้งหมดมารวมตัวกันในการก่อเหตุร้ายต่าง ๆ ต่อเจ้าหน้าที่รัฐหรือประชาชนได้ "
ประเด็นธุรกิจผิดกฎหมายที่เกิดมาช้านานแล้วในพื้นที่ภาคใต้ ไม่ว่า น้ำมันเถื่อน ของเถื่อน ยาเสพติด บ่อนการพนัน ผู้มีอิทธิพล ท่านประยุทธฯอยากศึกษารายละเอียดก็ให้ไปเรียนปรึกษาท่านเทพเทือก,ท่าน มท.3 ดู หรือถ้าเป็นการรบกวนหรือไม่กล้าถามท่านทั้งสอง ก็ให้ไปถามบรรดา ส.ส.พรรค ปชป.ทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้คนไหนก็ได้ รับรองท่านจะได้ข้อมูลที่เป็นจริง (เพราะใครคุมและใครกินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง คนเขาพอรู้ๆอยู่)
ผลประโยชน์อันมหาศาลที่หน้าไหนก็มิอาจทำลายได้
พูดถึงธุรกิจผิดกฎหมายทางภาคใต้ ผมขอนำเอาเฉพาะเรื่องน้ำมันเถื่อนมายั่วให้ท่านผู้อ่านที่อยู่ภาคอื่นของประเทศไทยได้น้ำลายไหลกันก่อน ว่าทำไมเจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจมันถึงวิ่งเต้นอยากมาอยู่ภาคใต้กันจัง ไม่ใช่ว่ามีอุดมคติ อุดมการณ์บ้าบอคอแตก ที่จะมารับใช้ชาติ รับใช้ประชาชนหรอกครับ แต่มาเพื่อกอบโกยโดยเฉพาะ
ปัจจุบัน ณ เวลานี้ 3 เส้นทางหลักในการลักลอบน้ำมันเถื่อน คือ
เส้นทางจังหวัดสงขลา ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนมีรถยนต์ดัดแปลงอยู่ 300 กว่าคัน รถยนต์กระบะและรถเก๋งดัดแปลงเหล่านี้ สามารถบรรทุกน้ำมัน ตั้งแต่ 1,600 ลิตร ถึง 2,000 ลิตร ไม่รวมรถบรรทุก รถหัวลาก อีกว่า 50 คัน ที่เข้าสู่ขบวนการค้าน้ำมัน โดยรถทั้งหมด ขับเข้าทางด่าน สำนักขาม ด่านปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา
ส่วนที่ จ.สตูล การขนน้ำมันทางบก ( รถยนต์ ) มีเส้นทางเดียว คือ ด่านวังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล ซึ่งขนวันละกี่เที่ยว อยู่ที่ความสามารถ ซึ่งมีรถยนต์ที่ถูกขึ้นบัญชีเพื่อจ่ายส่วย ให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย จำนวน 200 คน แต่รถยนต์ที่ขนน้ำมันเถื่อนจริงๆ มีอยู่ 500 กว่าคัน โดยส่วนหนึ่งใช้นำน้ำมันเถื่อน ที่มากับเรือประมง ทั้งจาก อ.เมือง อ.ท่าแพ และ อ.ละงู
ที่ จ.นราธิวาส ซึ่งมีอยู่ 3 อำเภอ คือ อ.สุไหงโก-ลก อ.ตากใบ และ อ.แว้ง ที่มีด่านตรวจศุลกากร โดยมีรถยนต์ดัดแปลงอยู่กว่า 300 คัน และรถบรรทุก 10 ล้อ ที่เป็นรถบรรทุกน้ำมันอีก 10 คัน ซึ่งเป็นที่คุ้นหน้า คุ้นตา กับเจ้าหน้าที่เพราะเป็นรถที่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายต้องไฟเขียว เพราะ รับเงินจากหัวเบี้ยเป็นรายเดือนไปแล้ว
เฉพาะตัวเลขของขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน ประมาณการณ์ว่า มีการนำเข้าน้ำมันเถื่อน วันละ 5 ล้านลิตร กำไรสุทธิโดยยังไม่หักค่าใช้จ่ายที่ วันละ 65 ล้านบาท จ่ายเป็นค่าไฟเขียว ให้เจ้าหน้าที่รัฐ (บางคน) และอื่นๆ ลิตรละ 5 บาท ตกเดือนละ 25 ล้านบาท ยังเหลือเป็นกำไรอยู่ถึง 40 ล้าน เดือนละเท่าไหร่ ปีละเท่าไหร่คิดเอาเองครับ น่าน้ำลายไหมครับท่านผู้อ่าน
ผลเสียที่เกิดขึ้น คือ รัฐ หรือประเทศชาติ ต้องสูญเสียภาษีน้ำมันที่รับจากผู้ค้าน้ำมัน เฉพาะใน 7 จังหวัดภาคใต้ปีละนับพันล้านบาท รวมทั้งเป็นการทำลายธุรกิจการค้าน้ำมันที่ถูกต้องตามกฎหมายให้ล้มหายไปจากพื้นที่
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงมีคำถามว่าแล้วใครที่จะเข้ามาแก้ปัญหา การโกงกิน กันอย่างมหาศาล ที่ตั้งอยู่บนความหายนะของประเทศชาติ ที่มาจากการค้าน้ำมันเถื่อนใน 7 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในเมื่อ ผลประโยชน์อันมิชอบทั้งหมด ได้มีการจัดสรร ปันส่วนอย่างทั่วถึงแล้ว
เป็นไงครับ ท่าน ผบ.ทบ.ท่านพร้อมที่จะแก้หรือยัง นี่แค่เรื่องน้ำมันเถื่อนอย่างเดียวน่ะครับท่าน หรือจะเปลี่ยนใจพอเห็น ประมาณการผลกำไรสุทธิวันละ 65 ล้านบาท วันละ 65 ล้านบาทเชียวน่ะครับ
ในเมื่อผลประโยชน์โคตรมหาศาลมากมายแบบนี้ มันจึงเกิดปัญหาไฟใต้นอกระบบขึ้นมา จนเจ้าหน้าที่รัฐทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบ หมดปัญญา หมดท่า หมดหนทาง ในการดับไฟใต้ เพราะไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรายวัน มันเกิดจากปัญหาอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆ พวกกูก็จะไม่ทิ้งผลประโยชน์ตัวนี้อย่างแน่นอน
ขออนุญาตเล่านิทานประกอบภาพหน่อยน่ะครับ ว่าทำไมถึงเรียกว่า “ไฟใต้นอกระบบ”
นานมาแล้วราวปี 2535 ณ หมู่บ้านชายแดนใต้แห่งหนึ่ง อามีน,อัสมัน,มุกตา ,ไซมิง และมะแอ 5 เพื่อนพ้องน้องพี่ ที่เล่นหัวกันมาตั้งแต่เด็ก จนเข้าสู่วัยฉกรรจ์ ต่างก็มุ่งมั่นในการประกอบอาชีพเพื่อความสุขความสบายของครอบครัวเฉกเช่นมนุษย์ขี้เหม็นทั่วๆไป
แล้วอาชีพอะไรหล่ะ ที่มันสามารถสร้างรายได้อย่างมหาศาลในเวลาอันรวดเร็ว โดยไม่ต้องเสี่ยงตาย ไม่ผิดกฎหมายเพราะกฎหมายที่นี่ใช้เงินซื้อกฎหมายได้ เมื่อคิดได้เช่นนี้ 5 เกลอเพื่อนรักจึงเริ่มจับธุรกิจการค้าน้ำมันเถื่อนทันที
เริ่มต้นครั้งแรกธุรกิจไปได้ดี รายได้ดี แต่มาเสียอีตรงที่ถูกรีดไถจากเจ้าหน้าที่รัฐทุกหน่วยงาน ทุกคน ตั้งแต่ระดับนายไล่ลงไปจนถึงปลายแถว แบบนี้ตายแน่ๆ เห็นทีต้องแก้เคล็ด ด้วยการส่งส่วยนายใหญ่คนเดียวไปเลย วันนึงเอาเท่าไหร่ว่ากันมา พอนายใหญ่งับปั๊บมันก็สั่งลูกน้องหน่วยงานของมันห้ามไปยุ่ง แถมยังขอความสะดวกไปยังนายใหญ่หน่วยอื่นให้อีกด้วย
สี่เกลอหัวใสรอดตัวไปได้ ผลกำไรเริ่มเป็นกอบเป็นกำ ก็เหลือแต่เพียงพ่อมะแอ คนเดียวที่ไม่ยอมเสียเชิงชาย ไม่ยอมให้ใครมาคุมแดก ผลที่มะแอได้รับคือถูกเจ้าหน้าที่จับทุกวัน ไถทุกวัน จาก 4 หน่วยงานที่มันคุมแดก
สี่เกลอของมะแอ เอง มะแอทั้งเศร้าทั้งเจ็บแค้นคิดว่าเพื่อรักทั้ง 4 หักหลังเพราะมะแอจะขนน้ำมันไปซ่อนที่ไหน ไปขายที่ไหน เจ้าหน้าที่มันรู้ไปหมด
และแล้ววันแห่งความเศร้าก็มาถึง มะแอ พร้อมลูกน้องคู่ใจ บุกเข้าฆ่าเพื่อนรักทั้ง 4 ด้วยมือของตนเอง หลังจากนั้นมะแอเองก็ถูกไล่ล่าจากเจ้าหน้าที่ เพราะมะแอทะลึ่งไปทุบหม้อข้าวทั้ง 4 ใบ แถมด้วยชนักติดหลังกลุ่มก่อการร้ายให้กับมะแอ
ต่อมาภายหลัง หน่วยคุมแดกจึงได้แบ่งสันปันส่วน โดยใช้แนวทางของ 5 เกลอในการดำเนินธุรกิจต่อไป