WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, March 5, 2011

บทความมติชน(สุด) : "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" สุภาพบุรุษ "ไพร่"

ที่มา thaifreenews

โดย lovethai

"ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" สุภาพบุรุษ "ไพร่"


ในประเทศ


"เรียนพี่น้องเสื้อแดงและประชาชนทั่วประเทศ พวกผมกลับมาแล้ว ผมกลับมาแล้ว"

นี่คือ คำประกาศของ "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" หลังออกจากเรือนจำเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ต่อหน้า "คนเสื้อแดง" ประมาณ 3,000-4,000 คน ที่มาต้อนรับอิสรภาพของ "7 แกนนำ"

การกลับมาของ "ณัฐวุฒิ" ครั้งนี้ มีพลานุภาพอย่างยิ่งทั้งกับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง

และ "พรรคเพื่อไทย"

สำหรับ "คนเสื้อแดง" นั้น "ณัฐวุฒิ" ถือเป็น "ขวัญใจ" ที่มีคนนิยมสูงสุด

สูงกว่า "จตุพร พรหมพันธุ์"

"จตุพร" นั้น มีลีลาที่ดุดัน แข็งกร้าว

แต่ "ณัฐวุฒิ" นั้น ครบเครื่อง

จะเล่นบทดุดัน ปลุกเร้าก็ได้

หรือจะเรียกเสียงฮา อดีต "สภาโจ๊ก" คนนี้ก็ทำได้

หรือจะปราศรัยแบบกินใจเรียกน้ำตา

"ณัฐวุฒิ" ก็จัดให้ได้

ดังนั้น ในช่วงการชุมนุมใหญ่ของ "คนเสื้อแดง" แกนนำ นปช. จึงวางตัว "ณัฐวุฒิ" เป็นคนปราศรัยคนสุดท้าย เพื่อตรึงมวลชนให้อยู่จนนานที่สุด

หลังโดนสลายการชุมนุมเมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 "ณัฐวุฒิ" และแกนนำอีก 6 คน ถูกจำคุกและไม่ได้รับการประกันตัว

"แกนนำ" เหลือเพียง "จตุพร" คนเดียว

แต่ "คนเสื้อแดง" ก็ยังไม่ตาย และฟื้นตัวขึ้นอย่างช้าๆ ในช่วงแรก ก่อนจะมีพัฒนาการอย่างรวดเร็วในช่วงหลัง

ครั้งล่าสุด จำนวนผู้เข้าร่วม "ม็อบเสื้อแดง" ไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นคน

ดังนั้น การกลับมาของ "ณัฐวุฒิ" ครั้งนี้ จึงเป็นการเสริมพลังให้กับ "คนเสื้อแดง" ครั้งใหญ่

เชื่อกันว่าการชุมนุมในวันที่ 12 มีนาคมนี้ "คนเสื้อแดง" จะหลั่งไหลเข้าร่วมมากขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน

เพราะนอกจากเป็นการรับขวัญ "7 แกนนำ" แล้ว

คนส่วนใหญ่จะมาฟัง "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ"

ไม่แปลกที่ "คนเสื้อแดง" จะเก็บตัว "ณัฐวุฒิ" ไม่ให้เดินสายไปปราศรัยที่ไหน

แม้ว่าในต่างจังหวัดจะมีการชุมนุมย่อยแทบทุกวัน

"ณัฐวุฒิ" วันนี้ ให้สัมภาษณ์สื่อทุกแขนง เดินเรื่องการประกันตัว "คนเสื้อแดง" ทุกที่ แต่ไม่เคยปราศรัยที่ไหนเลย

เป็นกลยุทธ์การเก็บตัว "ซุป-ตาร์" เพื่อดึงคนให้เข้าร่วมในการชุมนุมใหญ่วันที่ 12 มีนาคมนี้

เพื่อฟังการเปิดใจครั้งแรกของ "ณัฐวุฒิ"



ในบทบาทของแกนนำคนเสื้อแดงนั้น "ณัฐวุฒิ" ค่อนข้างชัดเจนว่ายืนอยู่หัวแถว

แต่เมื่อเข้ามาอยู่ในพรรคเพื่อไทย

บทบาทของ "ณัฐวุฒิ" ก็อยู่ในระดับเดียวกับ "จตุพร"

ไม่ได้อยู่ในกลุ่มกำหนดนโยบายหรือตัดสินใจ

ทั้งคู่เป็น "แม่เหล็ก" บนเวทีปราศรัยหาเสียง

ซึ่งบทบาทนี้มีความหมายอย่างยิ่งในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง

เพราะในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา นักการเมืองที่สามารถเรียกคนมาฟังการปราศรัยให้กับพรรคเพื่อไทยมีอยู่ 2 คน คือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และ "จตุพร พรหมพันธุ์"

ในอดีต "สารวัตรเฉลิม" อาจเป็น "แม่เหล็ก" ที่แรงที่สุด

แต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสาน-เหนือ ในพื้นที่ "คนเสื้อแดง" คนที่เรียกมวลชนได้มากที่สุดคือ "จตุพร"

แต่ทันทีที่ได้ "ณัฐวุฒิ" มาเสริมทีมปราศรัย

"ณัฐวุฒิ" จะกลายเป็น "แม่เหล็ก" อีกคนหนึ่ง

และเป็น "แม่เหล็ก" ที่แรงที่สุด

พรรคเพื่อไทยนั้นหวังว่า "จตพร-ณัฐวุฒิ" จะช่วยแปรคะแนนนิยมจาก "คนเสื้อแดง" ให้กลายเป็น "คะแนนเสียง" ของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้ง

เพราะคนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย กับ "คนเสื้อแดง" นั้น ทับซ้อนกันอยู่

ไม่แปลกที่พรรคเพื่อไทยจะเปิดพื้นที่ให้กับแกนนำคนเสื้อแดงลงสมัครรับเลือกตั้งด้วย

ทั้ง ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

ในส่วนของ "จตุพร" และ "ณัฐวุฒิ" เชื่อได้ว่าจะลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อ เพื่อจะได้เสริม "ทัพหลัก" ตระเวนปราศรัยทั่วประเทศได้

และต้องพะวงกับพื้นที่

อิสรภาพของ "ณัฐวุฒิ" จึงมีความหมายอย่างยิ่งสำหรับพรรคเพื่อไทย

โดยเฉพาะเมื่อแว่วเสียงระฆังการเลือกตั้งดังขึ้น



"ณัฐวุฒิ" เป็นคนที่คมคายมากบนเวที "คนเสื้อแดง"

เขาเป็นคนยกวาทกรรม "ไพร่-อำมาตย์" ขึ้นมา เพื่อแสดงให้เห็นถึง "สองมาตรฐาน" ในสังคมไทย

จนคำว่า "ไพร่" ซึ่งเป็นคำที่แสดงถึงความเหยียดหยาม

กลายเป็นคำที่แสดงสถานะผู้ถูกกดขี่ ของ "คนเสื้อแดง"

และสร้างพลังในการชุมนุมในช่วงที่ผ่านมา

หลังออกจากเรือนจำ "ณัฐวุฒิ" ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์มติชน ถึง "จุดยืน" ของตัวเขาเองที่ยังคมคายเหมือนเดิม

เขายืนยันว่าภารกิจแรกคือการเรียกร้องกดดันให้มีการประกันตัว "คนเสื้อแดง" ที่ยังถูกควบคุมตัวอยู่อีกกว่า 100 ชีวิต

จากนั้นคือการพัฒนา "คุณภาพ" ของ "คนเสื้อแดง" ให้เทียบเท่ากับ "ปริมาณ" ที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ

เป็นแนวทางที่สอดคล้องกับ "ธิดา ถาวรเศรษฐ์" ที่ได้จัดตั้งเครือข่ายคนเสื้อแดงในระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน อย่างเป็นระบบ

เพราะเธอเห็นปัญหาจากการชุมนุมใหญ่ครั้งที่ผ่านมา

"ณัฐวุฒิ" บอกว่า "คนเสื้อแดง" ต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ตามระบอบประชาธิปไตย

ในมุมมองของเขา "คนเสื้อแดง" กับ พรรคเพื่อไทย ต้องเดินกันแบบ 2 ขา

"เมื่อเข้าสู่สนามเลือกตั้ง คนเสื้อแดงจะหันมาให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทย เพื่อแสดงพลังให้รู้ว่าเราคือคนส่วนใหญ่ของประเทศ"

"ณัฐวุฒิ" บอกว่า เขาไม่สามารถระดมพล 10 ล้านหรือ 20 ล้านคน ให้ออกมาชุมนุมได้

"แต่เราสามารถรณรงค์ให้คน 10-20 ล้านคน มาเลือกพรรคเพื่อไทยได้"

เขาสรุปว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการพิสูจน์ ว่า "คนเสื้อแดง" เดินมาถูกทางหรือไม่

เพราะถ้า "ประชาธิปัตย์" ชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้น ก็แสดงว่าสิ่งที่เขาคิดและเข้าใจอาจไม่ตรงกับความต้องการของคนส่วนใหญ่ในประเทศ

นี่คือ การตกผลึกทางความคิดของ "ณัฐวุฒิ" หลังจากต้องไปใช้ชีวิตในเรือนจำถึง 9 เดือน

ส่วนความสัมพันธ์กับ "ทักษิณ ชินวัตร" นั้น "ณัฐวุฒิ" บอกว่าเขาเป็นคนที่เคารพและศรัทธา พ.ต.ท.ทักษิณ และถึงวันนี้ก็ยืนยันว่าจะเคียงข้าง พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อไป

...ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ มีจุดยืนเคียงข้างประชาชน ผมก็ไปด้วย

...ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าเหนื่อยแล้วยอมแพ้ ขอหยุด ผมก็สู้ต่อ

...แล้วถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าไม่ไหวแล้ว ยืนอยู่กับประชาชนมันเหน็ดเหนื่อย เจ็บปวดท้อแท้ ขอย้ายไปอยู่อีกข้างดีกว่า

"ผมก็จะสู้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร"

คมคายและคมชัดอย่างยิ่ง

ตามแบบ "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ"


(ที่มา มติชนสุดสัปดาห์ ,ฉบับ 4-10 มีนาคม 2554)