ที่มา บางกอกทูเดย์
จากชาติปลอดเชื้อ...เมื่อไข้หวัด 2009 ระบาดขึ้นมาใหม่ๆ กลายมาเป็นอันดับ 6 เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้าแล้วมาถึงอันดับที่ 4 ในการแถลงครั้งล่าแปลว่า..ได้มีความล้มเหลวเกิดขึ้นในระบบป้องกันและรักษาจาก 26 ศพของผู้เสียชีวิต..เมื่อก่อนวันประกาศปิดการแถลงข่าวรายวัน..มาจนถึงวันแถลงครั้งสุดท้าย..กลายเป็น 44 ศพอธิบายว่า...รัฐบาลนี้มือไม่ถึงมาลำดับกันดูว่า...คำว่ามือไม่ถึงนั้น อธิบายได้อย่างไรทันทีที่โรคนี้ถูกประกาศและได้รับการยืนยันว่าเป็นโรคระบาด....ยาที่ใช้ในการรักษาโรคนี้จะต้องถูกสั่งซื้อทันที โดยที่ไม่ต้องให้โรคนี้เกิดขึ้นมาในราชอาณาจักรเสียก่อนเพราะจะต้องรู้โดยสามัญสำนึกว่า... จะไม่มีตัวยาชนิดใดผลิตขึ้นมาเพื่อหรือเพียงพอสำหรับคนทั้งโลก ผู้รู้จึงต้องเป็นกระต่ายตื่นตูม..จัดงบสั่งซื้อยาและเตรียมจัดซื้อจัดหากระบวนการป้องกันไว้ล่วงหน้า..ก่อนหวัด 2009 จะเดินทางมาถึงประเทศไทย...ความรู้เกี่ยวกับโรคและลำดับการแพร่ขยายกระจายเชื้อจะต้องถ่ายทอดลงสู่โรงเรียน เพื่อให้เด็กนักเรียนนำไปถ่ายทอดสู่
พ่อแม่และผู้ปกครองนั่นเป็นหนทางสั้นที่สุดที่จะปลุกประชาชนให้ตื่น...แต่ไม่ให้ตระหนกตกใจจุดล่อแหลมในการแพร่เชื้อจะต้องลำดับเข้ามารวมกัน..และเริ่มขบวนการป้องกันเป็นอันดับแรก..เตือนให้ประชาชนรู้วิธีป้องกันตนเมื่อเข้าสู่ย่านที่มีผู้คนแออัด..ให้พกพาผ้าเช็ดหน้าหรือกระดาษปิดจมูกเวลาเข้าพื้นที่คับขัน หรือเพื่อรองรับเสมหะน้ำลายของตนเอง..ไม่ให้เช็ดถูถ่มทิ้งตามอำเภอใจไวรัส..ตายง่ายในพื้นที่แห้งแล้ง...และยังอยู่ยืนยาวในพื้นที่ชื้นเปียก....ใช่หรือไม่ปากและจมูกอันเป็นทางเข้าใหญ่...ประชาชนจะต้องระวังต่อการให้มือนำเชื้อไปป้อนเข้าจมูกและปาก..การจัดตั้งพื้นที่ต่างหากสำหรับการ...แยกโรคหวัด 2009 ออกจากผู้ป่วยปรกติตามโรงพยาบาลต่างๆ ต้องดำเนินการทันที...และยิ่งเมื่อทราบว่า..หวัดนี้จะโจมตีรุนแรงกับผู้ที่เป็นโรคอื่นๆอยู่แล้ว...ก็น่าจะตั้งโรงพยาบาลสนามแยกต่างหากมีเรื่องต้องทำมากมายก่อนที่ประเทศไทยจะกลายเป็นอันดับ 4 ใน 200 กว่าประเทศ..เพราะความมือไม่ถึงของรัฐบาลไทยยังพอมีเวลาที่จะทำให้ประเทศไทย..ไม่โตขึ้นไปเป็นอันดับ 1 ขึ้นไปรับถ้วย... “ชาติที่ล้มเหลวที่สุดในโลก”เห็นเด็กไทยไปไล่ล่าคว้ารางวัลที่ 1 จากมากมายหลายสาขาในโลกแล้ว....เศร้าใจแทนผู้ใหญ่ไทยในรัฐบาลชุดนี้..เป็นอันดับ 1 เมื่อไหร่...ไปโดยไม่ต้องไล่ได้ไหมครับ ■