ที่มา บางกอกทูเดย์
ถูกตั้งข้อสงสัยไปในทางที่ไม่ค่อยดีอีกแล้ว...โดยเฉพาะกับการที่นายกรัฐมนตรี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”ลงพื้นที่ไปเรียกคะแนน เอ้ย! พบปะพูดคุยกับพี่น้องประชาชนและติดตามดูโครงการต่างๆหลังจากปฐมฤกษ์เบิกโรงกันที่ จ.บุรีรัมย์ ฐานที่มั่นสำคัญของผู้มีอุปการคุณรายใหญ่ ก็มีอีกหลายจังหวัดขึ้นโปรแกรมตามขบวนมาติดๆ แต่ยังไม่ฟันธงชัวร์ป้าบว่าจะไปไหนงานนี้สาวน้อยสาวใหญ่คงต้องอดใจรอวันสัมผัสตัวเป็นๆ ของท่านนายกฯ 6 เดือน...กันไปก่อนที่ว่าโดนตั้งแง่อีกรอบ ก็เพราะเหตุการณ์ลงพื้นที่ของนายกฯอาจกำลังเป็นเงื่อนไขปลุกระดมให้กลุ่มคนเสื้อแดงทั่วประเทศลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลนัยว่ารัฐบาลจะเปิดสงครามประชาชนรอบใหม่..?นายกฯ “มาร์ค” พูดก่อนหน้านี้ว่า รัฐบาลไม่เคยไปเปิดสงครามกับใคร อยากทำความเข้าใจกับ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ว่า การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลและ ครม. เป็นไปตามปกติ การลงพื้นที่จะไม่มีลักษณะของการที่จะไปยั่วยุทำให้เกิดความขัดแย้ง แต่การลงพื้นที่คือ การไปทำงาน จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องมาปะทะหรือทำสงครามใดๆทั้งสิ้นและมาย้ำอีกครั้งก่อนออกเดินทางไปเปิดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่ จ.ภูเก็ต ว่า สถานการณ์ขณะนี้คนในประเทศคงต้องช่วยกันทำให้บ้านเมืองอยู่ในภาวะที่ทำงานได้ตามปกติ และขอเรียกร้องคนที่อยากจะแสดงออกต้องมีขอบเขตไม่เช่นนั้นบ้านเมืองก็ติดหล่มอยู่ตลอดเวลา หากเป็นการแสดงออกเฉยๆ ก็ไม่เป็นไร
แต่ถ้าเชิญชวนให้คนทำผิดกฎหมายนั้นทำไม่ได้ รัฐบาลคงต้องดำเนินการให้เข้มข้นขึ้น โดยให้หน่วยงานติดตามข้อมูลในพื้นที่เฝ้าระวังและติดตามให้ใกล้ชิดขึ้น การทำความเข้าใจเราได้ทำไปมากแล้ว ปัจจุบันสื่อมีหลากหลาย บางทีคนก็เลือกที่จะรับข้อมูลด้านเดียว ซึ่งก็เป็นปัญหา แต่ก็ถือเป็นสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญว่ากันตามเนื้อผ้า บ้านเมืองมีขื่อมีแปก็จริง...แต่ความรุ่มร้อน จับให้มั่นคั้นให้ตาย ไม่เห็นคนไทยเป็นคนไทยด้วยกันไม่ว่าจะสถาปนาพวกพ้องตัวเองเป็นสีอะไรก็ตาม...กำลังจะสร้างค่านิยมให้ความคิดเห็นหรือการกระทำของคนหมู่มากเป็นสิ่งชอบธรรมไม่ผิด และเป็นสิ่งที่ร้ายแรงเกินไปหากจะตั้งข้อกล่าวหาหรือเอาผิดตามกฎหมายอาการดึงดัน กระฟัดกระเฟียด เลยเกิดขึ้นตามมาทุกครั้งอย่างที่สังคมไทยกำลังเผชิญภาวะกฎหมู่เหนือกฎหมาย..?“จาตุรนต์ ฉายแสง” อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยยังออกมายอมรับว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงเป็นสิ่งที่เกินเลยไป ซึ่งเคยเสนอหลายครั้งแล้วว่าให้กลุ่มแกนนำเสื้อแดงหันหน้ามาคุยกันเพื่อแสดงถึงจุดยืนในการต่อสู้หากชัดเจนแล้วว่าเป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย โดยไม่ใช้ความรุนแรง ก็จะเป็นประโยชน์ และอย่าไปคิดว่าสิ่งที่พันธมิตรฯทำได้ กลุ่มเสื้อแดงก็ทำได้ แต่ก็ต้องเข้าใจว่าทุกอย่างเกิดจากความคับแค้นใจ แต่แกนนำก็ต้องหารือและทำความเข้าใจเพื่อไม่ให้ความขัดแย้งกลายเป็นการเผชิญหน้าบางทีแกนหลักที่ขับเคลื่อนคนเสื้อแดงในตอนนี้ คงต้องฟังหรือเก็บเอาไปทบทวนถึงสิ่งที่ผู้เคยขึ้นเวทีร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดงพูดไว้บ้าง
ก็คงไม่เสียหายอะไรนักประธานรัฐสภา “ชัย ชิดชอบ” บอกว่า เวลานี้ยังมีคนเสื้อสีต่างๆเคลื่อนไหวและสร้างปัญหากันอยู่ อยากขอให้ยุติเสียที พวกเราในนามประชาชนทั่วประเทศ ต่างมีสีเดียว คือ สีของธงไตรรงค์ที่เราบูชาควรเลิกได้แล้ว มากอดคอกันแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศดีกว่าตอนนี้รัฐบาลมีนโยบายออกพันธบัตรช่วยชาติ ทำให้คนแก่คนเฒ่าที่สอดเงินสอดทองซ่อนไว้ใต้หมอน มาซื้อพันธบัตร 80,000-90,000ล้านบาท ซึ่งขายหมดภายในระยะเวลาอันสั้น เวลานี้เงินมันสะพัดเงินมาเข้ากระเป๋าเราโดยที่เราไม่รู้ตัวก็มี เงินที่หมุนเวียนจะทำให้เราฟื้นฟูเศรษฐกิจได้เร็วขึ้น..คิดว่าเขาคงต้องออกลายบ้าง เสือไม่ทิ้งลายเขาว่าอย่างนั้นก่อนที่ลายจะหมดไปก็ต้องออกลายบ้างเป็นธรรมดา ส่วนจะเป็นใครบ้างที่ทิ้งลายก็ไม่ทราบ เพราะไม่ได้หมายถึงใคร แต่หมายถึงทั่วๆ ไป..ต้องมีลายไปเรื่อย ตราบใดที่คนเรากินพริกกินเกลือเค็ม เปรี้ยว หวาน ต้องออกฤทธิ์เป็นธรรมดา อาวุโสการเมืองอารมณ์ดีว่าไว้เมื่อถูกถามถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่อาจรุนแรงขึ้นมีน้ำจิ้มทำนายชะตาบ้านเมืองว่า หลังปี 54 ไปแล้วประเทศไทยจะดีขึ้นทั้งเศรษฐกิจและการเมือง ความขัดแย้งที่เป็นอยู่จะลดน้อยลงและคลี่คลายไปในทางที่ดีแต่นั่นคือเรื่องของ “อนาคต”ส่วน “ปัจจุบัน” มันยังไม่จบ และ “ไม่จบง่ายๆ” แน่นอนไม่ยากเกินไปถ้าอยากให้คำทำนายดีๆ นี้เป็นจริง คงต้องเริ่มฆ่าเชื้อความเห็นแก่ตัว ไม่ฟังใคร ข้าถูก เอ็งผิด วันละนิด หรือพกติดตัวใส่ให้ชินทุกครั้ง ยิ่งเวลาที่ต้องอยู่ร่วมกับคนหมู่มากเหมือน “หน้ากากอนามัย” ยังไงยังงั้นเชื้อที่ว่าคงแพร่กระจายน้อยลงไปพร้อมๆ กับ ถ้ารัฐบาล“อภิสิทธิ์” ที่ยังถืออำนาจดูแลบ้านเมืองอย่างเต็มมือ จะทำให้ประชาชนเห็นจริงๆ เสียทีด้วย...!! ■