WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, July 21, 2009

กฟภ.-กปน.บักโกรกตบเท้าขอกู้อ่วมนโยบายน้ำไฟฟรี

ที่มา ไทยรัฐ
Pic_20949

กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอ ครม. วันนี้ พิจารณาให้ กฟภ. -กปน. ขอกู้เงินเสริมสภาพคล่อง อ้าง สนองนโยบายน้ำ-ไฟฟรี จนบักโกรก รวมวงเงิน กว่า 7,000 ล้านบาท ...

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (21 ก.ค.) กระทรวงมหาดไทย จะเสนอให้ ครม. พิจารณาให้ความเห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กู้เงินในประเทศภายในกรอบวงเงินไม่เกิน 2,900 ล้านบาท โดยรัฐบาลเป็นผู้รับภาระดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายใด ๆ อันเกิดจากการกู้เงินดังกล่าว เพื่อลดผลกระทบต่อสภาพคล่องจากการดำเนินการ 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน ที่ กฟภ. ทั้งนี้ทางกระทรวงมหาดไทย รายงานว่า กฟภ.ได้ดำเนินการ 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคนตามติ คณะรัฐมนตรี (ครม.) 15 ก.ค. 2551 ที่ให้กฟภ. รับผิดชอบมาตรการลดค่าไฟฟ้าของครัวเรือน เป็นเวลา 6 เดือน (1 ส.ค. 2551-ม.ค. 2552) และ มติ ครม. 29 ก.ค.2551 ที่ให้ขยายมาตรการให้ครอบคลุมถึงกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่เช่าอาศัยในอาคารชุด หรือ ห้องเช่าที่ผู้ประกอบการถูกต้องตามกฎหมาย โดยให้เริ่มดำเนินการในรอบการจัดเก็บเดือน ก.ย. 2551และสิ้นสุดในเดือน ก.พ. 2552 โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลัง และ สำนักงบประมาณแทนทางการจ่ายเงินชดเชยและการแก้ไขปัญหาสภาพคล่องให้แก่รัฐวิสหากิจที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ กฟภ.รายงานว่า กฟภ.ได้ลดค่าไฟฟ้าประจำเดือน ส.ค. 2551 ถึงเดือน ม.ค. 2552 และ ก.พ. 2552 ให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าแล้ว วงเงินทั้งสิ้น 8,182.583 ล้านบาท ได้รับการชดเชยรายได้จากสำนักงบประมาณแล้วถึงเดือน พ.ย. 2551 วงเงินรวม 5,282.582 ล้านบาท ยังคงเหลือวงเงินที่ยังไม่ได้รับการชดเชยฯอีกจำนวน 2,900 ล้านบาท ซึ่งเดิม กฟภ. มีผลกระทบทางการเงินเดิม เกิดจากการที่ไม่สามารถเก็บเงินค่าไฟฟ้าจากหน่วยงานราชการได้เต็มจำนวนมาอย่างต่อเนื่อง มีลูกหนี้ค่าไฟฟ้าของหน่วยงานราชการเป็นวงเงินประมาณ 2,000 ล้านบาทด้วย และจำเป็นต้องเร่งนำเงินที่ขาดอยู่ไปชำระค่ากระแสไฟฟ้า จาก กฟผ. อยู่โดยเร็ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ กฟภ. ยังขอความเห็นชอบการกู้เงินในประเทศปี 2552 เพิ่มเติม จำนวน 7 งาน วงเงินดำเนินการ 3,203.193 ล้านบาท เป้าหมายเบิกจ่าย 2,628.109 ล้านบาท เนื่องจาก สภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันทำให้สถานะการเงินของ กฟภ. เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยมีการพยากรณ์ว่าอัตราการเพิ่มของหน่วยจำหน่ายไฟฟ้าจะลดลง ทำให้ต้องมีการปรับแผนการลงทุน การจัดซื้อจัดจ้าง แต่ขณะเดียวกัน กฟภ. ยังมีภาระที่จะต้องลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการบริการด้านสาธารณูปโภคให้ประชาชนมีไฟฟ้าใช้อย่างทั่วถึง จึงมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแหล่งเงินลงทุนจากการใช้เงินรายได้ กฟภ. มาดำเนินการ โดยกู้เงินในประเทศปี 2552 เพิ่มเติม ในงบลงทุนเพื่อการดำเนินงานตามปกติ งานด้านระบบไฟฟ้า จำนวน 7 งาน ประกอบด้วย งานต่างๆ ดังนี้ 1.งานขยายเขตระบบจำหน่ายและระบบสายส่งสำหรับผู้ใช้ไฟ วงเงิน 375.604 ล้านบาท

2.งานตรวจสอบบำรุงรักษาอุปกรณ์ไฟฟ้า และ Underground Cable ในสถานีไฟฟ้า 118.031 ล้านบาท 3.งานขยายเขตไฟฟ้าให้บ้านเรือนราษฎรที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ 555.800 ล้านบาท 4.งานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าอมตะนคร จ.ชลบุรี 211.516 ล้านบาท 5.งานก่อสร้างสถานีไฟฟ้านวนคร 4 วงเงิน 126.763 ล้านบาท 6.งานจัดหามิเตอร์และอุปกรณ์ประกอบสำรองจ่าย 1,437.791 ล้านบาท 7.งานจัดหาหม้อแปลงและอุปกรณ์ประกอบสำรองจ่าย 377.688 ล้านบาท รวมวงเงินดำเนินการทั้งสิ้น 3,203.193 ล้านบาท แต่มีเป้าหมายเบิกจ่ายรวม 2,628.109 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ขณะที่การประปานครหลวง (กปน.) ได้ขออนุมัติวงเงินกู้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้น (Working Capital) เป็นระยะเวลา 1 ปี วงเงิน 1,000 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน เพื่อเอาไว้สำหรับสำรองไว้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการเสริมสภาพคล่องในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน โดยกปน. ได้อ้างเหตุผล ผลกระทบทางการเงินจากการดำเนินนโยบาย 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน เช่นกัน โดย กปน.เบิกเงินชดเชยค่าน้ำตั้งแต่เดือน ส.ค.-ธ.ค. 2551 เป็นเงิน 1,491 ล้านบาท ยังคงค้างการเบิกจ่าย 2 เดือน คือ ม.ค. 2552-ก.พ. 2552 รวม 506 ล้านบาท แต่จากประมาณการเงินสดรับ-จ่ายของปีงบประมาณ 2552-2553 เห็นว่ามีความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนเสริมสภาพคล่องในกรณีจำเป็นเร่งด่วน โดยช่วงเดือน เม.ย.-ก.ย. 2552 ต้องการใช้เงินประมาณ 750 ล้านบาท และเดือนต.ค. 2552 - มี.ค.2553 ต้องการใช้เงิน 1,000 ล้านบาท