ที่มา ข่าวสด
เหล็กใน
เริ่มจากปัญหาที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ โดนพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาก่อการร้าย จากเหตุการณ์ยึดสนามบินสุวรรณภูมิ จนทั้งรัฐบาลและนายกษิตโดนวิพากษ์วิจารณ์กันกระหึ่มเมือง
ถึงแม้ว่ามีความพยายามจะบอกว่า ผิดหรือไม่ผิดก็ต้องรอให้สิ้นสุดกระบวนการยุติธรรมเสียก่อนก็ตาม
แต่ในความเป็นจริง ได้เกิดความเสียหายขึ้นแล้ว!
เพราะคนที่เป็นรัฐมนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นรมว.ต่างประเทศ กลับถูกกล่าวโทษด้วยข้อหาฉกรรจ์เสียเอง
ความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในเวทีโลกจะเป็นอย่างไร!?
การประชุมรมต.ต่างประเทศอาเซียนที่ภูเก็ตในช่วงนี้อาจจะมีฟีดแบ็กบ้าง ซึ่งต้องเฝ้าจับตาอย่ากะพริบ
ยิ่งช่วงหลังการประชุมรมต.อาเซียน อาจมีแอ๊กชั่นอะไรขึ้นมาบ้าง!?
ไม่แน่นายกฯ มาร์คอาจจะไม่ปล่อยให้กรณีของนายกษิตคาราคาซังจนถึงศาลตัดสินคดีก่อการร้ายก็เป็นได้
อีกปัญหาหนักอกนายกฯ มาร์คก็เป็นเรื่องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วินิจฉัยให้ 13 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์สิ้นสภาพ จากการถือครองหุ้นในบริษัทที่เป็นสัมปทานของรัฐ
ในจำนวน 13 ส.ส.ก็รู้กันว่ามีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายสัมพันธ์ ทองสมัคร นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี นายจุติ ไกรฤกษ์ ฯลฯ
ก็เหมือนกับเคสของนายกษิตที่โดนคดีก่อการร้าย เพราะเมื่อกกต.วินิจฉัยแล้วว่าส.ส.ถือหุ้นมีความผิดจริง ตามขั้นตอนต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอีกครั้ง ถึงจะถือว่าสิ้นสุดกระบวนการ
หากพบว่าผิดจริง ส.ส.ทั้ง 13 คนก็ต้องสิ้นสภาพไปทันที ต้องมีการจัดเลือกตั้งซ่อมส.ส.ขึ้นใหม่
ถึงแม้เทพเทือกจะโชว์สปิริต"ครึ่งเดียว" ด้วยการลาออกจากตำแหน่งส.ส. แต่ไม่ลาออกจากเก้าอี้รองนายกฯ
ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย!
ผิดจากนายกษิตที่ยังคงมีท่าทีแข็งกร้าว ตอบโต้อย่างดุเด็ดเผ็ดมันทุกครั้งที่โดนสื่อถามเรื่องการแสดงสปิริตลาออกจากเก้าอี้รมว.ต่างประเทศ
เห็นแล้วผิดวิสัยนักการทูตจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ถึงรัฐบาลมาร์คจะโดนมรสุมเล่นงานเป็นระลอกๆ แต่หลายคนยังวิเคราะห์สถานการณ์ในตอนนี้ คงไม่ทำให้นายกฯ มาร์คเป๋ถึงขนาดต้องยุบสภา
แค่เสียรังวัดไปพอสมควร