ที่มา มติชนออนไลน์
นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย ในฐานะผู้ร้อง 28 ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ จนส่งผลให้ ส.ส. 13 รายต้องถูกส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติ กล่าววันที่ 20 กรกฎาคมว่าการยื่นดังกล่าวไม่มีความประสงค์ที่จะให้เกิดความวุ่นวาย ตอนที่ยื่นสังคมมีการตั้งคำถามเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย เพราะมีบุคคลสำคัญของบ้านเมืองไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย จึงยื่นคำร้องเพื่อสร้างบรรทัดฐานให้กับสังคมไม่มีเจตนาที่จะก่อผลกระทบกับรายบุคคลแต่เป็นการทำตามหลักการ และการตัดสินของ กกต.ก็สร้างบรรทัดฐานให้กับสังคม ประชาชนก็คงชื่นชม กกต.
“ผมคิดว่าได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าใครโกรธก็แสดงความเสียใจด้วยที่รู้สึกอย่างนั้น ผมเข้าใจที่ท่านจะโกรธ แต่ยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยก็ยังสามารถทำงานร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ได้ เพราะเราแยกเรื่องส่วนตัวออกจากบ้านเมือง ผมไม่ได้แค้นใคร และเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์คงไม่แค้นผม เพราะเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่และเข้าใจหลักกฎหมายเป็นอย่างดี แต่อาจจะมีอารมณ์วูบๆเข้ามาบ้าง แต่ท่านก็จะเข้าใจ ”
นายศุภชัย กล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ต้องมาดูว่ามีรัฐธรรมนูญมาตราใดที่มีปัญหา และผู้ที่เกี่ยวข้องน่าจะถือโอกาสนำไปดำเนินการ เช่นมาตรา 265 ที่เราก็ไม่ทราบว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตีความอย่างไร เรื่องดังกล่าวน่าจะนำไปทบทวนว่าต้องมีกฎหมายลูกออกมาอธิบายความว่าน่าจะมีวิธีปฏิบัติอย่างไรหรือไม่ เช่นหุ้นน่าจะมีนัยยะอย่างไร เป็นหุ้นในลักษณะใดหรือห้ามถือในจำนวนเท่าไหร่
สำหรับ 44 ส.ส. ที่จะตัดสินในวันที่ 23 ก.ค. นั้นในส่วนของพรรคภูมิใจไทยมีผู้เข้าข่าย 2 คนคือ นาย บุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช. มหาดไทย และ นาย มานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข หากผลออกมาว่าท่านมีคุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญ ทั้งสองคนก็พร้อมจะลงสมัคร ส.ส. ใหม่ แต่ส่วนตนเห็นว่า กกต.เหมือนกับพนักงานสอบสวน การจะมีความผิดหรือไม่ต้องอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ตัดสินดังนั้นอย่าเพิ่งรีบลาออก