ที่มา บางกอกทูเดย์
ดูเหมือนว่ากระแสในเรื่อง “กลุ่มอำนาจใหม่” กำลังมาแรงแซงทางโค้ง จนทำให้สังคมโดยเฉพาะหลายๆ กลุ่มการเมือง อึ้ง ทึ่ง เสียว ไปตามๆ กันต่างพากันฉงนฉงายและงงงวยกันถ้วนหน้า พร้อมกับได้ตั้งคำถามว่า“คนกลุ่มนี้เป็นใครกันแน่???”จริงๆ คำเรียกขานกลุ่มอำนาจใหม่เกิดมาตั้งแต่ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาแล้ว หลังจากที่เกิดเหตุการณ์แดงเดือดกับแดงเสียรู้จนเลือดพล่านและพ่ายแพ้ในเกมอย่างแสบสันต์ที่สุดในช่วงฮอลิเดย์หยุดยาววันสงกรานต์รู้ๆ กันอยู่ว่าในสังคมไทยแล้ว ช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์เป็นวันหยุดที่สำคัญต่อรากหญ้า ฉะนั้นการที่เกิดอะไรขึ้นในช่วงนั้น จึงถือเป็นเรื่องที่พลาดอย่างมหันต์ในเกมของการรวมพลังมวลชนมีการมองว่านี่คือฝีมือของกลุ่มอำนาจใหม่ ที่โยงใยลึกซึ้งกับการปรากฏขึ้นของกลุ่มเสื้อสีน้ำเงิน ซึ่งในภายหลังก็มีภาพเฉลยต่อสังคมแล้วว่านายใหญ่ของกลุ่มเสื้อสีน้ำเงิน คือ ผู้ที่เชื่อมั่นในบารมีและตบะทางการเมืองว่าเลื่อนชั้นแล้ว นามว่า “เนวิน ชิดชอบ”นั่นเองแต่หลังรัฐบาลอภิสิทธิ์ประกาศใช้ พ.ร.บ.ฉุกเฉิน แล้ว ปรากฏว่ามีปฏิบัติการถล่มยิง สนธิ ลิ้มทองกุล นายใหญ่แกนนำพันธมิตรฯ เข้าเท่านั้นแม้ฝีมือยิงจะบ้อเท่าโล่สุดๆ เพราะยิงกระหน่ำเป็น 100 นัดแต่แค่เพียงอาทิตย์เศษๆ สนธิก็สามารถเดินปร๋อได้แล้ว…สู้“มีดบินไม่เคยพลาดเป้า” ของลี้คิมฮวงไม่ได้เลยจริงๆอย่างไรก็ตาม การแฉความนัยของนายสนธิ ทำให้คำว่า“กลุ่มอำนาจใหม่” เปลี่ยนแปลงไปไม่น้อยกลุ่มอำนาจใหม่กลายเป็นการรวมศูนย์ของบุคคลที่หวังผลประโยชน์ทางการเมือง และการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองซึ่งนายใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรฯ มองว่า มีเป้าหมาย
ที่จะโค่นทั้งเหลืองและทำลายทั้งแดงเป็นยุทธวิธีในการทำลายล้างเพื่อหวังสร้างฐานการเมืองชนิดที่ต้องเรียกว่าไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมืองกันเลยเลยฮือฮากันมากว่า กลุ่มอำนาจใหม่ คือ ตัวแปรสำคัญต่อไปในอนาคต ที่อาจจะทำให้หลายๆ กลุ่มต้องจับมือร่วมกันในการต่อสู้กับกลุ่มอำนาจใหม่กลุ่มนี้เพราะเล่นบทสิงห์คะนองนา ไม่เหลือเยื่อใยใครเลยจริงๆจุดนี้เองที่ทำให้มีการถอยกลับมาไล่เรียงกันใหม่ว่า ลำพังกลุ่มนักการเมืองอย่างนายเนวิน นายใหญ่กลุ่มคนเสื้อสีน้ำเงินจะกล้าปฏิบัติการสะท้านสะเทือนเมืองไทยขนาดนั้นเชียวหรือถ้าไม่มี “ตัวช่วย” หรือไม่มี “ไอ้โม่ง” ตัวจริงอยู่ข้างหลังและเมื่อดูเหมือนว่าน้อยคนนักที่จะมองว่าผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารสนธิ จะเป็นคนเสื้อแดงซึ่งเป็นศัตรูที่ชัดเจนที่สุดของกลุ่มพันธมิตรฯโดยเฉพาะอย่างยิ่งนายสนธิและบรรดาคนใกล้ชิดรอบข้างก็ล้วนแต่ปักใจเชื่อว่างานนี้มีจอมบงการที่เกี่ยวพันกับคนมีสีอย่างแน่นอนนั่นแหละที่ทำให้มีการพยายามแกะรอยหาคีย์แมนของกลุ่มนี้กันจ้าละหวั่น เพราะระแคะระคายว่าได้มีการจับมือกันมาก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่ภาพยังเลือนๆ รางๆ ไม่ชัดเจนแต่จู่ๆ ก็มีกระแสในเรื่อง “กลุ่มอำนาจใหม่” ที่ไม่รู้ว่าจะใช่ขั้วอำนาจใหม่ในมุมมองของกลุ่มพันธมิตรฯ และนายสนธิหรือไม่ปะทุขึ้นมา พร้อมตัวละครต่างๆ ราวกับจงใจให้เกิดโดยคีย์แมนกลุ่มอำนาจใหม่กลุ่มนี้ที่ถูกเปิดประเด็นขึ้นมาล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่มี “สี” ด้วยกันทั้ง 3 คนเป็น “เพาเวอร์ทรี ป.” ที่เรียกความสนใจได้ไม่น้อยเพราะคนแรก คือ “บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ”รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนที่ 2 ก็คือ “บิ๊กป๊อก-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา”ผู้บัญชาการทหารบกและคนสุดท้าย คือ “บิ๊กป๊อด-พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ”ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนปัจจุบัน
สรุปง่ายๆ กลุ่มอำนาจใหม่ในวงนี้ก็คือ บรรดากลุ่มคนชื่อ“ป.” ในแวดวงคนมีสี ที่มากบารมีในยุคปัจจุบันนั่นเองแต่หลายคนก็ตั้งคำถามกันว่า จริงๆ แล้วกลุ่มอำนาจใหม่ตัว ป.นี้ มี “วอร์เตอร์ เมดิซีน” กันขนาดนั้นเชียวหรือสามารถที่จะดำเนินการโค่นเหลือง พิชิตแดง หรือดีดลูกคิดบนรางแก้ว ได้อย่างที่ใครบางคนพยายามที่จะให้เกิดภาพดังกล่าวหรือไม่???จริงอยู่แม้ว่า พล.อ.ประวิตร ขณะนี้อาจจะดูขลัง เพราะล่าสุดก็ทุบโต๊ะจนได้งบประมาณถึง 200 ล้านบาท เพื่อเอาไปใช้ในการอารักขาบรรดารัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอาเซียนที่มาประชุมอยู่ที่ภูเก็ตให้คนเห็นบารมีว่า แค่ดูแลความสงบแค่ 6-7 วัน บิ๊กป้อมยังทำให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไฟเขียวจนกระทั่งได้เงินไป 200 ล้านตามที่ขอดูซิว่ามากบารมีแค่ไหนแถมยังมีการโยงเพื่อให้ดูมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีกด้วยว่าพล.อ.ประวิตร และน้องชาย พล.ต.อ.พัชรวาท นั้นมีสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับกลุ่มเนวินมิใช่น้อยเพราะหากไม่มีการพลิกขั้วการเมืองของนายเนวินจนประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล ต่อให้เป็นพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลในตอนนั้น บิ๊กป้อมก็ยังได้เป็นรัฐมนตรีกลาโหมอยู่ดีและยิ่ง พล.ต.อ.พัชรวาท ด้วยแล้ว ถือว่ามีสายสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มเนวินมานานแล้วการกลับเข้าสู่ตำแหน่ง ผบ.ตร. หลังจากโดนเด้งในช่วงรัฐบาลของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แม้จะเกิดขึ้นจากการลงนามที่รวบรัดแต่หลายคนยังมองว่า ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องรีบเซ็นก่อนที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะขึ้นมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพียงไม่กี่ชั่วโมงฉะนั้น งานนี้มองยังไงก็มี “ใบสั่ง” แน่นอน ยิ่งปรากฏชัดในขบวนการจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปัตย์ใน “ค่ายทหาร” โดยที่มีเงาร่างของนายเนวินอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยทุกอย่างก็ยิ่งชัวร์ในขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10ของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถือได้ว่าเป็นคนที่เก็บอาการได้สงบนิ่งที่สุด ก็ขนาดถูกนายสนธิด่ากราดโครมๆก็ยังเฉย ...
จนไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้ว่า จริงๆ แล้วบิ๊กป๊อกคือแนวร่วมของกลุ่มอำนาจใหม่จริงหรือไม่แต่เนื่องจากภาพอดีตของบิ๊กป๊อกกับบิ๊กป้อมนั้น คือ“พี่น้องนอกสายเลือด” ที่เคารพนับถือกันมากกว่าพี่น้องในสายเลือดบางคู่ด้วยซ้ำที่สำคัญ การแสดงจุดยืนทางการเมืองของบิ๊กป๊อกที่ดูเหมือนค้ำเก้าอี้นายกรัฐมนตรีให้นายอภิสิทธิ์ และค้ำรัฐบาลเทพประทานอย่างชัดเจน แม้จะถูกต่อว่าทำนองทหารมี2 มาตรฐาน...บิ๊กป๊อกมี 2 จุดยืนในการควบคุมดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองแต่บิ๊กป๊อกก็ไม่ได้สนใจ ..สุดท้ายจึงทำให้ถูกมองว่า แบบนี้น่าจะแปลว่าบิ๊กป๊อกเป็นหนึ่งในกลุ่มอำนาจใหม่อย่างแน่นอนส่วน บิ๊กป๊อด-พล.ต.อ.พัชรวาท นั้น แม้ว่ากันยายนที่จะถึงในอีก 2 เดือนเศษ หรือเหลืออีกแค่ 72 วัน นับจากวันนี้(21 ก.ค.) ก็จะต้องเกษียณอายุราชการแล้ว แต่ก็กลับถูกจุดพลุลากให้ไปใกล้ชิดกับคดียิงสนธิเอาดื้อๆ ด้วยเหตุผลเพียงแค่การสั่งย้ายนายตำรวจระดับพันตำรวจเอกจากสุราษฎร์ฯที่มาช่วยตามคดีนี้ให้กลับไปยังพื้นที่เท่านั้นเป็นเรื่องเลยในทันทีว่า นี่แหละน่าจะเกี่ยวข้องกับ “ตอ”ที่ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เจอ...อะไรทำนองนั้นซึ่งหากดูประเด็นและน้ำหนักที่พยายามจะยกให้ ทั้ง 3 ป. คือ“ป้อม–ป๊อก–ป๊อด” เป็นกลุ่มอำนาจใหม่ ต้องถือว่ายังค่อนข้างหน่อมแน้มไปหน่อยแค่จะเอาไปราดขนมจีนให้โชกยังไม่แน่ใจเลยว่า กลุ่ม3 ป. ที่ถูกจับตามองอยู่ในขณะนี้ จะมีน้ำยามากพอหรือไม่???นั่นเองที่ทำให้ต้องมีการดึงเอา นายสุเทพ เทือกสุบรรณรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เข้าไปเอี่ยวกับกลุ่มอำนาจใหม่ด้วยหวังว่าจะทำให้เห็นว่า ขั้วอำนาจใหม่กลุ่มนี้น่าจะเป็นขั้วอำนาจที่มีความสมบูรณ์มากคือ มีทั้งทหาร ตำรวจ และกลุ่มการเมืองที่มาแรงอย่างกลุ่มเนวิน และกลุ่มการเมืองลายครามอย่างกลุ่มนายสุเทพหนุนหลัง
เล่นเอานายสุเทพต้องรีบใช้จังหวะที่โดน กกต. สอยเรื่องขาดคุณสมบัติ ส.ส. เพราะมีหุ้น ชิงลาออกจากการเป็น ส.ส.เพื่อให้นายอภิสิทธิ์สบายใจว่า ไม่ได้คิดขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทนตามที่กลุ่มอำนาจใหม่ถูกจับตามองอยู่แต่อย่างใดทั้งสิ้นและยังเป็นการกลบกระแสข่าวที่ว่ามีการสังสรรค์พิเศษที่โรงแรมรีสอร์ทหรูบนเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ระหว่างนายสุเทพกับนายทหารใหญ่และครอบครัว ซึ่งมีทั้ง บิ๊กป้อมพล.อ.ประวิตร บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์แถมพ่วงด้วยอีก 1 ป.ปลาตากลม พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา เสธ.ทบ.แม้ในทางกระแสข่าวจะมองว่าเป็นการพบกัน โดยมีคนชื่อกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งไม่มีผลงานที่ชัดเจนเลยตั้งแต่นั่งมา 6 เดือน แถมยังออกอาการก้าวร้าวทุกทีที่มีกระแสข่าวเก้าอี้สั่นคลอนเป็นเป้าหมายหลักของการพบกันเพื่อเปลี่ยนแปลง???แต่เมื่อนายกษิตเป็นคนของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่แม้แต่นายอภิสิทธิ์ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี ยังต้องเกรงใจและไม่กล้าคิดที่จะเปลี่ยน ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าเป็น “จุดอ่อน”เป็น “สายล่อฟ้า”!!!แต่ทำอย่างไรได้ บุญคุณรับเขามาแล้ว ก็ย่อมจำเป็นจะต้องทดแทน จะกล้าหือกล้าอือได้อย่างไรนี่แหละที่ทำให้เกมการเมืองและเกมกลุ่มอำนาจต่างๆยิ่งยุ่งอีนุงตุงนังไปหมดในเวลานี้ไม่รู้กลุ่มอำนาจไหนของจริง กลุ่มอำนาจไหนของปลอมกันแล้วรู้แค่ว่า ถ้ากลุ่ม ป.ปลาตากลม 3-4 คนนี้เป็นกลุ่มอำนาจใหม่จริงๆ ก็ช่างเป็นกลุ่มที่พัวพันยุ่งเหยิงจนถูกเปิดโปงได้เร็วเสียจนสะท้อนได้ว่าถ้าไม่เลอะเทอะ...ก็ไม่มีน้ำยาใดๆ เลยหรือต้องมองข้ามช็อตว่า กลุ่มอำนาจใหม่ที่ถูกเปิดออกมานี้เป็นเพียงลูกแดงที่ต้องตบให้ลงหลุมก่อนที่จะไปกินลูกดำเพราะลูกดำต่างหากที่เป็นกลุ่มอำนาจที่มากบารมีจริงๆ !!! ■