ที่มา บางกอกทูเดย์
ผู้ใดเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดตามมาตรา 5 มาตรา 6 หรือมาตรา 6 ทวิ ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการทำลายหรือทำให้เสื่อมเสียอย่างร้ายแรงต่อสิ่งอำนวยความสะดวกของท่าอากาศยานที่ให้บริการการบินพลเรือน หรือต่ออากาศยานที่ไม่อยู่ในระหว่างให้บริการหรืออยู่ในท่าอากาศยานนั้นหรือทำให้การบริการของท่าอากาศยานหยุดชะงักลงนี่คือที่มาของคำว่า..“การก่อการร้าย”การก่อการร้ายตามพฤติกรรมดังกล่าว..เป็นความตกลงร่วมกันของสนามบินทั่วโลก..เอาพฤติกรรมเป็นตัวกำหนดจะตะแบงกันอย่างไร..ว่า ไม่ได้พกปืนถือไม้มีแต่ปากกับปากกา..กฎหมายท่านว่า..ผู้ใดเป็นผู้สนับสนุน..ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการเรียนหนังสือหนังหา..รับราชการมาจนเกือบจะได้เป็นปลัดกระทรวง..เห็นโลกมามากมาย..ในความเป็นคนบนความเป็นมนุษย์นั้น อะไรที่ทำไป
แล้วมันต้องกล้า กล้าที่จะยืนยันถึงการกระทำของตน..ถ้าจะผิดร่วมกันก็ให้มันร่วมกันทั้งคณะไม่ใช่ตัดตอนเฉพาะตัว..ทิ้งสมัครพรรคพวกให้เป็นผู้ก่อการร้าย แล้วตัวเองกลายเป็นวิทยากร..กรรมของประเทศไทย..วิบัติวอดวายไปเป็นแสนล้าน..เป็นสนามบินใหญ่แห่งเดียวในโลกที่โดนยึดถูกปิด..แต่หาคนผิดได้ยากลำบากเต็มทน..แถมเจ้าหน้าที่ผู้ทำคดีทำตามหน้าที่..ยังโดนผู้ถูกกล่าวหาไปคุกคามด่าว่าโลกมองเข้ามาคงเวทนาสงสารแต่ที่น่าจะเสียหายมากกว่า..หากว่าในที่สุดของการก่อการร้ายจะถูกกฎหมาย เพราะรัฐธรรมนูญให้โอกาสกับการเมืองภาคประชาชนมันตะแบงจะไม่รับในประโยคที่ว่า..“โดยสงบและปราศจากอาวุธ”โดยสงบนั้น..มันจะต้องไม่เอาการปิดสนามบินมาเป็นอาวุธต่อรอง..โดยสงบนั้น..ต้องไม่มีใครเดือดร้อน ประเทศชาติต้องไม่เสื่อมโทรมเสื่อมเสียแต่ข้อเท็จจริงมันไม่ใช่..ไม่ใช่แต่สนามบินสุวรรณภูมิ..ทั้งภูเก็ตและหาดใหญ่..ก็อยู่ในชะตากรรมเดียวกัน..ใครสั่งใครทำนั้นไม่ใช่เรื่องปกปิด..รู้กันทั้งไทยรู้กันทั้งโลก..ว่า ใคร ทำอะไร เพื่ออะไร..หากเรื่องนี้..มีแต่ความเสียหายแต่ไม่มีผู้ทำลาย..ประเทศไทยในสายตาชาวโลกคงสกปรกน่าดู..สงสารอำนาจแห่งความยุติธรรม..จริงๆ ■