ที่มา มติชน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาวาระเรื่องด่วน ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2554 (งบกลางปี) ที่รัฐสภา วันที่ 16 กุมภาพันธ์ การเสนองบกลางปี 54 ของรัฐบาล มีปัญหา 5 ประการคือ 1.บิดเบือนข้อเท็จจริงตัวเลขการเก็บภาษี 2.ไม่เป็นไปตามหลักเศรษฐศาสตร์ ทั้งที่ประเทศมีเงินเฟ้อ 3.เป็นการนำเงินในอนาคตมาใช้และขาดรายละเอียดของโครงการ 4.เน้นช่วยภัยพิบัติ ไม่เน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้นใช้งบเดิมที่มีก็ได้แต่ที่ตั้งงบกลางปีเพื่อแบ่งในพรรคร่วมเพื่อการเลือกตั้ง 5.หาเสียงล่วงหน้า "ตัวอย่างรายละเอียดงบที่มีการเอาไปแจกกัน เช่น งบส่งเสริมกระจายอำนาจการปกครอง ก็เอาไปให้พรรคภูมิใจไทย ให้ไปซื้อเสียงกลับมาเป็นรัฐบาลสมัยหน้าใช่หรือไม่ ทำไมไม่บอกไปเลยในร่างว่า เป็นเบี้ยยังชีพคนชราและคนพิการประมาณ 5.9 พันล้านบาท นอกจากนี้ ทำไมไม่เป็นหน้าที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แต่กลับเอาเงินไปให้กระทรวงมหาดไทย จึงเป็นการซื้อพรรคการเมืองล่วงหน้าหรือไม่ และพรรคที่ได้เงินล่วงหน้าก็เอาไปใช้หาเสียงล่วงหน้าใช่หรือไม่ เอาไปซื้อผู้แทน เตรียมเลือกตั้ง ลองดูบรรดาโครงการ ก็จัดแบบต่ำกว่า 10 ล้านบาทในทุกกระทรวงและมีเป็นจำนวนมากทำให้ตรวจสอบไม่ได้ ผู้ประมูลรายเดียวได้ไปง่ายๆ" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า รัฐบาลพยายามจะทำรัฐสวัสดิการ แต่ก็ไม่พัฒนาระบบการจัดเก็บภาษีและไม่ปรับอัตราภาษี ทั้งนี้คนไทย 64 ล้านคน เสียภาษี 2.3 ล้านคนเท่านั้น และในจำนวนนั้นมี 6 หมื่นคน จ่ายภาษีรวมกันเกิน 50% มีเพียง 2,500 คน เสียภาษีเกิน 10 ล้านบาทต่อปี ประเทศไทยจึงเป็น 1 ในประเทศที่กระจายรายได้แย่สุด เมื่อเป็นแบบนี้ ก็ต้องจัดงบขาดดุลเพื่อให้มีการลงทุน เพื่อสร้างผลผลิตภาคการผลิต มั่นใจอย่างไรในการเก็บภาษีที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเกินเป้า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า มั่นใจเรื่องการเก็บภาษีตามเป้าได้อย่างไรนั้น จริงๆ ปลายปี เรื่องน้ำท่วมมีผลต่อการจัดเก็บภาษี แต่ปรากฏว่า เก็บได้เกินเป้า 20 % จึงมั่นใจว่าจะเก็บได้เกินเป้าขนาดนี้ไปจนหมดปี ส่วนที่บอกว่า ตอนนี้อยู่ในภาวะเงินเฟ้อนั้น เงินเฟ้อเกิดได้หลายทาง หากเฟ้อจากมีการใช้จ่ายมาก การเพิ่มเงินจากภาครัฐก็จะไปทำให้ยิ่งเฟ้อ แต่สำหรับคราวนี้ เฟ้อจากปัญหาต้นทุน ทั่วโลกมีปัญหาเรื่องอาหารและสินค้าแพงจากผลของราคาน้ำทันและสินค้าประเภทต้นทุนที่กำหนดราคาจากตลาดโลก แต่ที่รัฐบาลของบกลางปี 1 แสนล้าน 8.4 หมื่นล้านเป็นเงินชดเชยคลัง อีก 1.5 หมื่นล้าน เป็นการใส่เงินเข้าระบบ แต่ก็เป็นการไปฟื้นฟูภัยพิบัติ ไม่เชื่อว่าจะมีผลต่อเงินเฟ้อ
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยืนยันว่า เบี้ยผู้สูงอายุ 500 บาทจะเป็นเงินสดแก่ผู้สูงอายุ ไม่ได้ไปอยู่ที่พรรคไหนน่า ที่จัดงบฯโครงการต่ำกว่า 10 ล้าน เพราะต้องกระจายให้ทั่วทุกพื้นที่ ตอบสนองกับภารกิจการฟื้นฟูแต่ละด้าน และกระจายไปให้ได้มากที่สุด