ที่มา มติชน
ข้อวิพากษ์ เหตุพิพาทที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา มีทั้งแนวการเมือง-การต่างประเทศและความมั่นคง
ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ กูรู-ผู้เชี่ยวชาญ ประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่วิเคราะห์เฉพาะที่เกิดเหตุเกิดที่ชายแดน
แต่วิเคราะห์ลึก-ล้วงข้ามเข้าไปถึงโครงสร้างอำนาจ ทั้งในฝ่ายรัฐบาล-พันธมิตร และเสื้อแดง
การปะทะกันบริเวณชายแดนเป็นความบังเอิญ หรือจงใจไปพ้องกับข้อเรียกร้องของพันธมิตรฯ
ตอนนี้เป็นการแบ่งระหว่างฝ่ายที่ต้องการ "สันติภาพ" และฝ่ายที่ต้องการ "สงคราม" สายเหยี่ยวกับสายพิราบ ทำ ให้จะต้องมาแก้ตัวกันพัลวันว่า ใครกันแน่ที่ต้องการ "สันติภาพ" ใครกันแน่ยุยงและกระหาย "สงคราม" และพันธมิตรฯก็ปฏิเสธไม่ได้ในจุดนี้ว่า มีส่วนผลักดันทางการเมืองภายในกรุงเทพฯจนบานปลายนำไปสู่การสู้รบที่ชายแดน
มองการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯอย่างไร
คิดว่าเขามีเป้าหมายเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนอกระบอบประชาธิปไตย เพราะคนกลุ่มนี้เขาไม่เล่นเกมประชาธิปไตย ไม่ชอบการเลือกตั้ง เนื่องจากไม่ได้ทำให้พวกเขาได้ประโยชน์อะไร ไม่ได้เก้าอี้ ส.ส.จากการเลือกตั้ง ดังนั้นเขาคงหวังว่าเมื่อมี "รัฐประหาร" มีการยึดอำนาจแล้ว เขาจะได้ส่วนแบ่ง ได้ "ส้มหล่น"
จำนวนมวลชนจะเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของพันธมิตรหรือไม่
จำนวนมวลชนสำคัญ แต่จำนวนต้องมากมหาศาลถึงจะมีผลต่อความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ในกรณีนี้คนเสื้อเหลืองไม่ใช่สีเฉดเดียวอีกแล้ว มีคนจำนวนไม่น้อยหันไปใส่เสื้อสีชมพู เสื้อสีต่าง ๆ หลากสี ความเข้มข้น ความขลังก็ลดลง ไพ่ที่ผู้นำพันธมิตรเสื้อเหลืองเคยใช้ทั้ง 3 ข้อหา คือ ไม่จงรักภักดี, ทุจริตคอร์รัปชั่น ผลประโยชน์ทับซ้อนและชาตินิยม-วาทกรรมเสียดินแดน แต่งานนี้ผู้นำพันธมิตรฯใช้ประเด็นเดียว คือ ชาตินิยม ไม่ได้ใช้เรื่อง "สถาบัน" กับเรื่อง "ทุจริตคอร์รัปชั่น" น้ำหนักจึงไปอยู่ที่ไพ่ใบสุดท้าย คือ ชาตินิยม การเสียดินแดน
ผมคิดว่าอาจจะปลุกยาก แม้จะมีมวลชนมาในระดับหนึ่งก็ตาม แต่คนจำนวนเยอะที่เคยสนับสนุนมาก่อนก็ไม่เล่นด้วย
การเล่นเกมในรอบนี้พันธมิตรฯจะทำสำเร็จผลบรรลุเป้าหมายหรือไม่
เขาคงอยากให้สำเร็จ...แต่ความจริงแล้วสำเร็จยาก เพราะกำลังไม่พอ จุดแล้วไม่ติด เช่นล่าสุดแม้มีการปะทะ มีสงครามชายแดนแล้ว แต่กองทัพก็ดูจะไม่เล่นด้วยอย่างเต็มที่
แต่ผมคิดว่าพลังอาจจะไม่มีพอ และถ้าเผื่อไม่ได้ความสนับสนุนจากฐานเสียงคนชั้นกลางใน กทม. จากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้กำลังช่วยจากผู้กุมอำนาจรัฐ จากกองทัพ จากข้าราชการส่วนกลางหรือท้องที่ ผมว่ายาก
เพราะฉะนั้นไพ่ใบนี้ ไพ่รักชาติ ไพ่เสียดินแดน ปลุกให้ติดยากมาก เป็น การ "เข็นครกขึ้นภูเขา" และที่สำคัญคือ "เป้า" ก่อนหน้านี้ก็ชัดเจนมาก คือเป้าอยู่ที่คุณทักษิณ รัฐบาลคุณสมัคร และคุณสมชาย ที่พันธมิตรฯล้มได้สำเร็จก็เพราะมี "ผู้สนับสนุนรายใหญ่ ๆ" ช่วยหนุนให้โค่นรัฐบาล 3 ชุดนั้น
แต่ตอนนี้รัฐบาลเป็นฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ และคุณอภิสิทธิ์ที่แม้เคยร่วมมือกันมาก่อน และก็กลายเป็น "เป้า" ไปแล้วนั้นยังอาจทำได้ไม่ถนัดนัก ถ้าผู้สนับสนุนรายใหญ่ "พลังต่าง ๆ เดิม ๆ" โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทัพ ยังไม่เอาด้วย
โอกาสรัฐประหารยังเป็นไปได้หรือไม่
โดยเหตุผล ตรรกะ ไม่น่าจะมีรัฐประหาร แต่การเมืองไทยคาดการณ์ยาก อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะการเมืองบ้านเราขึ้นกับอารมณ์ ความรู้สึก และความต้องการของคนเพียงไม่เกิน 5 คน 10 คน ดังนั้นอะไร ๆ ที่เราไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นได้
การออกมาเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯในรอบนี้ คิดว่าได้รับใบสั่งหรือไม่
ผมไม่คิดว่าเขาได้รับใบสั่งนะ ทั้งคุณจำลอง คุณสนธิ, โพธิรักษ์ ก็เป็นคนที่มีความคิดความอ่านของตนเอง เชื่อมั่นตนเองสูง แต่ผมคิดว่าตอนนี้เขาประเมินสูงเกินไป "ล้ำเส้น" หรือ "สุดโต่ง" เกินไป ทำให้บรรดาผู้สนับสนุนเก่าหายไปเยอะ
ความเคลื่อนไหวของเสื้อแดงในปีนี้จะรุนแรงขึ้นอีกหรือไม่
ถ้าใช้ลำดับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์เป็นตัวไล่เรียงมา คำตอบน่าจะเป็น "ความรุนแรงไม่ลด" มีแต่ "เพิ่มขึ้น" เพราะคนระดับ "ล่าง" เปลี่ยนไปเยอะ
ข้อมูลข่าวสารมันไหลถ่ายเทมาก ๆ คนระดับล่างหาใช่มวลชนที่ไร้จิตสำนึก หรือยอมสยบอีกต่อไปไม่ ข้อมูลหรือแม้แต่เรื่อง "ซุบซิบ ๆ นินทาว่าร้าย" ก็ดูเหมือนว่าในระดับ "คนชั้นกลางระดับล่าง" คนนอกเมือง คนในชนบทก็มีความ "เสมอภาคเท่าเทียม"
แนวโน้มการเมืองที่กำลังจะเกิดขึ้น
ผมคิดว่าคนจำนวนมากรอความเปลี่ยนแปลง ความไม่พอใจของคนจำนวนมากจะจุดประเด็นได้ ตอนนี้ น่าจะเรียกได้ว่าเป็น waiting game และเป็น "การเมืองตัวแทน" politics of nominees เสียมากกว่า "ตัวเอก ฉากเอก เวลาจริง" ยังไม่ถึง ยังไม่ออก
(อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มทางเว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจได้ ที่นี่)