WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, February 18, 2011

คำแถลง"ฮุน เซน" เล็ง"ศาลโลก" ตีความคำตัดสิน"พ.ศ.2505"

ที่มา มติชน









หมายเหตุ - สมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แถลงถึงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างกัมพูชาและไทย พร้อมกับแนวทางการฟื้นฟูสัมพันธ์ของสองประเทศ ที่ทำเนียบรัฐบาลกัมพูชา กรุงพนมเปญ เมื่อเช้าวันที่ 17 กุมภาพันธ์ โดยใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงเต็ม โดยระบุพร้อมเจรจาฟื้นสัมพันธ์กับไทยแต่ต้องมีอาเซียนเป็นสักขีพยาน แต่หากการเจรจาของอาเซียนหรือคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ไม่บรรลุผลจะยื่นต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ไอซีเจ) หรือศาลโลก

วันนี้ต้องการแถลงให้ทราบถึงข้อพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชา การที่ยูเอ็นเอสซีเรียกนายฮอ นัม ฮง รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยไปชี้แจงที่มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกานั้น ฝ่ายกัมพูชาเป็นคนเสนอไปเองเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติการทำสงคราม

ไม่จำเป็นว่าต้องส่งเครื่องบินมาทิ้งระเบิดถึงพนมเปญจึงจะเรียกว่าสงคราม แต่ในความเป็นจริงแล้ว การยิงกันไปมาก็คือสงคราม

การปะทะกันเล็กๆ ไม่เป็นไร แต่นี่เป็นการปะทะกันอย่างต่อเนื่อง

นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นว่า ให้กัมพูชารับฟังการตัดสินของยูเอ็นเอสซี ผมอยากให้นายกษิตเป็นผู้รับฟังเรื่องนี้เพราะว่ากัมพูชารับฟังเสียงจากนานาชาติอยู่แล้ว

ผมอยากจะถามว่าใครเป็นคนต้องการให้อาเซียนเข้ามาไกล่เกลี่ยปัญหาความขัดแย้ง และใครไม่ต้องการอาเซียน

ตั้งแต่ปี 2551 การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่ประเทศสิงคโปร์ ทางฝ่ายกัมพูชาเรียกร้องให้อาเซียนหยิบยก

กรณีทหารไทยรุกล้ำพรมแดนกัมพูชาขึ้นมาหารือ แต่ฝ่ายไทยคัดค้านมาตลอดโดยไม่ต้องการให้อาเซียนเข้ามายุ่งเกี่ยวกับปัญหานี้

นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน แสดงความวิตกกังวลต่อปัญหาขัดแย้งระหว่างไทยกัมพูชา และต้องการช่วยแก้ไขปัญหา แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ บอกว่ายังไม่ถึงเวลาที่อาเซียนเข้ามาข้องเกี่ยว

ผมขอให้ผู้นำไทยบันทึกคำพูดของตัวเองให้ชัดเจนว่า วันไหนพูดอะไรออกมาบ้าง

ขณะนี้ถึงเวลาแล้ว ผมคิดว่าทุกคนที่มีความรู้เป็นปัญญาชน ไม่ควรหลอกคนอื่นและต้องไม่ให้คนอื่นหลอกตัวเอง

อาเซียนจะเปิดประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ฝ่ายไทยพยายามแสดงให้เห็นว่าเป็นฝ่ายดึงกัมพูชาไปร่วมประชุมคลี่คลายข้อขัดแย้ง

ความจริงแล้วไม่ใช่เลย กัมพูชาต่างหากเป็นฝ่ายเรียกร้องให้อาเซียนเข้ามาแก้ปัญหา

อดีตนักการทูตไทยประจำสหประชาชาติ บอกว่า ไม่ใช่ความประสงค์ของฝ่ายไทย แต่เป็นความต้องการของฝ่ายกัมพูชา

อดีตนักการทูตคนนั้นพูดถูก ไทยควรจะคิดให้ละเอียดลึกซึ้ง

ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยจึงเป็นฝ่ายบอกว่าต้องการดึงอาเซียนเข้ามาพัวพัน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นเป็นฝ่ายคัดค้าน

คำพูดของนายกฯและรัฐมนตรีต่างประเทศไทย หมุนกลับ 180 องศา

เช่นเดียวกัน ยูเนสโกส่งตัวแทนพิเศษเข้าไปดูพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ฝ่ายไทยคัดค้าน

ผมไม่อยากเอาเปรียบใครหรอก ไม่ต้องการเอาเปรียบใครทั้งนั้น แต่ขอให้ยุติธรรม

ผมขออ่านคำแถลงการณ์ของนายฮอ นัมฮง เมื่อครั้งที่ไปชี้แจงกับยูเอ็นเอสซีว่า ถึงจะอดทนและหารือของฝ่ายกัมพูชาเพื่อมุ่งหวังสันติ แต่การเจรจาทั้งสองฝ่ายกลับไม่ได้ผล กระนั้นก็ตาม กัมพูชายังคงมีความตั้งใจแน่วแน่ในการแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี ตามแนวทางของอาเซียน เพราะไทยและกัมพูชาเป็นสมาชิกอาเซียนเหมือนกัน

ก่อนหน้านี้ไทยเคยแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหาเช่นนี้หรือไม่

ไทยไม่เคยเรียกร้องให้ยูเอ็นเอสซีหรืออาเซียนช่วยแก้ปัญหา มีเพียงกัมพูชาเท่านั้นที่มีเจตนามุ่งมั่นดังกล่าว

และเหตุไฉน ไทยถึงอ้างว่าเป็นชัยชนะ ?

ขณะนี้ไทยต้องการเจรจาทวิภาคี ผมขอถามกลับไปว่า อาเซียนเป็นใคร ? ประธานอาเซียนเป็นใคร ?

จะคุยสองฝ่ายอีกหรือไม่ ก็ในเมื่อการประชุมที่ จ.เสียมราฐ หรือการประชุมที่หัวหิน นั่นเรียกว่าเป็นการประชุมทวิภาคี แต่เวลานี้ต้องไปประชุมที่กรุงจาการ์ตา ไม่ใช่สองฝ่ายอีกแล้ว

เราขอประกาศว่า การประชุมสองฝ่ายระหว่างไทยกับกัมพูชา ได้ยุติลง ต่อไปจะไม่มีการประชุมทวิภาคีอีกแล้ว การประชุมครั้งต่อไปต้องมีฝ่ายที่สามนอกจากกัมพูชาและไทย จะต้องมีประธานอาเซียนซึ่งปัจจุบันเป็นอินโดนีเซีย

อยากรู้ว่าไทยนับเลขออกหรือเปล่า เพราะมีอินโดนีเซียร่วมประชุมด้วย เมื่อมีเกินสองฝ่ายก็ต้องเป็นการเจรจาแบบพหุภาคี

ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ เป็นการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ผู้ไปนั่งประชุมคือบุคคลที่สามแล้ว ขอบอกฝ่ายไทยว่า อย่าหลอกลวงประชาชนแล้วอย่าหลอกตัวเองด้วย

เพราะจะทำให้เกิดผลกระทบถึงกรุงพนมเปญ

ผมเพิ่งพูดคุยกับนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีของไทย ก็ได้ฝากเรื่องนี้ไปถึงนายอภิสิทธิ์ด้วย

วันที่ 12 กุมภาพันธ์ นายอภิสิทธิ์แจ้งไปยังผู้นำอาเซียนคนหนึ่งขอให้เห็นใจใน 3 ประเด็น

1.นายอภิสิทธิ์กับกลุ่มคนเสื้อเหลืองไม่เหมือนกัน เรื่องนี้ผมเข้าใจ แต่ผมอยากบอกว่านายอภิสิทธิ์อย่าเอาภาษาของคนเสื้อเหลืองมาพูด เพราะบางคำเหมือนคนเสื้อเหลืองพูด

นายไตรรงค์บอกผมว่า การที่กลุ่มคนเสื้อเหลืองด่าผู้นำไทยแล้วลามไปถึงผู้นำกัมพูชานั้น รัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมได้เป็นสิทธิของกลุ่มคนเหล่านั้น

ถ้าเป็นเช่นนั้น นายสนธิ (ลิ้มทองกุล) และ พล.ต.จำลอง (ศรีเมือง) ก็เป็นนายกฯแล้วสิ

2.ผมไม่เข้าใจการพิจารณากฎหมายภายในของไทย ในเรื่องให้ความเห็นชอบของรัฐสภา ทั้งที่มีมติของทั้งสองฝ่ายมีมานานและบรรลุผลกันไปแล้ว

ผมเข้าใจไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจหรอก แต่มันนานเกินไปตั้งแต่ปี 2551 มาถึง 2554 สภายังไม่ผ่านความเห็นในเรื่องการเจรจาพรมแดนระหว่างไทยกัมพูชา

3.ไทยบอกว่า ไม่สามารถควบคุมข่าวสารแต่กัมพูชาควบคุมได้ ปัญหาเรื่องไทยกัมพูชาไม่ใช่เรื่องการควบคุมหรอก แต่อยู่ที่รัฐบาลจะยับยั้งไม่ให้เกิดผลกระทบอย่างไร

ผมเข้าใจในความลำบากและเข้าใจในสิทธิเสรีภาพข่าวสาร

ปัญหาชายแดนขอให้ตรึงกำลังทั้งสองฝ่ายเอาไว้ อย่าให้เคลื่อนไหวไปมาและขอให้มีการแก้ไขปัญหาชายแดนอย่างถาวร โดยปักปันตามแนวชายแดน แต่ทำยังไงได้เมื่อสองคนไม่ถูก

อาเซียนไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องชายแดนไทยกัมพูชาได้ อาเซียนทำได้เพียงขัดขวางไม่ให้สองคนทะเลาะกัน

ยูเอ็นเอสซีไม่มีบทบาทแก้ไขให้ปัญหามันจบสิ้นได้ แต่กัมพูชายังมีทางเดินของตัวเอง โดยจะฟ้องไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice-ICJ) หรือศาลโลก เพื่อให้พิจารณาคำพิพากษาในคดีปราสาทพระวิหาร เมื่อปี 2505 ฝ่ายไทยบอกว่าเตรียมตัวแล้ว ก็ดีไปกันสองคน

เราไม่ขอให้ศาลโลกตัดสินใหม่ แต่ขอให้รื้อฟื้นคำพิพากษาเดิมดูอีกครั้งหนึ่ง

ถ้าทำอย่างนี้ได้แล้ว ทางกัมพูชาสบาย ไทยเองก็หมดปัญหาด้วย เพราะจะได้ยุติข้อขัดแย้งในปัญหาเส้นแบ่งพรมแดน

ตรงไหนเป็นของไทยหรือเป็นของกัมพูชา ก็เอาให้ชัดเจนไปเลย.