ที่มา thaifreenews
โดย Bugbunny
ข่าวนายอรรถพร พลบุตร เรียกร้องให้ดำเนินคดีกับนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ในประเทศไทยนั้น เป็นข่าวน่ารำคาญจากคนพรรคประชาธิปัตย์ และยิ่งเห็นหน้านายอรรถพร พลบุตร ก็ยิ่งอยากอาเจียน ด้วยความสัจจริง ไม่เคยเห็นใครมีโหงวเฮ้งกังฉินได้อย่างชัดเจนทะลุปรุโปร่งทุกรูขุมขนขนาดนี้มาก่อน
วิธีตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามของนายอรรถพร พลบุตร นั้น เป็นวิธีมาตรฐานของชาวพรรคประชาธิปัตย์ โปรดสังเกตการณ์ตอบโต้คำวิจารณ์หรือการตำหนิติเตียนด้วยหลักฐานเหตุผลจากผู้อื่น ของ นายชวน หลีกภัย นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ นายเทพไท เสนพงษ์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ฯลฯ คนพวกนี้จะตอบโต้หรือหาทางต่อสู้ข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามด้วยวิธีการแบบนี้ทั้งนั้น เพราะคนพวกนี้อยู่ในพรรคที่มีนักโต้วาที ทนายความ ฯลฯ มากมาย มาตรฐานเหล่านี้คือ
1. หลีกเลี่ยงจะตอบคำถามหรือคำวิจารณ์เหล่านั้นด้วยการใช้เหตุผลหักล้างอย่างมีข้อมูล แต่หันไปหาเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาที่ถูกวิจารณ์ หรือหาจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้ามที่ไม่ตรงกับเรื่องที่เขาพูด มาลดความน่าเชื่อถือของเขา หลักการนี้คือวิธีการตอแหลแบบศรีธนญชัย (ตัวอย่างพวกนี้มีเยอะแยะ เช่น อ้างว่านายอัมสเตอร์ดัมเป็นลูกจ้าง อ้างว่าตนเองไม่ได้สัญชาติมอนเตเนโกร หรืออย่างนายอรรถพรกำลังข่มขู่ว่าจะเอานายอัมสเตอร์ดัมเข้าคุกไทย ตลกมาก เพราะนายอัมสเตอร์ดัมมีรายชื่อเป็นบุคคลต้องห้ามเข้าประเทศ ฯลฯ มันจะเห่าหอนโง่งั่งงี่เง่าแบบนี้ไปถึงไหน)
2. ถ้าหาจุดด้อยแม้จะเล็กขนาดไหนของฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ ก็หันมาใช้วิธีเรียกร้องความดีงามของตัวเอง หรือทำให้ตัวเองน่าสงสาร เอานิยายน้ำเน่ามาเล่าให้ฟังเพื่อสร้างความสำคัญให้กับตัวเอง (ตัวอย่างการอ้างเสมอว่าตัวเองเป็นแค่ลูกแม่ค้าไตปลาในตลาดของนายชวน การอ้างว่าสมัยตนภาคใต้ตายแค่ 900 ศพเองของนายถาวร ฯลฯ)
มาตรฐานของชาวพรรคประชาธิปัตย์เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด พรรคนี้เปลี่ยนคนได้จริง ๆ จนคนดีหรือคนที่ชั่วกว่าถอยหมด เพราะทำวิธีของนักโต้วาทีและหมอความแบบนี้ของพรรคได้ไม่เก่ง แต่คนอย่างนายเทพไท นายวัชระ นายบุญยอด ฯลฯ เป็นตัวอย่างของคนรุ่นใหม่ที่รับวิธีการแบบนี้มาเต็มหัว สิ่งที่พวกเขาเชื่อมั่นกันก็คือ ฝ่ายตรงข้ามที่นิยมประชาธิปไตยนั้น อย่างมากก็แค่ฟ้องหมิ่นประมาทพวกตน เมื่อขึ้นพิจารณาคนพวกนี้ก็จะใช้สองวิธีหลัก คือการล็อบบี้ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็จะใช้วิธีขอประนีประนอม หรือขอขมา ง่ายและทำกันจนปกติ พ้นคดีออกมาก็โจมตีถากถางเขากันต่อไป
ฉะนั้น หน้าที่ของเราถ้าจะตอบโต้คนพวกนี้ก็คือ แบ่งกลุ่มในการต่อสู้เสียเลย กลุ่มหนึ่งโต้มันเข้าไปเลย เช่น ถามกลับไปว่า โอเค นายอัมสเตอร์ดัมเข้าเมืองไทยเมื่อไหร่ให้ตำรวจจับเลย (เพราะแกเข้าไม่ได้ในตอนนี้) ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งถามมันอย่างไอ้นายอรรถพรนี่ว่า แล้วเรื่องสังหารประชาชนกลางเมืองที่เขาจะเอาพวกคุณขึ้นศาลล่ะ มีหลักฐานหักล้างเขาไหม หรือไม่ก็ถามนายอภิสิทธิว่า ตกลงเอ็งมีสองสัญชาติจริงใช่ไหมล่ะ ถึงไม่ตอบเขาตรง ๆ ฯลฯ
อย่าตกหลุมพรางของแนวทางต่อสู้แบบไปไหนมาสามวาสองศอกที่คนพรรคประชาธิปัตย์ชอบใช้ เสียทั้งเวลาทั้งสมอง ทำให้หงุดหงิดกันไปเปล่า ๆ วิธีนี้เดี๋ยวนี้คนไทยเขารู้ทันคนพรรคนี้กันหมดแล้ว ไม่ได้ผลสักครั้งเดียวในระยะหลัง
Re:
โดย ลูกชาวนาไทย
ได้ยินแล้วน่ารำคาญเหมือนกันครับ คือ พวกเขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเหมือนกันกับการตอบโต้นี้ ก็เลยใช้วิธีแบบคนในประเทศด้อยพัฒนาตอบโต้ ขู่ อะไรอย่างนี้
แต่มันใช้ในเวทีระดับโลกคงไม่ได้ผล คงไม่มีใครไปสนใจ “ดิสเครดิต” เนื้อหาที่คนอื่นนำเสนอ นอกจากมุ่งสนใจไปที่เนื้อหาที่คนนำเสนอ และคุณตอบเขาตรงประเด็นในสิ่งที่เขาถามหรือไม่ อารยชนเขาไม่สนใจยุทธวิธีแบบนั้น
พวกนี้ยังไม่เคยเจอ “มวยระดับโลก” สักที ครั้งนี้เจอเป็นครั้งแรก และเรื่องที่อัมสเตอร์ดัมจะเดินเรื่องไล่พรรคประชาธิปัตย์ออกจาก สหภาพประชาธิปไตยโลก นี่คงเป็นสิ่งที่พวกเขายังหาทางตอบโต้หรือช่วยตัวเองไม่ได้ เอกสารที่อัมสเตอร์ดัมจะนำเสนอเป็นหลักฐานสำคัญที่ยากจะตอบโต้ เทคนิคของ ปชป. ที่เคยใช้ได้ผลในประเทศด้อยพัฒนา มันคงไม่มีความหมายอะไร