ที่มา Thai E-News
ผู้ต้องสงสัย?-นายมะแซ อุเซ็ง หรือ อุสตาซแซ(ภาพบน)แกนนำกองกำลังBRN Co-ordinate ภาพซ้ายเป็นภาพเก่าที่ทางการไทยออกหมายจับ ส่วนภาพด้านขวาเป็นรูปในปัจจุบัน (ภาพล่าง)โดยภาพล่าสุดนั้นขยายจากภาพถ่ายร่วมกับนายนัจมูดดิน อูมา ส.ส.นราธิวาส ภาพนี้เชื่อกันว่าถ่ายในมาเลเซีย อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ฝีมือคาร์บอมบ์หนล่าสุดที่ยะลาไม่ใช่ฝีมือของอุสตาซแซ
โดย ปะแด งา มูกอ
14 กุมภาพันธ์ 2554
ลอบวางระเบิดประกอบรถยนต์ (คาร์บอมบ์) กลางเมืองยะลา ทหารบาดเจ็บสาหัส 3 นาย ตำรวจ 1 นาย ประชาชน บาดเจ็บ 13 ราย เพลิงเผาผลาญร้านค้า 15 คูหา
วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 09.50 น.
ศูนย์วิทยุ สภ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่บริเวณ ถนน ณ.นคร เยื้องธนาคารนครหลวง เขตเทศบาลนครยะลา มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
จุดเกิดเหตุอยู่หน้าร้านเฮนเบเกอรี่ เลขที่ 33 ถนน ณ นคร ต.สะเตง มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดทันทีจำนวนหลายราย
ประกอบด้วย
1.ส.อ.ชานนท์ สองแก้ว อายุ 26 ปี (บาดเจ็บสาหัส)
2.จ.ส.ท.ประสิทธิ์ อิสโร อายุ 35 ปี (บาดเจ็บสาหัส)
3.พลทหารวรินทร์รัตน์ จันทร์ดี อายุ 22 ปี (บาดเจ็บสาหัส)
4.ส.ต.อ.ชาติ ประไมยะ อายุ 31 ปี สังกัด ภ.จ.ยะลา
5.น.ส.อังคณางค์ ภัทรพงศ์ อายุ 20 ปี
6.นายเดชณรงค์ พันโท อายุ 25 ปี (บาดเจ็บสาหัส)
7.น.ส.ชลัยพร เรือนธรรม อายุ 42 ปี
8.นายสมศักดิ์ รักษ์พงษ์ อายุ 35 ปี
9.นางศิริพร เรือนธรรม อายุ 38 ปี
10.นางทักษิณา วงศ์จุมปู อายุ 30 ปี
11.นายหมู แซ่เสี้ยว อายุ 59 ปี
12.ด.ช.นิลพัทธ์ แก้วเกาะสะบ้า อายุ 5 ปี
13.นายสุวัฒน์ ไตรรงค์เจริญสุข อายุ 31 ปี
14.นายสมมาตร บุญรุ่ง อายุ 42 ปี
15.นายธนันต์ ฉั่วพานิชย์ อายุ 54 ปี
16.นางปภาดา ผิวเกลี้ยง อายุ 61 ปี
17.นางเตือนใจ กลัดทอง อายุ 44 ปี
เจ้าหน้าที่กู้ภัยร่วมกันลำเลียง ส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา แรงระเบิดทำให้เกิดเพลิงเผาผลาญบ้านเรือนไปรวม 15 คูหา
ที่เกิดเหตุพบซากรถกระบะคาร์บอมบ์ยี่ห้อโตโยต้าดีแม็กซ์ยังไม่ทราบหมายเลขทะเบียนสภาพพังยับเยิน อาคารร้านค้าฝั่งตรงข้ามได้รับความเสียหารพร้อมรถยนต์เก๋ง กระบะและรถจักรยานยนต์รวมกว่าสิบคัน พบระเบิดแสวงเครื่องที่อัดไว้ในถังแก๊สปิกนิกอีกลูกวางอยู่ พื้นถนนใกล้ซากรถคาร์บอมบ์
เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ภ.จ.ยะลา ไปจัดการเก็บกู้ไว้ได้สำเร็จ ห่างจากจุดระเบิดไปราว 10 เมตร พบรถปิกอัพยี่ห้ออิซูสุทะเบียน บต-6817 ปัตตานี จอดอยู่กลางถนน บนกระบะท้ายมีสัมภาระเครื่องอุปโภคบริโภค เป็นรถของเจ้าหน้าที่ทหาร พบสะเก็ดระเบิดตัดจากเหล็กเส้นกระจัดกระจายเป็นวงกว้าง
การสอบสวนทราบว่า กล้องวงจรปิดในบริเวณจุดเกิดเหตุ สามารถบันทึกภาพของคนร้ายที่นำรถคันดังกล่าวมาจอดได้ โดยเมื่อเวลาประมาณ 07.30 น. คนร้ายได้ขับรถยนต์กระบะดีแมกซ์ มาจอดตรงจุดเกิดเหตุ แล้วเดินลงจากรถข้ามฝั่งไปยังด้านหน้าของธนาคารนครหลวงไทย สาขายะลา
จนกระทั่งเวลาประมาณ 09.50 น.ในขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 14 ขับรถยนต์กระบะอีซูซุ หมายเลขทะเบียน บต.6817 ปัตตานี ผ่านมา คนร้ายจึงกดระเบิดขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารและชาวบ้านบาดเจ็บดังกล่าว ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดที่สามารถบันทึกภาพของคนร้ายเอาไว้ได้ มาเทียบกับกลุ่มคนร้ายเป้าหมายแล้ว
สำหรับระเบิดที่คนร้ายนำมาซุกซ่อนอยู่ในรถคันดังกล่าว เป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องบรรจุในถังแก๊สปิกนิกจำนวน 4 ลูก น้ำหนักลูกละ 30 กก. เนื่องจากยังมีถังแก๊สปิกนิกบรรจุระเบิด กระเด็นออกจากตัวรถอีก 1 ถัง และไม่ได้เกิดระเบิดขึ้น ถังน้ำมันขนาด 5 ลิตร ที่ใส่ไว้ในรถ จำนวน 8 ถัง จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ
นี่คือความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชนอีกครั้งหนึ่ง โดยไม่ทราบว่าไอ้บ้าคนไหนเป็นผู้กระทำ ทั้งที่หน่วยข่าวความมั่นคงในจังหวัดชายแดนใต้ ได้รับรายงานหรือว่านั่งเทียนเขียนรายงาน ว่าจะเกิดเหตุการณ์การลอบวางระเบิดประกอบรถยนต์ [CAR BOMB] ในตัวเมืองจังหวัดยะลา ดังปรากฏในรายละเอียดของรายงาน
วันจันทร์ที่ 3 มกราคม 2554
หน่วยข่าวความมั่นในพื้นที่ภาคใต้รายงานงานว่า นายมะแซ อุเซ็ง หรือ อุสตาซแซ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/1 บ.เจาะเกาะ ม.1 ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส แกนนำฝ่ายปกครองระดับกัส (เขต) ได้เรียกประชุมสมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ที่บาลาเซาะ บ.ดาบง อ.กัวลากรัย รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีสมาชิกเดินทางไปร่วมประชุมประมาณ 30 คน
เบื้องต้นทราบชื่อจำนวน 3 คน ประกอบด้วย นายมะปีเยาะ ฮูแตมา นายมุสตากิน ฮูแตมาแจ นายเปาะดายะ ปุลากาซิง โดยสาระสำคัญในการประชุมมีการกล่าวถึงความสูญเสียของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ต่างๆ ทั้งที่เสียชีวิตจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่และถูกจับกุม
ที่ประชุมยังได้พูดถึงแนวทางการต่อสู้ใน ปี 2554 คือให้สมาชิกปฏิบัติการ โดยแต่งกายเหมือนเจ้าหน้าที่ขณะออกปฏิบัติการก่อเหตุต่อเป้าหมายต่างๆ ให้ประชาชนที่พบเห็นเข้าใจว่า เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ เพิ่มความถี่ในการปฏิบัติการต่อเป้าหมายที่เป็นคนไทยพุทธ โดยใช้วิธีลอบวางระเบิดและยิง เพื่อสร้างความหวาดกลัวแก่คนไทยพุทธที่ยังคงอาศัยอยู่ในพื้นที่
ตลอดจนตรวจสอบพฤติกรรม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิก อบต. และผู้นำศาสนา ที่ให้ความร่วมมือกับทางราชการ และเร่งกำจัดโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับคนอื่น
มีแผนที่จะให้สมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการที่ยังไม่ถูกเปิดเผยพฤติกรรม และไม่มีหมายจับให้ใช้ชีวิตตามปกติ โดยไม่ต้องหลบหนี เพื่อคอยตรวจสอบการเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ และให้สร้างมวลชนในพื้นที่ต่างๆ เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเยาวชน ให้คัดเลือกเข้ารับการฝึกเป็นกองกำลังในการปฏิบัติการต่อไป
พร้อมสั่งการให้กลุ่มของนายมาหามุ มะแตหะ และนายซาการียา บาเหะ เดินทางเข้าไปในพื้นที่ จ.ยะลา เพื่อก่อเหตุลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ในเขตเทศบาลนครยะลา ในช่วงวันที่ 30 ธ.ค.53 - 5 ม.ค.54 โดยรถที่จะใช้ก่อเหตุคาร์บอมบ์ระบุเป็นรถเก๋ง ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นแชมป์ สีขาว ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน จะนำรถไปจอดบริเวณหน้าสถานบันเทิงในเขตเทศบาลนครยะลา จากนั้นจะมีสมาชิกแนวร่วมใช้ รถจักรยานยนต์รับในการหลบหนี
เมื่ออ่านดูตามเนื้อข่าวของรายงาน มันก็ล่วงเวลามานานเป็นเดือนแล้ว รวมถึงเจ้ารถคาร์บอมบ์มันก็คนละเรื่องกันเลย ยิ่งสถานที่ยิ่งไปกันใหญ่ จึงไม่น่าจะเป็นฝีมือของพ่อเจ้าประคุณ มะแซ อุเซ็ง เป็นแน่แท้
ในเมื่อไม่ใช่ฝีมือลูกน้อง มะแซ อุเซ็ง เป็นคนทำ แล้วไอ้ลูกผีเปรตตนใดที่เป็นคนทำ
ประเด็นนี้น่าคิด เพราะมันมีเหตุการณ์อันหนึ่งที่ชวนให้ฉุกคิด คือภายหลังจากวันสวนสนาม ครบรอบวันสถาปนากองอาสารักษาดินแดน (10 ก.พ. 54) แล้ว มีกระแสข่าวว่า ยะลาถ้าจะไม่รอดอีกคราวนี้ เพราะทะลึ่งมาแสดงแสนยานุภาพเพื่อเป็นความข่มขวัญฝ่ายตรงกันข้าม คงจะต้องมีเหตุการณ์รับขวัญอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ และแล้วมันก็เป็นจริงขึ้นมา
(วันที่ 10 ก.พ.) ที่บริเวณลานฝึกศูนย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนภาคใต้ (ศชต.) ถ.สุขยางค์ เขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย/รองผู้บัญชาการกองอาสารักษาดินแดน เป็นประธานในพิธีกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณ และสวนสนาม เนื่องในวันครบรอบวันสถาปนากองอาสารักษาดินแดน โดยมี นายภาณุ อุทัยรัตน์ รองปลัดกระทรวงมาหดไทย ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (เลขาธิการ ศอ.บต.) พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผบช.ศชต.) นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ สมาชิกอาสารักษาดินแดน จ.ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา เข้าร่วมในพิธีสวนสนาม จำนวน 825 นาย
นายถาวร เสนเนียม ได้กล่าวในพิธีสวนสนามว่า
“และตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นไป ทหารที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะต้องถอนกำลังกลับไปปฏิบัติภารกิจป้องอริราชศัตรู ไม่ให้รุกล้ำเขตแดนไทย ซึ่งหลังจากนี้ จะมีการเพิ่มกำลังพลอาสารักษาดินแดน ทั้ง 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 12,000 นาย ในการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ของอาสารักษาดินแดนนั้น จะอยู่ในรูปแบบของกองกำลังประจำถิ่น
รัฐบาลมีความมั่นใจว่า กองกำลังภาคประชาชนจะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ได้ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากเป็นกองกำลังที่รู้จักคน รู้จักภูมิประเทศ และรู้จักขนบธรรมเนียมประเพณี ง่ายแก่การสร้างความเข้าใจ ส่วนความพร้อมด้านสมรรถนะทางด้านร่างกาย และจิตใจได้มีการฝึกการปฏิบัติการพิเศษให้แก่อาสารักษาดินแดนด้วย”
ด้วยเหตุการณ์สวนสนามครั้งนี้แหล่ะ ที่ประชุมของสภากาแฟ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ยะลาโดนเรื่องนี้แหงๆ............
ข้อเตือนสติ
ปัตตานี มันสมองสั่งการ
นราธิวาส มันสมองปฏิบัติการ
ยะลา มันสมองทำลาย (สัญลักษณ์หน่วยงานของรัฐ)
*******
ข่าวเกี่ยวเนื่อง:
-เหตุการณ์ความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ สมัยรัฐบาลนี้ ตายแค่ 900 ศพ …!!!!