ที่มา ประชาไท
ศอ.รส.ให้พันธมิตรฯ คืนพื้นที่รอบทำเนียบฯ เกรงม็อบ พธม.นปช. เผชิญหน้า - ทั่ว กทม.ระดมกำลัง 27 กองร้อย - จำลองยันชุมนุมปกป้องแผ่นดินไทยต่อ
เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.ในฐานะผอ.ศอ.รส. เดินทางตรวจความพร้อมของ ศปก.สน.บก.น.2 ในการเตรียมรับมือการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ในวันที่13 ก.พ.นี้ว่า ตำรวจได้วางกำลังจากนครบาล และจากบช.ภ.4 รวม 5 กองร้อยในการดูแลความสงบ ทั้งนี้คาดว่าจะมีผู้มาชุมนุมที่หน้าศาลฯ 5,000 คนโดยไม่อนุญาตให้เข้ามาภายในเด็ดขาด แม้พื้นที่นี้ไม่ได้ประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงฯแต่การเข้าพื้นที่ศาลโดยไม่ได้ รับอนุญาตถือว่าละเมิดอำนาจศาล อย่างไรก็ตามในการเคลื่อนขบวนไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยนั้นขอร้องให้ไป เป็นขบวน อย่าดาวกระจายเพราะจะไปสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน โดยตำรวจจะวางกำลังดูแลความปลอดภัยตลอดเส้นทาง โดยวางแผนเผื่อไว้ทั้งเส้นทางถนนพหลโยธินและถ.วิภาวดีรังสิต จนกระทั่งเข้าถนนหลานหลวง สู่ราชดำเนิน และวางกำลังป้องกันในจุดที่ม็อบ 2 สีต้องเคลื่อนผ่านกัน เพื่อป้องกันการเผชิญหน้า ทั้งนี้ทั่ว กทม.ระดมกำลังรับมือ 27 กองร้อย
สำหรับการชุมนุมของพธม.นั้น ผอ.ศอ.รส.กล่าวว่า แม้พธม.จะไม่ปฏิบัติตามประกาศศอ.รส.ตำรวจก็ยังยืนยันจะใช้การเจรจา เพื่อเปิดเส้นทางการจราจรต่อไป ยังไม่ถึงขั้นต้องแสดงกำลัง โดยเป้าหมายเพื่อให้การคลี่คลายสถานการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
นายกฯ ดักทางพธม.อย่าสร้างเงื่อนไข
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ภายหลังเจ้าหน้าที่นำคำสั่งศาลไปติดประกาศเพื่อให้กลุ่มพธม.ออกจากพื้นที่ กลุ่มพธม.ไม่ยอมออกจากพื้นที่นั้น ก็ต้องดำเนินการซึ่งจะมีขั้นตอนของมันที่ทางศอ.รส.ปฏิบัติ ตนย้ำอีกครั้งว่าพธม.ควรคิดถึงประชาชนทั่วไปการเปิดถนนให้ประชาชนสัญจรไปมา ไม่ได้กระทบสิทธิในการชุมนุมแต่ถ้าพันธมิตรฯชุมนุมในวิธีการแบบนี้มันเป็น การละเมิดสิทธิ์ของคนอื่น อย่าพยายามที่จะอ้างว่ารัฐบาลจะใช้ความรุนแรงเพราะรัฐบาลไม่มี และอย่าพยายามสร้างเงื่อนไขเช่นท้าทายให้มีการจับกุม เพื่อนำไปสู่เหตุการณ์ปะทะกัน หรือความรุนแรงเพราะมันไม่ได้เกิดอะไรกับส่วนรวม
ตร.นำประกาศ ศอ.รส.ให้"จำลอง"ขอคืนพื้นที่รอบทำเนียบรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.50 น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ได้นำประกาศของศูนย์อำนวยการความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) 2 ฉบับ ไปมอบให้กับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เพื่อแจ้งให้ทราบว่า ห้ามบุคคลภายนอกเข้าออกอาคาร ทำเนียบรัฐบาล บริเวณถนนพิษณุโลก จากแยกพาณิชยการมุ่งหน้าแยกสวนมิสกวัน ถนนพระราม 5 จากสะพานมัฆวานฯ ถึงทำเนียบรัฐบาล ถนนนครปฐม ถนนลูกหลวง และถนนราชดำเนินนอก จากสวนมิสกวัน มุ่งหน้าสะพานมัฆวานรังสรรค์ หรือถนนโดยรอบทำเนียบรัฐบาลและห้ามใช้ยานพาหนะโดยรอบอาคารรัฐสภา โดย พล.ต.จำลองได้เซ็นรับทราบในหมายของ ศอ.รส.ดังกล่าว
พล.ต.ต.วิชัยกล่าวว่า สำหรับหมายดังกล่าว มีผลตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่ตามขั้นตอน ต้องมีการเข้ามาเจรจา เพื่อให้รับทราบในหลักการก่อน
ขณะที่บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร เช้าวันนี้ยังเป็นการเล่าข่าวและมีการขึ้นปราศรัยตามปกติ ล่าสุด พล.ต.จำลองอ้างว่า มีผู้ใหญ่ในเขมรโทร.หาคนในรัฐบาล ให้สลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร อย่างไรก็ตาม เวลา 16.00 น. แกนนำจะหารือกันเพื่อหาทางตอบโต้รัฐบาล
"มาร์ค"เผยยังสรุปไม่ได้ ยื่นอุทธรณ์เพื่อขออภัยโทษ"วีระ-ราตรี"
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการช่วยเหลือ นายวีระ สมความคิด และนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ที่ถูกศาลกัมพูชาตัดสินจำคุก โดยไม่รอลงอาญาว่า เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ได้คุยกับแม่นายวีระ ก็มีแนวทางที่พูดคุยกันอยู่ ก็คิดว่าจะทำให้เกิดความเป็นเอกภาพมากขึ้น เพราะว่านายณฐพร โตประยูร ทนายความของนายวีระและของนางสาวราตรีได้มาคุยด้วย ส่วนที่จะขอให้ทั้งสองคนยื่นอุทธรณ์ เพื่อขออภัยโทษนั้นยังไม่ได้สรุป แต่ว่าที่ผ่านมายังมีปัญหาเรื่องการประสานงานการเข้าไปของทนายนายวีระเอง ฉะนั้น กระทรวงการต่างประเทศต้องผลักดันให้เขาได้พูดคุยกันมากขึ้น เพื่อแนวทางการต่อสู้จะได้เป็นที่รับรู้รับทราบและการตัดสินใจต่างๆจะได้สอด คล้องกัน
"คุณแม่ของคุณวีระ ท่านก็เป็นห่วงต้องการช่วยลูกให้ออกมาให้ได้ ซึ่งก็ได้คุยและมีความเข้าใจที่ดี ส่วนที่แม่ของนายวีระบอกว่า จะทำวิธีไหนก็ได้เพื่อให้ช่วย ก็ตรงกับแนวคิดของเรา และผมก็คิดว่าตรงกับแนวคิดของคนจำนวนมาก" นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องเข้าใจนายวีระ เพราะยังกังวลว่าถ้าตัวเองได้กลับมา อาจส่งผลกระทบต่อสิทธิของประเทศในเรื่องดินแดน เรื่องอธิปไตย นายวีระจะไม่ยอม ซึ่งแนวคิดนี้ตนก็ว่าน่าชื่นชม ตนก็เพียงแต่ยืนยันไปแล้วว่า รัฐบาลดำเนินการทุกวิถีทางบนกรอบความคิดเดียวกัน เหมือนก่อนหน้านี้ ที่เราทำหนังสือไปเรื่องการไม่ยอมรับคำพิพากษาของศาลอย่างนี้ เป็นต้น แต่ว่าขณะเดียวกัน การดำเนินการที่จะอำนวยความสะดวกเพื่อให้เกิดการพูดคุยเจรจาที่จะมีผลให้นาย วีระกลับมาเราก็ต้องดำเนินไป เพื่อไม่ให้กระทบตรงนี้ อยากให้ความมั่นใจกับคุณวีระตรงนี้ คุณวีระจะได้ตัดสินใจด้วยความสบายใจว่า ถ้าได้กลับมาไม่กระทบประโยชน์ของประเทศแน่นอน
เมื่อถามว่า อยากให้ยุติการยื่นอุทธรณ์หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ไม่ครับ ทางนายวีระกับทางทีมทนายจะพูดคุยกัน และเราจะเป็นผู้ให้ข้อมูลในเชิงของการประเมินสถานการณ์ความเป็นไปได้ของทาง เลือกต่างๆ แต่สุดท้ายทางครอบครัวจะต้องเป็นผู้ตัดสินใจและสมัครใจว่าจะทำอย่างไร ส่วนเรื่องการพาครอบครัวของนายวีระเดินทางไปกัมพูชานั้นกำลังประสานอยู่ เพราะแม่ของนายวีระก็ต้องการไปเยี่ยม
พธม.ยังปักหลักชุมนุม ล่าสุดยอมเปิดจราจรถนนราชดำเนินแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ช่วงเช้านี้ ยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมนั่งฟังการสรุปข่าวของพิธีกรบนเวที ซึ่งเนื้อหาสรุปข่าว เป็นเรื่องข้อพิพาทของประเทศไทยกับกัมพูชา ขณะที่ประชาชนบางส่วนยังคงปฏิบัติภารกิจส่วนตัวภายในเต๊นท์ที่พัก 2 ข้างทาง
ส่วนระบบการดูแลความปลอดภัยของกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น ยังคงมีการ์ดพันธมิตรคอยตรวจตราบุคคลที่จะเข้ามาร่วมชุมนุมอย่างเข้มข้น อย่างไรก็ตาม หลังจากเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ มีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนพยายามปิดถนนราชดำเนิน ช่วงลานพระบรมรูปทรงม้า แต่ขณะนี้ ได้มีการเปิดการจราจรแล้ว
"จำลอง" ยันชุมนุมปกป้องแผ่นดินไทยต่อ-เมิน ศอ.รส.ขู่ผลักดัน
ที่เวทีสะพานมัฆวาน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีการชุมนุมเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ถึงผลการประชุมของคณะกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดิน ที่เห็นตรงกันว่า พันธมิตรฯ จะไม่ออกจากพื้นที่ไปไหน แม้จะมีคำสั่งของศอ.รส.ออกมาก็ตาม แต่ยังยืนยันว่าจะอยู่ที่นี่และชุมนุมต่อไป หากแม้มีการผลักดันออกนอกพื้นที่ในหลายวิธีเราก็จะกลับเข้ามาชุมนุมใหม่ หรือผลักดันตรงไหนก็ชุมนุมตรงนั้น เพื่อปกป้องดินแดนของเรา
ด้านนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีที่ ชาวบ้านภูมิซอล อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้ทยอยกันกลับบ้านแล้วนั้น ว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่รัฐบาลไม่ใช้เวลาก่อนหน้านี้ ในการผลักดันทหาร และกองทัพกัมพูชาออกไปจากแผ่นดินไทย รวมถึงการทำลายถนนที่ตัดขึ้นมาจากกัมพูชา มาถึงวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ถนนเส้นหลักที่กัมพูชาใช้ในการขนยุทโธปกรณ์ขึ้นมาใช้ยิงปืนใหญ่เข้ามาในฝั่ง ไทย และยังมีกระเช้าจากฝั่งกัมพูชาขึ้นมาปราสาทเขาพระวิหาร สามารถรับน้ำหนักได้ถึง 1 ตัน มีการขนอุปกรณ์มาติดตั้งจานดาวเทียม และยุทธปัจจัยทางการทหารจำนวนมาก เพื่อชิงความได้เปรียบในการอยู่ในจุดสูงข่ม และหากยังเป็นเช่นนี้ แม้ชาวบ้านจะกลับบ้านได้ ก็ยังไม่ปลอดภัยอยู่ดี
นายปานเทพ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้เราได้เสนอข้อเรียกร้องเฉพาะหน้าไปยังรัฐบาล 3 ข้อ เพื่อเป็นการชิงความได้เปรียบจากกัมพูชา ทั้งการงดการส่งน้ำมันไปยังประเทศกัมพูชา ทำลายถนนที่ตัดขึ้นเขาพระวิหาร และใช้แสนยานุภาพทางอากาศ แต่รัฐบาลไม่ทำ จนปล่อยเรื่องบานปลายมาจนถึงทุกวันนี้ จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องรับผิดชอบ
นายประพันธ์ คูณมี แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า จากการประกาศของพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. นั้น เป็นการใช้ พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (พ.ร.บ. มั่นคงฯ) ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นการชุมนุมที่สงบ มุ่งหวังปกป้องเอกราชของประเทศเท่านั้น และการประกาศห้ามบุคคลเข้ามาบริเวณชุมนุมเป็นการประกาศที่ไม่สามารถปฏิบัติ ได้จริง ทั้งนี้ยืนยันจะไม่ออกจากพื้นที่โดยเด็ดขาด หากยังไม่ได้ตามข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ การยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราช อาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก ปี 2543 หรือ เอ็มโอยูปี 2543 การถอนตัวออกจากคณะกรรมการมรดกโลกและการผลักดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ชาย แดน
นอกจากนี้หากรัฐบาลจะใช้อำนาจสากลกดดันผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เตรียมทนายความเพื่อฟ้องร้องดำเนินคดีตอบโต้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นศาลปกครอง ศาลอาญา ศาลรัฐธรรมนูญ
ที่มาข่าวเรียบเรียงจาก: มติชนออนไลน์, ASTV ผู้จัดการออนไลน์